หนึ่งในไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเจ้าของรถยนต์ก็คือฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่จะช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดและรังสี UV ที่เป็นอันตราย แต่หากเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่ไม่มีคุณภาพหรือมีคุณสมบัติไม่ดีพอต่อการป้องกันแสงแดดก็เป็นอันตรายเช่นเดียวกัน ดังนั้นวันนี้ insurverse จึงจะมาแนะนำวิธีเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อให้เจ้าของรถทุกคนได้รู้กัน
แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายบังคับให้เจ้าของรถติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แต่เจ้าของรถส่วนมากก็มักจะเลือกติดฟิล์มเพราะมีข้อดีหลายข้อ ดังนี้
สำหรับฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีด้วยกัน 5 แบบ ดังนี้
ฟิล์มติดรถยนต์ธรรมดามีคุณสมบัติป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้เล็กน้อย อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น ราคาจึงไม่สูง
ฟิล์มชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นฟิล์มที่ผสมระหว่างฟิล์มย้อมสีและฟิล์มสีเมทัลไลซ์ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติกรองแสงได้ดี ป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้
เป็นฟิล์มที่เคลือบด้วยสีผสมโลหะ มีลักษณะมันวาว จึงสามารถป้องกันรอยขีดข่วนและสะท้อนความร้อนได้ดี
ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีส่วนผสมของอนุภาคคาร์บอนจึงสามารถสะท้อนแสงและความร้อนได้ดี ลดการสะสมของความร้อนได้มาก อายุการใช้งานนาน
ฟิล์มชนิดนี้โดดเด่นด้วยคุณสมบัติป้องกันแสงแดดได้ดีและลดความร้อนสะสมได้ถึง 99% อายุการใช้งานค่อนข้างนาน ราคาจึงสูงกว่าฟิล์มชนิดอื่น ๆ
การเลือกติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องยี่ห้อและราคาแแล้ว ยังต้องพิจารณาคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
แม้ว่าฟิล์มที่มีความเข้มมากจะช่วยป้องกันแสงแดดได้ดี แต่อาจทำให้การมองเห็นของผู้ขับขี่ลดลงได้ ดังนั้นการเลือกความเข้มของฟิล์มจึงควรเลือกให้เหมาะกับการมองเห็นอย่างชัดเจนของผู้ขับขี่เองด้วย ความเข้มของฟิล์มที่แนะนำไม่ควรเกิน 60% ซึ่งมากพอที่จะป้องกันแสงแดดและยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
แนะนำให้เลือกฟิล์มที่สามารถกรองแสงและป้องกันรังสี UV ได้ไม่ต่ำกว่า 90 – 99% รวมถึงเลือกฟิล์มที่มีค่าสัมประสิทธิ์การบังแดดต่ำกว่า 0.8 ลงไป เพื่อเสริมประสิทธิภาพการป้องกันแสงแดดให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากฟิล์มกรองแสงเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงจึงทำให้มักมีสินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพออกมาปะปนอยู่ในท้องตลาด ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อกับร้านหรือตัวแทนจำหน่ายที่มีความน่าเชื่อถือ มีช่างผู้ชำนาญการในการติดตั้ง และมีการรับประกันหลังการขาย
ฟิล์มกรองแสงบางรุ่นมีฟังก์ชันพิเศษเสริมเข้ามาด้วย เช่น ฟิล์มกระจกรถยนต์นิรภัยที่มีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้กระจกแตกกระจายเมื่อเจอแรงกระแทก เป็นต้น
ราคาของฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่ประเภทของฟิล์มและขนาดของรถยนต์ แต่โดยเฉลี่ยแล้วค่าใช้จ่ายในการติดฟิล์มกรองแสงแบบเซรามิครอบรถเก๋งขนาดกลางทั้งคันจะอยู่ที่ราว ๆ 10,000 บาท หากเป็นรถขนาดใหญ่ เช่น รถ SUV หรือรถ VAN ก็จะอยู่ที่ราว ๆ 15,000 – 20,000 บาท
ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่เรารวบรวมมาฝากกันในวันนี้ และสำหรับใครที่อยากเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถยนต์ นอกจากการติดฟิล์มกรองแสงให้รถของตัวเองแล้ว การทำ ประกันรถชั้น 1 ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถยนต์ให้คุณได้ โดยสามารถเลือกแผนการทำประกันที่ให้ความคุ้มครองคุ้มค่าและค่าเบี้ยประกันเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของคุณได้ง่าย ๆ เพียงแค่ เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ ออนไลน์ที่หน้าเว็บไซต์ insurverse แล้วเปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันแต่ละประเภท แม้จะอยู่ที่บ้านก็สามารถเลือกซื้อประกันได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ความแตกต่างระหว่างทางด่วนกับมอเตอร์เวย์ มีเส้นทางไหนบ้าง กฎข้อบังคับในการใช้ทางด่วนและมอเตอร์เวย์อย่างไร เพื่อเข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
ทางด่วนยมราชเส้นทางสำคัญช่วยลดการจราจรในกรุงเทพฯ เชื่อมต่อพื้นที่ใจกลางเมืองกับปริมณฑล สะดวก ปลอดภัย เปิด 24 ชั่วโมง
รู้จักลูกหมากกันโคลงชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่สำคัญมากสำหรับรถยนต์ทุกคัน แต่ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักมองข้ามจนเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน