การเคลมประกันรถมักจะมีค่าเสียหายในส่วนแรก ที่คนซื้อประกันรถยนต์ต้องจ่ายด้วย โดยจะพิจารณาตามรายการความเสียหาย เป็นจำนวน 1000 บาทต่อ 1 รายการความเสียหาย ถึงจะเป็นรถยนต์คันใหม่ป้ายแดง ก็ต้องจ่ายค่าประกันส่วนแรกเมื่อจะเคลมประกันรถโดยไม่มีข้อยกเว้น
ประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นสามารถเคลมประกันรถได้มากถึง 3 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายต่อร่างกาย ต่อทรัพย์สิน และจากภัยธรรมชาติ โดยรายละเอียดของเคสที่สามารถเคลมประกันรถได้ มีดังต่อไปนี้
ค่าเสียหายส่วนแรกหรือค่า excess ซึ่งหมายถึง เงินที่คุณจะถูกเรียกเก็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถแจ้งถึงสาเหตุร่องรอยบนรถนั้นได้ โดยค่าเสียหายในส่วนนี้ จะถูกเรียกเก็บเฉพาะกับคนที่ต้องการเคลมประกันรถชั้น 1 เท่านั้น
จะว่าไปแล้ว เรื่องค่าเสียหายส่วนแรกนี้นั้น เพิ่งเกิดขึ้นมาได้ยังไม่นานนัก โดยมีการเริ่มเก็บค่าเสียหายส่วนแรกขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นมา โดยข้อกฎหมายเกี่ยวกับการเสียค่าเสียหายส่วนแรกหรือค่า Excess นั้น ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจการประกันภัย (คปภ.) ที่ตั้งข้อกำหนดเอาไว้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ดังต่อไปนี้
รถที่ทำประกันหลังวันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป เมื่อเกิดเหตุการณ์รถชนแล้วไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ เมื่อแจ้งเคลม จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก หรือ ค่า Excess จำนวน 1,000 บาทต่อเหตุการณ์
นั่นหมายความว่าถ้ารถคันที่ทำประกันไว้ เกิดโดนต้นไม้ล้มทับและถูกตะปูตำยางพร้อมกัน ในกรณีนี้ ค่าเสียหายส่วนแรกจะถูกคิดเป็น 2 เหตุการณ์ โดยนับเหตุการณ์ที่ 1 คือ ต้นไม้ล้มทับ มีค่าใช้จ่ายส่วนแรก 1,000 บาท และเหตุการณ์ที่ 2 คือตะปูตำยาง อีก 1,000 บาท ทำให้ก่อนเคลมประกันรถ คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนแรกเป็นจำนวน 2,000 บาทนั่นเอง
หากต้องการเคลมประกันรถ คุณก็สามารถทำได้ เพียงแต่ว่า ถ้าเป็นการเคลมแห้ง หรือเป็นการเคลมแบบที่ไม่มีคู่กรณีแล้ว คุณต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก เป็นจำนวนเงินเหตุการณ์ละ 1,000 บาท ต่อ 1 จุดความเสียหาย หากคุณสนใจ อยากซื้อประกันรถยนต์เอาไว้ใช้งานให้อุ่นใจ เราขอแนะนำบริษัทประกันรถยนต์อย่าง insurverse ที่คุณสามารถสมัครซื้อประกันรถยนต์ได้อย่างง่ายดายด้วยตนเองผ่านอินเทอร์เน็ต
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง