เมื่อมีการบรรทุกสิ่งของบนรถ หลายคนอาจไม่รู้ว่าการบรรทุกของผิดวิธี ไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อการโดนปรับหรือถูกระงับการเดินทางเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อความคุ้มครองของพ.ร.บ.รถยนต์ด้วย พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นเอกสารสำคัญที่ไม่ใช่แค่บังคับว่าต้องมีเวลาออกถนน แต่เป็นหลักประกันความปลอดภัยให้คุณและผู้อื่น
การบรรทุกสิ่งของที่ไม่ปลอดภัยอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่กระทบต่อเงื่อนไขความคุ้มครอง ดังนั้นการรู้วิธีบรรทุกที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
บรรทุกสิ่งของในรถ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร? เริ่มจากเรื่องง่าย ๆ อย่าง “ความกว้าง” กันก่อนเลย ตามกฎจราจรที่กำหนดไว้ สิ่งของที่บรรทุกต้องไม่กว้างเกินตัวรถเด็ดขาด เพราะถ้าขยายออกไปมากเกินไป อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับรถคันข้าง ๆ หรือสร้างปัญหากับผู้ร่วมทางได้ ยกเว้นในบางกรณีที่อนุญาตให้บรรทุกกว้างกว่ารถได้ข้างละไม่เกิน 1 เมตร แต่ต้องทำสัญลักษณ์ให้ชัดเจน เช่น ติดธงสีแดงตามที่กฎหมายกำหนด
ความยาวของสิ่งของที่บรรทุกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยด้านหน้ารถ สิ่งของที่บรรทุกต้องไม่ยื่นเลยจากหน้าหม้อน้ำ ส่วนด้านหลังสามารถยื่นพ้นตัวรถได้ไม่เกิน 2.50 เมตร นี่คือข้อบังคับที่ผู้ขับขี่ต้องจำขึ้นใจ เพราะถ้าเกินกว่านี้ มีสิทธิ์โดนจับปรับทันที! ในกรณีที่ของยาวเกินกว่ากำหนด ผู้ขับต้องติดธงสีแดงในเวลากลางวัน และติดไฟสัญญาณสีแดงในเวลากลางคืน เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นสังเกตเห็นได้จากระยะไกลถึง 150 เมตร
เรื่องความสูงก็สำคัญไม่แพ้กัน กรณีรถบรรทุกทั่วไป สามารถบรรทุกได้สูงจากพื้นทางไม่เกิน 3.00 เมตร แต่ถ้ารถมีความกว้างเกินกว่า 2.30 เมตร สามารถบรรทุกได้สูงถึง 3.80 เมตร ซึ่งการบรรทุกที่สูงเกินกำหนดอาจทำให้เสี่ยงต่อการชนกับสะพานลอยหรือสายไฟฟ้า นอกจากนี้ยังทำให้รถเสียการทรงตัวง่ายขึ้นอีกด้วย
หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยคือ บรรทุกสิ่งของในรถ ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อป้องกันของตกหล่น? คำตอบคือ ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวสิ่งของให้แน่นหนา เช่น เชือก หรือผ้าใบคลุม เพื่อป้องกันไม่ให้ของตกหล่น รั่วไหล ส่งกลิ่น หรือปลิวไปจากรถ เพราะถ้าเกิดปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแค่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงได้
หากคุณต้องบรรทุกของที่ยาวเกินจากตัวรถ ผู้ขับขี่ต้องรู้ว่าต้องติดสัญลักษณ์ให้ถูกต้อง ในเวลากลางวันควรติดธงสีแดงเรืองแสงขนาด 30 x 45 เซนติเมตร ที่ปลายของสิ่งของที่ยื่นออกมา ส่วนในเวลากลางคืนหรือเมื่อสภาพแสงไม่เพียงพอ ต้องติดไฟสัญญาณสีแดงที่สามารถมองเห็นได้ในระยะ 150 เมตร เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้อื่นบนถนน
เพราะการบรรทุกสิ่งของที่ไม่ถูกต้องนอกจากจะเสี่ยงต่อการโดนปรับแล้วยังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ การปฏิบัติตามกฎจราจรในการบรรทุกของจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การรู้วิธีบรรทุกที่ถูกต้องไม่เพียงแค่ช่วยให้ปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การเดินทางราบรื่นและไม่ต้องกังวลเรื่องกฎหมายด้วย!
การรู้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไรในการบรรทุกสิ่งของ ไม่เพียงช่วยให้คุณปลอดภัยจากอุบัติเหตุและการถูกปรับตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แน่ใจว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น พ.ร.บ.รถยนต์ของคุณจะยังคงคุ้มครองอย่างเต็มที่ ใครที่ยังไม่มีหรือพ.ร.บ.กำลังจะหมดอายุ ลองเช็กเบี้ย พ.ร.บ.รถยนต์ กับ insurverse ดูสิ เพราะที่นี่ไม่เพียงแต่ราคาดีต่อใจ แต่ยังซื้อออนไลน์ได้ง่าย ๆ พร้อมคุ้มครองทันทีแบบไม่ต้องกังวล!
การบรรทุกของเกินจากที่กฎหมายกำหนด เช่น บรรทุกยาวเกิน 2.5 เมตรด้านหลัง หรือบรรทุกสูงเกิน 3 เมตร อาจถูกปรับตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก โดยค่าปรับจะอยู่ในช่วง 500 ถึง 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
กฎหมายไม่ได้ห้ามการบรรทุกของบนหลังคารถโดยตรง แต่ของที่บรรทุกต้องยึดให้แน่นหนาและไม่สูงเกิน 3 เมตรจากพื้นทาง รวมถึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น เช่น การปลิวหลุดหรือบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่
การบรรทุกของหนักอาจทำให้รถมีการทรงตัวที่แย่ลง เพิ่มระยะการเบรก และทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจทำให้ยางรถยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ
หากสิ่งของที่บรรทุกตกหล่นและก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาจถูกดำเนินคดีทางอาญาได้ โดยมีโทษปรับและอาจถูกเรียกค่าเสียหายจากคู่กรณีที่ได้รับผลกระทบ
ในกรณีบรรทุกสิ่งของที่มีขนาดใหญ่หรือเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น รถบรรทุกสินค้าเกินมาตรฐาน อาจจำเป็นต้องขออนุญาตพิเศษจากกรมการขนส่งทางบก หรือมีใบอนุญาตสำหรับผู้ขับขี่รถบรรทุกเฉพาะประเภท
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ยิ่งถ้าเลือกบัตรให้ตรงกับปั๊มที่ใช้งานบ่อย ก็จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้ไม่น้อยเลย แถมบางบัตรยังมีประกันอุบัติเหตุหรือคุ้มครองการเดินทางอีกต่างหาก
หากคุณกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกซื้อรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือรถมือสอง บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ เพราะการซื้อรถเป็นภาระทางการเงินที่ต้องคิดให้ดีเช่นเดียวกับประกันรถยนต์ เราจะแนะนำวิธีเลือกซื้อรถยนต์อย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้รถที่คุ้มค่ามากที่สุด
กระจกรถยนต์ไม่ได้เป็นแค่หน้าต่างของรถ แต่ยังเป็นโครงสร้างที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับตัวรถ ป้องกันลม ฝุ่น และเสียงรบกวนจากภายนอก การเลือกอู่ซ่อมกระจกรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม