ทุกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถบนท้องถนน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทั้งร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน และผลกระทบในด้านอื่นๆ เป็นวงกว้าง สามารถหาทางออกและควบคุมได้โดยการ ทำประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องใช้รถ เป็นยานพาหนะในการเดินทางอยู่บ่อยครั้ง และข้อสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนตัดสินเลือกทำประกันรถยนต์ แต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม ก็คือการได้ศึกษาเงื่อนไขการดูแล ความคุ้มครอง แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้ได้รับกรมธรรม์ที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับตัวเอง
การมองหาประกันภัยรถยนต์ดีๆ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้เวลาที่ต้องอยู่หลังพวงมาลัย แน่นอนว่าจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น งบประมาณ ประสบการณ์ของผู้ขับขี่ รุ่นและอายุของรถยนต์ ลักษณะการเดินทาง ระยะทางในการใช้รถ และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งความคุ้มครองที่คุ้มค่า ปลอดภัย และเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองที่สุด ซึ่งความแตกต่างของประกันรถยนต์ แต่ละประเภทนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ลองมาเปรียบเทียบกัน
เป็นประกันภัยรถยนต์ที่ผู้ใช้รถ นิยมซื้อกันมากที่สุด แม้ราคาเบี้ยต่อปีจะค่อนข้างสูงก็ยินดีจ่าย เนื่องจากให้ความคุ้มครองในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายต่อตัวรถ อาการบาดเจ็บ ทรัพย์สิน และชีวิต ทั้งที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่เอง และคู่กรณีอย่างครบวงจร รวมไปถึงเมื่อถูกโจรกรรม หรือเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ อย่างไฟไหม้ น้ำท่วม ก็จะครอบคลุมด้วยเช่นเดียวกัน ผู้ที่เพิ่งถอยรถคันใหม่ ครอบครองรถคันแรก หรือเป็นมือใหม่หัดขับ หากมีงบประมาณแนะนำประกันชั้น 1
หากใครที่มีงบจำกัด ลองลดระดับมาที่ประกันชั้น 2 ก็ได้ เบี้ยรายปีไม่สูงเท่าชั้น 1 และความคุ้มครองก็แทบไม่ต่างกันมากนัก อาจมีเฉพาะบางเงื่อนไขที่ไม่ครอบคลุมความรับผิดชอบ อย่างในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หากใครที่ใช้รถมาเป็นเวลา 5 ปีขึ้นไป มีประวัติการขับรถที่ดี บอกเลยตอบโจทย์
ประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่บนท้องถนนได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ใช้รถไม่บ่อย หรืออาจต้องจอดในที่มืด ที่เปลี่ยวตลอด เนื่องจากจะให้ความคุ้มครองผู้ขับขี่ในส่วนของตัวรถยนต์ เช่น สูญหาย ไฟไหม้ ถูกชิงทรัพย์ เป็นต้น แต่ในด้านชีวิต ร่างกาย อาการบาดเจ็บ และทรัพย์สิน จะคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
ข้อดีคือ ราคาเบี้ยประกันถูก แต่จะคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของทางฝั่งคู่กรณีเท่านั้น ไม่รับผิดชอบความเสียหายของตัวรถ ไม่คุ้มครองกรณีเกิดไฟไหม้ หรือสูญหาย เพราะฉะนั้นจึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือมีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของรถยนต์ ทรัพย์สิน ร่างกาย และชีวิตของคู่กรณีเท่านั้น เพราะฉะนั้น ผู้ที่ควรทำประกันประเภทนี้คือผู้ที่ใช้รถน้อยมาก และจอดอยู่ในที่ปลอดภัย หรือผู้ที่มีรถยนต์หลายคัน
เพียงแค่ศึกษาแผนการคุ้มครองคร่าวๆ ก็พอจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจได้แล้วว่า ประกันรถยนต์ประเภทไหน เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด และเพื่อเป็นเครื่องการันตีว่าผู้เอาประกัน จะได้รับการดูแลอย่างดี ก็ต้องซื้อประกันผ่านบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ ราคาสมเหตุสมผล อุ่นใจและมั่นใจทุกครั้งที่ต้องใช้รถ ใช้ถนน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง