การขัดสีรถอาจดูเหมือนเรื่องยาก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้รถกลับมาเงางามเหมือนใหม่ ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเข้าร้านซ่อมบำรุงบ่อย ๆ แถมยังช่วยปกป้องผิวสีรถจากรอยขีดข่วนและคราบสกปรกต่าง ๆ อีกด้วย แต่การดูแลรถให้เงาวับไม่ใช่แค่เรื่องของการขัดสีเท่านั้น เพราะเมื่อพูดถึงการดูแลรถ การมีประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นก็สำคัญไม่แพ้กัน insurverse ให้คุณออกแบบแผนประกันได้เอง ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อง่ายผ่านออนไลน์ 100% ไม่ต้องง้อเจ้าหน้าที่เหมือนการขัดสีรถที่ไม่ต้องง้อช่างเลยทีเดียว
การขัดสีรถไม่ได้เป็นแค่การถู ๆ ถู ๆ ให้ผิวเงา แต่จริง ๆ แล้วมันคือการฟื้นฟูผิวสีรถให้กลับมาเหมือนใหม่ ลบคราบสกปรกฝังลึก รอยขนแมวเล็ก ๆ หรือแม้แต่คราบน้ำที่ติดแน่นมานาน การขัดจะช่วยคืนชีวิตชีวาให้กับสีรถที่เริ่มหมอง โดยการขัดจะทำให้ผิวสีที่เสื่อมสภาพถูกลบออก เผยชั้นสีใหม่ที่ยังคงความเงางามอยู่ใต้พื้นผิวเดิม ที่สำคัญยังช่วยป้องกันสนิมที่อาจเกิดจากคราบสกปรกหรือคราบน้ำฝังแน่นอีกด้วย
การขัดสีรถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ทั้งขัดลบรอย ขัดฟื้นฟูผิว และขัดเคลือบเงา ซึ่งแต่ละแบบมีจุดประสงค์ต่างกัน เช่น ถ้ารถมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ จากการใช้งานทั่วไป (รอยขนแมว) ก็ใช้วิธีขัดลบรอย แต่ถ้ารถโดนแดดเลียจนสีหมอง ต้องใช้การขัดฟื้นฟูผิว ส่วนการขัดเคลือบเงาเป็นการเพิ่มความเงางามขั้นสุด เหมือนเพิ่มฟิลเตอร์ให้รถเลยทีเดียว
การขัดสีรถให้ออกมาเงางามแบบมือโปร ต้องเริ่มจากการเลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้อง การหยิบผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ มาใช้ ไม่ได้ช่วยให้รถเงาได้หรอกนะ อุปกรณ์ที่ควรมีคือ
การเตรียมผิวสีรถก่อนขัดเป็นขั้นตอนที่มักถูกมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เพราะถ้าผิวไม่สะอาดพอ เศษฝุ่นหรือทรายเล็ก ๆ อาจกลายเป็นตัวการทำให้เกิดรอยขีดข่วนใหม่ได้ การเตรียมรถควรทำตามขั้นตอนนี้
มาถึงขั้นตอนการขัดจริง ๆ แล้ว นี่คือเทคนิคที่ทำให้รถเงาวับแบบไม่ต้องเสียเงินเข้าร้าน
หลังขัดเสร็จ ถ้าอยากให้รถเงางามนานขึ้น ต้องเคลือบสีต่อ การเคลือบสีจะช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี ฝุ่นละออง และคราบน้ำ เลือกน้ำยาเคลือบสีที่เหมาะกับสภาพสีรถ เช่น น้ำยาเคลือบแบบ Carnauba Wax จะให้ความเงางามสูง ส่วน Sealant จะเน้นการปกป้องที่ยาวนานกว่า
การเคลือบทำได้โดยการทาน้ำยาให้ทั่วผิวรถด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ จากนั้นปล่อยให้แห้งเล็กน้อยก่อนเช็ดออกด้วยผ้าแห้ง ใช้การเคลื่อนไหวแบบวงกลมเพื่อให้เคลือบสม่ำเสมอ
การขัดสีรถไม่จำเป็นต้องทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ชั้นสีบางลง ควรขัดสีรถทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้ารถใช้งานหนักหรือจอดกลางแจ้งบ่อย ๆ อาจต้องขัดบ่อยขึ้น แต่ถ้าดูแลดี ๆ แค่ปีละครั้งก็เพียงพอ
รู้เทคนิคแบบนี้แล้ว ไม่ต้องง้อช่างอีกต่อไป แค่เตรียมอุปกรณ์ให้ครบ ทำตามขั้นตอนอย่างละเอียด รถก็เงางามเหมือนใหม่ได้ง่าย ๆ ที่บ้าน!
แต่การดูแลรถไม่จบแค่เรื่องความเงางามเท่านั้น เพราะอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ การมี ประกันรถชั้น 3+ จาก insurverse ที่สามารถปรับความคุ้มครองได้ตามใจ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมขั้นตอนง่าย ไม่ยุ่งยาก ก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการดูแลทั้งภายนอกและภายในอย่างครบถ้วน สบายใจได้ทั้งเรื่องความเงางามและความปลอดภัย!
การขัดสีรถไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ชั้นสีบางลงได้ แนะนำให้ขัดทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อม ถ้ารถจอดกลางแจ้งบ่อย หรือมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ เพิ่มขึ้น อาจต้องขัดบ่อยขึ้น แต่ถ้าดูแลรถดี ไม่จำเป็นต้องขัดบ่อยก็ยังคงความเงางามได้
ถ้าขัดสีรถอย่างถูกวิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การขัดจะไม่ทำให้สีซีดเร็วขึ้น กลับกันยังช่วยป้องกันการซีดจางจากรังสียูวีและคราบสกปรกที่ทำลายผิวสีได้ แต่ถ้าใช้แรงขัดมากเกินไป หรือใช้น้ำยาขัดที่มีความหยาบเกินความจำเป็น อาจทำให้ชั้นสีบางลงได้
สำหรับมือใหม่ ควรใช้เครื่องขัดแบบ Dual Action (DA) เพราะเครื่องชนิดนี้มีการหมุนแบบสุ่ม ทำให้ลดโอกาสเกิดความร้อนสะสมที่ผิวสีรถ และไม่ทำให้สีรถเสียหายง่าย ต่างจากเครื่องขัดแบบ Rotary ที่หมุนตรงและต้องใช้ความชำนาญในการควบคุมมากกว่า
การใช้ดินน้ำมันก่อนขัดสีรถถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ช่วยขจัดคราบสกปรกฝังลึก เช่น ยางมะตอย คราบน้ำ หรือเศษโลหะเล็ก ๆ ที่การล้างธรรมดาไม่สามารถลบออกได้ การทำให้ผิวเรียบเนียนก่อนขัดจะช่วยให้การขัดสีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนจากเศษฝุ่นที่ตกค้าง
การขัดสีรถเองที่บ้านอาจใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดรถและสภาพผิวสี ถ้ารถมีรอยขีดข่วนมากหรือคราบฝังลึก อาจใช้เวลานานขึ้น การแบ่งขัดเป็นส่วน ๆ จะช่วยให้ควบคุมการทำงานได้ง่ายขึ้นและไม่เหนื่อยจนเกินไป
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
กระจกรถยนต์ไม่ได้เป็นแค่หน้าต่างของรถ แต่ยังเป็นโครงสร้างที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับตัวรถ ป้องกันลม ฝุ่น และเสียงรบกวนจากภายนอก การเลือกอู่ซ่อมกระจกรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การส่งรถเข้าอู่สี ไม่ใช่แค่เรื่องของการซ่อมรอยขีดข่วนหรือทำให้รถกลับมาสวยเหมือนเดิม แต่ยังเกี่ยวข้องกับมาตรฐานงานพ่นสี เทคนิคการเตรียมพื้นผิว และประเภทของสีที่ใช้ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพงานซ่อมทั้งหมด
เครื่องยนต์เป็นเหมือนหัวใจของรถ ถ้าทำงานไม่ปกติ รถทั้งคันก็พังได้ง่าย ๆ อาการเครื่องยนต์รวนไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะบางครั้งอาจเป็นเพียงสัญญาณเตือนเล็ก ๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียเงินก้อนโตในการซ่อม