สำหรับผู้ที่ใช้บริการทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์เป็นประจำมักจะต้องเจอปัญหารถติดบนทางด่วน โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนช่วงเช้า ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้รถบนทางด่วนเคลื่อนตัวได้ช้าก็เพราะต้องหยุดรถเพื่อจ่ายเงิน แต่ในปัจจุบันกรมทางหลวงได้พัฒนาระบบการจ่ายเงินอัจฉริยะที่เรียกว่า m flow ซึ่งสามารถช่วยลดปัญหารถติดบนทางด่วนได้ โดยวันนี้ insurverse จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเจ้าระบบอัจฉริยะที่ว่านี้กัน
สำหรับระบบ m flow คือระบบเก็บค่าทางด่วนอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น รถทุกคันที่ใช้ระบบนี้ไม่จำเป็นต้องชะลอความเร็วหรือหยุดรถเมื่อเข้าสู่ด่านจ่ายเงิน แต่สามารถวิ่งผ่านด่านได้ด้วยความเร็วปกติ โดยระบบจะบันทึกข้อมูลรถที่วิ่งผ่านด่านไว้แล้วค่อยเก็บค่าผ่านด่านย้อนหลัง สามารถเลือกชำระได้ทั้งแบบ QR Code ผ่านแอปพลิเคชัน ชำระผ่านบัตรเครดิต หรือชำระผ่านระบบตัดเงินอัตโนมัติ M-Pass อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นรายครั้งหรือชำระตามรอบบิล
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิก m flow ก็สามารถใช้บริการก่อนแล้วจ่ายค่าผ่านทางย้อนหลังได้ภายใน 7 วัน โดยสามารถจ่ายย้อนหลังได้หลายช่องทาง ได้แก่ ชำระผ่านแอปพลิเคชัน MFlowThai ชำระผ่านตู้ ATM เคาน์เตอร์เซอร์วิส รวมถึงชำระผ่านบัตรเดบิตและบัตรเครดิต แต่สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกชำระอัตโนมัติผ่านบัตรเดบิต/บัตรเครดิต ชำระโดยหักเงินผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย ชำระผ่าน M-Pass หรือ Easy Pass ชำระด้วย QR Code ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร รวมถึงชำระผ่านตู้ ATM และเคาน์เตอร์เซอร์วิส
ท่านใดที่สนใจใช้บริการ m flow สามารถสมัครสมาชิกได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
หลังจากใช้บริการ m flow ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกหรือไม่เป็นสมาชิกจะต้องชำระค่าผ่านทางตามจริงภายใน 7 วัน แต่หากเพิกเฉยไม่จ่ายภายในเวลาที่กำหนดจะต้องเสียค่าปรับดังนี้
ทั้งหมดนี้คือสาระน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบจ่ายค่าทางด่วน m flow ที่ insurverse รวบรวมนำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะช่วยให้ผู้ใช้รถทุกคนเดินทางกันได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้นไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือขับขี่ด้วยความไม่ประมาทและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น รวมถึงความปลอดภัยต่อรถของคุณเองด้วย แต่หากต้องการความคุ้มครองให้กับรถของคุณมากยิ่งขึ้น การทำประกันภัยรถยนต์ถือเป็นสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์ของคุณได้ ซึ่งประกันภัยรถยนต์นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่หากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุดดีที่สุด แนะนำให้เลือกทำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 โดยคุณสามารถเข้าไป เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ รวมถึงศึกษารายละเอียดความคุ้มครองต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ insurverse
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ไขข้อสงสัยเรื่อง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมศูนย์กับซ่อมอู่ต่างกันยังไงแบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับรถและงบของคุณ เลือกแบบไหนคุ้มกว่ามีคำตอบที่นี่!
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง? ประกันชั้น 2 และ 2+ คุ้มครองแตกต่างกัน ชั้น 2 คุ้มครองรถเรากรณีรถหายหรือไฟไหม้ ส่วน 2+ คุ้มครองรถเรา ทั้งรถหาย ไฟไหม้และรถชนรถ
ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ให้ความคุ้มครองมากกว่าที่คิด ครอบคลุมทั้งรถเราและคู่กรณี ในราคาเบา ๆ เหมาะสำหรับคนใช้รถทุกวันที่อยากอุ่นใจแต่ไม่อยากจ่ายแพง