vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
อู่สีรถยนต์ที่ไหนดี? เลือกอู่คุณภาพ งานเนียน ราคาโอเค

อู่สีรถยนต์ที่ไหนดี? เลือกอู่คุณภาพ งานเนียน ราคาโอเค

schedule
share

การส่งรถเข้าอู่สี ไม่ใช่แค่เรื่องของการซ่อมรอยขีดข่วนหรือทำให้รถกลับมาสวยเหมือนเดิม แต่ยังเกี่ยวข้องกับมาตรฐานงานพ่นสี เทคนิคการเตรียมพื้นผิว และประเภทของสีที่ใช้ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพงานซ่อมทั้งหมด อู่สีแต่ละที่มีมาตรฐานแตกต่างกัน บางที่ใช้สีสูตรน้ำ บางที่ใช้สี 2K และบางที่อาจมีเทคนิคเฉพาะที่ทำให้งานสีออกมาสวยและทนทานกว่า

เพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณได้รับการดูแลจากอู่สีที่ได้มาตรฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การเลือกใช้ ประกันรถชั้น 1 จาก insurverse ที่มีเครือข่ายอู่คุณภาพ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เพราะคุณไม่ต้องเสียเวลาหาอู่เอง ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าซ่อมเพิ่มเติม และที่สำคัญ ได้งานสีที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐาน

งานพ่นสีมีอะไรบ้าง นอกจากแค่พ่นให้สวย

หลายคนเข้าใจว่างานพ่นสีรถมีแค่ทำให้สีดูเงางามเหมือนใหม่ แต่จริง ๆ แล้ว งานพ่นสีเกี่ยวข้องกับหลายกระบวนการ ตั้งแต่การเตรียมพื้นผิวไปจนถึงการเคลือบป้องกันให้สีทนทาน งานเหล่านี้ไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับอายุการใช้งานของสี ความแข็งแรงของพื้นผิว และการปกป้องตัวถังจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ฝน กรดจากมูลนก หรือคราบน้ำมัน

1. การเตรียมพื้นผิว

ก่อนจะเริ่มพ่นสี พื้นผิวต้องถูกเตรียมให้พร้อมที่สุด เพราะหากพื้นผิวไม่ดี สีที่พ่นไปจะไม่เรียบเนียนและอาจลอกล่อนในเวลาอันสั้น โดยขั้นตอนสำคัญ ได้แก่

  • ขัดสีเก่าออก หากเป็นการทำสีใหม่ทั้งคัน หรือซ่อมสีบางจุดที่เสียหาย
  • โป๊วสี เพื่อปรับพื้นผิวให้เรียบ ปิดรอยบุบ รอยขีดข่วน และทำให้สีเกาะตัวได้ดีขึ้น
  • ขัดแต่งพื้นผิว เพื่อให้เนื้อสีใหม่ยึดเกาะกับตัวถังได้แน่นและเรียบเนียนที่สุด

2. การพ่นรองพื้น

ชั้นนี้มีหน้าที่ช่วยให้สีจริงยึดเกาะกับตัวรถได้ดีขึ้น และยังช่วยป้องกันสนิมได้ด้วย โดยทั่วไปจะมีการใช้สีรองพื้น 2-3 ชั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน

3. การพ่นสีจริง

ขั้นตอนนี้คือการลงสีหลักของรถ ซึ่งต้องใช้เทคนิคพิเศษเพื่อให้สีเรียบเสมอกันและไม่มีรอยด่าง โดยอู่สีมืออาชีพจะใช้ห้องพ่นสีระบบปิดที่มีการควบคุมอุณหภูมิและแรงลม เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพสูงสุด

4. การเคลือบใส (Clear Coat)

ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมาก เพราะเคลือบใสทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้กับสีจริง ไม่ว่าจะเป็นรอยขีดข่วน แสงแดด หรือมลภาวะต่าง ๆ การเคลือบใสที่ดีช่วยให้รถมีความเงางามและดูใหม่ได้นานขึ้น

สีรถแต่ละประเภท ต่างกันยังไง อะไรเหมาะกับรถคุณ

การเลือกประเภทสีรถไม่ใช่แค่เลือกสีที่ชอบ แต่ยังต้องคำนึงถึงความทนทาน ความเงางาม และการดูแลรักษา สีแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าประเภทสีที่ใช้พ่นรถมีกี่แบบ และแบบไหนเหมาะกับรถคุณที่สุด

1. สี 2K (Two-Component Paint)

สีประเภทนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะมีความทนทานสูงและให้ความเงางามที่ดี ใช้ส่วนผสมระหว่างสีและฮาร์ดเดนเนอร์เพื่อให้สีแห้งเร็วและแข็งแรง โดยทั่วไปแล้วสี 2K จะทนต่อรอยขีดข่วนและสารเคมีได้ดี เหมาะกับรถที่ต้องการความเงางามและทนทานต่อสภาพอากาศ

2. สีแห้งเร็ว (Lacquer Paint)

สีประเภทนี้แห้งไวและใช้งานง่าย แต่ไม่ทนทานเท่าสี 2K มักใช้กับรถแข่งหรืองานที่ต้องการซ่อมสีอย่างรวดเร็ว ข้อเสียคือสีประเภทนี้อาจซีดเร็วและต้องมีการเคลือบใสเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความทนทาน

3. สีเมทัลลิก (Metallic Paint)

สีนี้มีเม็ดโลหะผสมอยู่ ทำให้สะท้อนแสงได้ดีและมีความเงางามที่เป็นเอกลักษณ์ สีเมทัลลิกจะดูเปลี่ยนแปลงตามมุมมองและแสงที่ตกกระทบ ทำให้รถดูมีมิติ แต่ข้อเสียคือการซ่อมสีทำได้ยากกว่าสีพื้นฐานทั่วไป เพราะต้องเกลี่ยสีให้เนียนกับสีเดิมให้มากที่สุด

4. สีมุก (Pearl Paint)

สีมุกให้ความเงางามแบบพิเศษ เพราะมีการผสมผงมุกเข้าไปในเนื้อสี ทำให้เกิดการสะท้อนแสงที่ดูหรูหราและมีมิติ สีประเภทนี้มักใช้กับรถระดับพรีเมียม แต่ข้อเสียคือการซ่อมสีต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญมาก เพราะหากพ่นผิดชั้นหรือใช้ปริมาณสีไม่เหมาะสม จะทำให้สีไม่ออกมาเนียนสวย

5. สีด้าน (Matte Paint)

สีประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มรถสปอร์ตและรถแต่ง โดยจะให้ลุคที่ดูดุดันและแตกต่างจากสีเงาปกติ ข้อเสียคือสีด้านต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะไม่สามารถขัดเงาหรือเคลือบแก้วได้แบบสีปกติ และอาจเกิดรอยนิ้วมือหรือคราบสกปรกได้ง่าย

6. สีแร็ป (Vinyl Wrap)

แม้จะไม่ใช่การพ่นสี แต่การหุ้มฟิล์มแร็ปเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสีรถแบบไม่ถาวร ฟิล์มแร็ปมีหลากหลายแบบทั้งสีเงา สีด้าน และลวดลายพิเศษ ข้อดีคือสามารถเปลี่ยนกลับเป็นสีเดิมได้โดยไม่ต้องทำสีใหม่ แต่ต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญในการติดตั้งเพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศหรือรอยย่น

รวมอู่สีในเครือประกัน insurverse ที่ไว้ใจได้

เลือกอู่สีดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะการซ่อมสีรถไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องมั่นใจว่าสีที่พ่นไปนั้นได้มาตรฐาน ตรงเฉด และไม่หลุดลอกง่าย ซึ่งอู่ซ่อมสีที่อยู่ในเครือประกัน insurverse ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นอู่ที่ได้มาตรฐาน ใช้สีคุณภาพดี ช่างฝีมือเยี่ยม และที่สำคัญ ซ่อมแล้วจบ ไม่ต้องปวดหัว

  • บจก.เจที ออโต้เซอร์วิส – กรุงเทพฯ (นวมินทร์ บึงกุ่ม) | 02-508-0959
  • บจก.แจแปนนีส คาร์ รีแพร์ – กรุงเทพฯ (คลองกุ่ม บึงกุ่ม) | 02-510-7655
  • บจก.ฉินกรุ๊ป – กรุงเทพฯ (บางนา) | 02-399-3258
  • บจก.เฉลิมวันชาติ การาจ – กรุงเทพฯ (บางเขน) | 02-552-8177
  • บจก.ชอเส็ง การาจ (1999) – กรุงเทพฯ (ภาษีเจริญ) | 02-865-7635
  • บจก.ซ้งอินฟินิตี้ – กรุงเทพฯ (หนองบอน ประเวศ) | 02-322-8918
  • บจก.เดอะ เกรท การาจ – กรุงเทพฯ (รามอินทรา คันนายาว) | 02-943-0160
  • บจก.ตั้งเจริญชัย (2566) – กรุงเทพฯ (บางพลัด) | 02-424-9311
  • บจก.ตาต้า ไทยอินเตอร์ 2005 – ปทุมธานี (บางคูวัด เมืองปทุมธานี) | 02-976-0156
  • บจก.คิงด้อมเซอร์วิส – นนทบุรี (ปากเกร็ด) | 02-010-2989
  • บจก.คัลเลอร์ โปร – กรุงเทพฯ (บางขุนเทียน) | 02-417-1420
  • บจก.เค วี ยนตรการ – กรุงเทพฯ (ลาดพร้าว) | 02-538-4685
  • บจก.จรัญยนต์ เซอร์วิส – กรุงเทพฯ (บางกอกน้อย) | 02-411-0863
  • บจก.จิตมุ่ง เซอร์วิส – สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) | 095-427-8688
  • บจก.เจ เอส ยนต์เซอร์วิส 2011 – กรุงเทพฯ (สวนหลวง) | 02-321-1101
  • บจก.174 การาจ – กรุงเทพฯ (มีนบุรี) | 098-897-8010
  • บจก.148 เทพารักษ์ – สมุทรปราการ (เมืองสมุทรปราการ) | 02-758-2134
  • บจก.ปิยะการาจ – กรุงเทพฯ (สาทร) | 02-211-3567
  • บจก.ดี เพ้นท์ (ลำปาง) – ลำปาง (เมืองลำปาง) | 054-336-666
  • บจก.โคราชเจริญยนต์ – นครราชสีมา (เมืองนครราชสีมา) | 092-580-3329

เลือกสีแบบไหนดีให้เหมาะกับรถคุณ

  • อยากได้สีทน ๆ ใช้ได้นาน: สี 2K คือคำตอบ เพราะทนต่อสภาพอากาศและการขีดข่วน
  • ชอบความหรูหรา: สีมุกหรือสีเมทัลลิกให้ความเงางามและดูพรีเมียม
  • สายสปอร์ต: สีด้านให้ความดุดัน ดูเท่ และแตกต่างจากสีทั่วไป
  • เบื่อง่าย: ฟิล์มแร็ปเหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนลุคให้รถได้ตลอดเวลา

การเลือกอู่สีที่ได้มาตรฐานช่วยให้รถกลับมาดูดีเหมือนใหม่และป้องกันปัญหาสีลอก สีซีด หรือพ่นสีไม่ตรงเฉด ซึ่งอู่สีในเครือประกัน insurverse ได้รับการคัดสรรมาแล้วว่ามีคุณภาพ ช่างฝีมือดี ถ้าอยากให้การซ่อมสีรถเป็นเรื่องง่ายขึ้น แค่เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ กับ insurverse ก็ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ว่า รถจะได้รับการดูแลจากอู่มาตรฐาน พร้อมบริการที่สะดวกและคุ้มค่าที่สุด

5 คำถามที่พบบ่อย

พ่นสีเฉพาะจุดกับพ่นสีทั้งคัน ต่างกันยังไง และเลือกแบบไหนดีกว่า?

ถ้าสีรถเสียหายเป็นบางจุด เช่น มีรอยขีดข่วนหรือถลอกเล็กน้อย การพ่นเฉพาะจุดช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ แต่ถ้าสีเดิมซีดจางทั้งคัน หรือมีสีไม่สม่ำเสมอ การพ่นใหม่ทั้งคันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า สีดูสดเหมือนใหม่และมีความทนทานมากขึ้น

สีรถแบบไหนดูแลง่ายที่สุด?

สีพื้นฐานอย่างสีขาว สีเทา หรือสีเงิน เป็นสีที่ดูแลรักษาง่ายที่สุด เพราะรอยขีดข่วนและคราบสกปรกมองเห็นได้น้อยกว่าสีเข้ม เช่น สีดำหรือสีน้ำเงิน ส่วนสีด้าน (Matte) ดูแลยากสุด เพราะไม่สามารถขัดเงาหรือเคลือบแก้วได้แบบสีปกติ

ทำไมบางอู่ใช้สีสูตรน้ำ บางอู่ใช้สี 2K ต่างกันยังไง?

สีสูตรน้ำเป็นสีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและให้ความเงางามสูง แต่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการพ่น ส่วนสี 2K เป็นสีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพราะทนทานสูง แห้งไว และให้ความเงางามที่ดี นิยมใช้ในอู่ทั่วไปเพราะดูแลรักษาง่ายกว่า

การพ่นสีต้องอบสีไหม? แล้วถ้าไม่อบสีจะเป็นยังไง?

อู่สีที่ได้มาตรฐานจะมีห้องอบสีเพื่อช่วยให้สีแห้งเร็ว คงทน และยึดเกาะกับตัวถังได้ดีขึ้น ถ้าไม่ผ่านการอบ สีอาจไม่แห้งสนิท เกิดรอยคลื่น หรือมีโอกาสลอกล่อนได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะถ้ารถโดนแดดและฝนบ่อย ๆ

ใช้เวลาพ่นสีรถนานแค่ไหน?

เวลาซ่อมสีขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องพ่นและประเภทของสีที่ใช้ ถ้าเป็นการพ่นเฉพาะจุดอาจใช้เวลาเพียง 1-2 วัน แต่ถ้าเป็นการพ่นใหม่ทั้งคันมักใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน เพราะต้องผ่านกระบวนการขัด ลอกสีเดิม ลงสีรองพื้น พ่นสีจริง และเคลือบใสให้เรียบร้อย

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย