ใบขับขี่เป็นเอกสารสำคัญที่คนขับขี่ทุกต้องพกติดตัวทุกครั้งเมื่อขับรถบนท้องถนน ซึ่งการต่อใบขับขี่จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ การต่ออายุใบขับขี่ชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี และการต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี แต่การต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี มีเงื่อนไขและขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น insurverse มีคำตอบมาฝาก
ใบขับขี่ หรือ Driving License คือใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะ เพื่อแสดงว่าผู้ถือได้รับอนุญาตจากกรมขนส่งให้ขับขี่ยานพาหนะประเภทนั้น ๆ ได้ นอกจากนั้นใบขับขี่มีไว้ใช้รับสิทธิ์ค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย เป็นเอกสารสำคัญในการยืนยันตัวตนได้เช่นเดียวกับบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงเป็นคุณสมบัติพิเศษที่หลาย ๆ บริษัทกำหนดขึ้นเพื่อรับสมัครงานอีกด้วย อย่างไรก็ตามหากขับขี่ยานพาหนะโดยไม่มีใบขับขี่ตามกฎหมายแล้วมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุ ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ หรือถูกเจ้าหน้าที่ยึดใบขับขี่ จะถูกปรับสูงสุด 2,000 บาท พร้อมถูกหักคะแนนความประพฤติทันที 2 คะแนน
สำหรับเอกสารที่ใช้ในการต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ไม่แตกต่างกับตอนสมัครสอบใบขับขี่หรือการต่อใบขับขี่ 2 ปี เป็น 5 ปี ได้แก่
การต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี สามารถดำเนินการที่สำนักงานของกรมขนส่งได้ทุกพื้นที่ แต่เพื่อความสะดวกรวดเร็วปัจจุบันสามารถขอจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ของกรมขนส่งทางบก โดยเมื่อถึงวันเวลาที่จองคิวให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ในการต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ผู้ขอต้องชำระค่าธรรมเนียมให้กับกรมขนส่ง โดยกรณีขอใบขับขี่รถยนต์อายุ 5 ปี จะเสียค่าธรรมเนียมทั้งสิ้น 505 บาท ส่วนใบขับขี่รถจักรยานยนต์อายุ 5 ปี ต้องเสียค่าธรรมเนียม 255 บาท
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการต่ออายุใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี ที่นำมาฝาก ซึ่งจะเห็นว่าสมัยนี้การต่อใบขับขี่ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะสามารถจองคิวผ่านช่องทางออนไลน์และยังต่อได้ล่วงหน้าอีกด้วย เมื่อต่ออายุใบขับขี่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมทำประกันภัยภาคสมัครใจให้กับรถยนต์ของคุณด้วย ซึ่งสามารถเลือกทำ ประกันภัยรถยนต์ ที่เหมาะกับงบประมาณและความคุ้มครองที่ต้องการได้ แต่หากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด การทำ ประกันรถชั้น 1 คือคำตอบสำหรับคุณ
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ไขข้อสงสัยเรื่อง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ซ่อมศูนย์กับซ่อมอู่ต่างกันยังไงแบบเข้าใจง่าย พร้อมแนะนำวิธีเลือกให้เหมาะกับรถและงบของคุณ เลือกแบบไหนคุ้มกว่ามีคำตอบที่นี่!
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง? ประกันชั้น 2 และ 2+ คุ้มครองแตกต่างกัน ชั้น 2 คุ้มครองรถเรากรณีรถหายหรือไฟไหม้ ส่วน 2+ คุ้มครองรถเรา ทั้งรถหาย ไฟไหม้และรถชนรถ
ประกันรถยนต์ 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง ให้ความคุ้มครองมากกว่าที่คิด ครอบคลุมทั้งรถเราและคู่กรณี ในราคาเบา ๆ เหมาะสำหรับคนใช้รถทุกวันที่อยากอุ่นใจแต่ไม่อยากจ่ายแพง