อยากซื้อประกันชั้น 2+ แต่ยังกังวลเกี่ยวกับค่า excess อยู่หรือเปล่า? หากใช่ สิ่งที่คุณต้องการทำคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้นว่าค่า excess จ่ายตอนไหน? และกรณีใดบ้าง เพราะจริง ๆ แล้วค่า Excess ยังคงจำเป็นต้องมีผลบังคับใช้ เพื่อป้องกันการใช้สิทธิประโยชน์กับประกันรถยนต์ในบางที่ผิด ทั้งนี้
สำหรับการซื้อประกันชั้น 2+ ไม่ได้การันตีว่าผู้ใช้งานจะไม่ต้องเสียค่า excess เพราะค่า excess ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ยังมี เนื่องจากค่า excess คือค่าเสียหายส่วนแรกในการซ่อมรถที่บังคับใช้โดยกฎหมาย ถึงแม้ว่าจะมีประกันรถยนต์แล้วก็ตาม หากอุบัติที่เหตุที่ทำให้รถยนต์เกิดความเสียหายโดยไม่มีคู่กรณีและไม่มีหลักฐาน จะต้องเสียค่า excess เพิ่ม ยกตัวอย่างเหตุการณ์เช่น
ผู้ใช้ประกันชั้น 2+ จะไม่ต้องเสียค่า Excess ในกรณีที่ ในเหตุการณ์มีคู่กรณีที่สามารถระบุความผิดได้ร่วมด้วย
เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ที่สามารถระบุความเสียหายได้ชัดเจน ก็จะไม่ต้องเสียค่า Excess
ความแตกต่างของประกันชั้น 2 และประกันชั้น 2+ คือ
ทั้งนี้ความคุ้มครองก็แบ่งออกตามราคาเอาประกันด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหากต้องการเช็กราคาประกันชั้น 2+ คุณสามารถเข้าไปได้ที่ insurverse จะมีระบบคำนวณราคาประกันให้โดยอัตโนมัติ สามารถเปรียบเทียบความคุ้มครองและราคาได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
หากรถยนต์ของคุณประสบเหตุการณ์ที่เข้าเงื่อนไขต้องเสียค่า excess ผู้ใช้รถจะต้องเสียค่า Excess เหตุการณ์ละ 1,000 บาท เช่นมีเหตุการณ์หินกระเด็นใส่รถบุบ พร้อม ๆ กับล้อรถเหยียบตะปู จะถือเป็น 2 เหตุการณ์ซึ่งจะเสียค่า excess 2,000 บาทในกรณีนี้ แต่ทั้งนี้หากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเคลมทั้งคันอย่างโดนหมาพิทบูลที่เลี้ยงไว้แทะรถทั้งคันจนต้องซ่อมหลายส่วน ตรงนี้จะมีค่า excess เคลมรอบคันไว้รองรับโดยจะอยู่ในราคาระหว่าง 4000 – 8000 บาทแล้วแต่กรณี
ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้นไหน หากเงื่อนไขอุบัติเหตุสอดคล้องกับการเหตุการณ์ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ชัดเจน ก็จะมีค่า excess อยู่ดี และเพื่อตรวจสอบการเสียค่า ต่อเหตุการณ์คร่าว ๆ สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาที่ insurverse ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ได้ตลอดเวลา
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง