vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
มาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE เลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ของคุณ

มาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE เลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรให้เหมาะกับรถยนต์ของคุณ

schedule
share

เคยสงสัยไหมว่า ตัวเลขกับรหัสที่อยู่บนฉลากน้ำมันเครื่องมันบอกอะไรเราได้บ้าง? ถ้าเลือกผิดก็เหมือนพาเครื่องยนต์ไปวิ่งลุยงานหนักแบบไม่ได้พัก แต่ถ้าเลือกถูก ทุกอย่างจะลื่นไหลเหมือนทางโล่งกลางทางด่วน น้ำมันเครื่องไม่ได้แค่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ แต่ยังช่วยปกป้องชิ้นส่วนต่างๆ ให้ใช้งานได้นานขึ้นด้วย มาตรฐาน API และ SAE จึงไม่ใช่แค่ตัวหนังสือเล็กๆ บนฉลาก แต่เป็นกุญแจสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรเข้าใจ

API กับหน้าที่ของมันในน้ำมันเครื่อง

API หรือ American Petroleum Institute คือหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานน้ำมันเครื่องระดับสากลที่ครอบคลุมทั้งคุณสมบัติและความเหมาะสมของน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์แต่ละประเภท API มีการแบ่งประเภทน้ำมันเครื่องออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน (Service) และเครื่องยนต์ดีเซล (Commercial) โดยรหัส API จะช่วยให้เจ้าของรถรู้ว่าน้ำมันเครื่องชนิดใดเหมาะกับเครื่องยนต์และเทคโนโลยีของรถที่ใช้งานอยู่

  • กลุ่ม S (Service): น้ำมันเครื่องในกลุ่มนี้ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เช่น API SN, API SP โดยตัวอักษรที่ตามหลัง S จะบ่งบอกถึงระดับมาตรฐานที่ใหม่กว่า เช่น API SP มีการปรับปรุงคุณสมบัติให้เหมาะกับเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบ Start-Stop ซึ่งช่วยลดการสึกหรอในขณะที่เครื่องยนต์ติดและดับบ่อยๆ ในการจราจรติดขัด
  • กลุ่ม C (Commercial): น้ำมันเครื่องในกลุ่มนี้เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซล เช่น API CI-4, API CK-4 ซึ่งได้รับการพัฒนาให้รองรับการใช้งานหนัก เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถเพื่อการพาณิชย์ โดยเฉพาะรุ่นที่ต้องการการหล่อลื่นที่มีประสิทธิภาพในสภาวะการทำงานที่รุนแรง

SAE และค่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง

SAE ย่อมาจาก Society of Automotive Engineers โดยมาตรฐาน SAE จะบอกถึงค่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับอุณหภูมิและสภาพการใช้งานของรถยนต์ ค่าความหนืดจะแสดงเป็นตัวเลข เช่น SAE 5W-30, SAE 10W-40 โดยแต่ละส่วนของตัวเลขมีความหมายเฉพาะ

  • ตัวเลขก่อน W (Winter): บ่งบอกถึงความสามารถในการไหลตัวของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิต่ำ ตัวเลขน้อยหมายถึงน้ำมันไหลตัวได้ดีแม้ในอากาศหนาว เช่น SAE 0W จะดีกว่า SAE 10W ในสภาพอากาศเย็นจัด
  • ตัวเลขหลัง W: บอกถึงค่าความหนืดเมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่อุณหภูมิสูง ตัวเลขมากบอกถึงความหนืดที่สูงกว่า เช่น SAE 10W-40 จะมีความหนืดมากกว่า SAE 10W-30 ในสภาวะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด

วิธีเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถ

  1. ดูจากคู่มือรถยนต์: คู่มือรถยนต์ทุกเล่มจะระบุค่ามาตรฐาน API และ SAE ที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของคุณ ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดในการเลือกน้ำมันเครื่อง
  2. ประเภทเครื่องยนต์: หากเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ให้เลือกน้ำมันที่ได้มาตรฐาน API SN หรือ SP สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล เลือก API CK-4 ที่เหมาะกับการใช้งานหนัก
  3. สภาพอากาศ: ในพื้นที่ที่อากาศหนาวเย็น เช่น บริเวณภูเขาหรือทางภาคเหนือ ควรเลือกน้ำมันที่มีค่าก่อน W ต่ำ เช่น SAE 0W-20 เพื่อให้เครื่องยนต์สตาร์ทได้ง่ายและหล่อลื่นได้ทันที
  4. สภาพการใช้งาน: หากใช้รถในเมืองที่ต้องเจอรถติดบ่อย ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดต่ำเพื่อช่วยลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ แต่หากต้องเดินทางไกลหรือลากของหนัก ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดสูงขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานที่หนักหน่วง

เลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถยนต์ของคุณจะทำให้รถอยู่กับเราไปอีกนาน เช่นเดียวกับการเลือกประกัน เราขอแนะนำ insurverse ประกันภัยรถยนต์ ที่เหมาะกับทุกความต้องการในงบประมาณที่คุณกำหนดได้เอง ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก จ่ายเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณเลือก

ข้อมูลที่คนมักมองข้ามเกี่ยวกับ API และ SAE

  • น้ำมันเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน API SP ไม่เพียงช่วยลดการสึกหรอในเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังออกแบบมาเพื่อรองรับเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี Direct Injection ซึ่งช่วยลดปัญหาการสะสมของคราบเขม่าในห้องเผาไหม้
  • SAE 0W-20 กำลังเป็นที่นิยมในรถยนต์ไฮบริด เพราะช่วยลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ และยังช่วยประหยัดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น
  • การเลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดไม่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ อาจทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น เช่น การใช้น้ำมันเครื่องที่มีค่าหลัง W สูงเกินไปในสภาพอากาศหนาว อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักตอนสตาร์ท

การดูแลระบบน้ำมันเครื่องในระยะยาว

  • หมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องทุกเดือน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนหรือเมื่อใช้งานรถในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
  • เลือกน้ำมันเครื่องที่ได้รับการรับรองจาก API และ SAE เพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมกับเครื่องยนต์และสภาพการใช้งาน
  • อย่าผสมน้ำมันเครื่องจากแบรนด์หรือเกรดที่ต่างกัน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาในระบบหล่อลื่นและลดประสิทธิภาพของน้ำมัน

ความสำคัญของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา 

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถยนต์ไม่เพียงช่วยรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการสะสมของคราบตะกอนหรือการเสื่อมสภาพของน้ำมันเครื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียหายที่ใหญ่กว่า เช่น การสึกกร่อนของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์

การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมตามมาตรฐาน API และ SAE ไม่เพียงช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย

การเลือกน้ำมันเครื่องตามมาตรฐาน API และ SAE เหมือนกับการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับการมีประกันรถยนต์ชั้น 3 จาก Insurverse ที่ช่วยให้คุณมั่นใจในความคุ้มครองแบบครบถ้วน และยังสามารถปรับแผน DIY ได้ตามใจ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น

น้ำมันเครื่องไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ แต่มันคือการลงทุนให้รถคู่ใจของคุณมีชีวิตที่ยืนยาว การรู้จักอ่านมาตรฐาน API และ SAE ไม่ได้ยากเหมือนแก้สมการเลข แค่เข้าใจหลักการพื้นฐานก็เลือกน้ำมันเครื่องที่ใช่ได้แล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเลขและรหัสเป็นเรื่องลึกลับที่ทำให้คุณพลาดความสุขในการขับขี่ ดูแลเครื่องยนต์ดี รถก็พร้อมลุยกับคุณไปได้ทุกเส้นทาง

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมาตรฐานน้ำมันเครื่อง API และ SAE

API และ SAE คืออะไร และมีความสำคัญยังไง?

API คือมาตรฐานที่บอกถึงคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์ ส่วน SAE เป็นมาตรฐานที่กำหนดค่าความหนืดของน้ำมันเครื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับอุณหภูมิและสภาพการใช้งาน

จะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้น้ำมันเครื่องแบบไหน?

ตรวจสอบคู่มือรถยนต์ของคุณ ซึ่งจะระบุค่ามาตรฐาน API และ SAE ที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ รวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานในสภาพอากาศหรือการเดินทางที่แตกต่างกัน

ตัวเลขใน SAE เช่น 5W-30 หมายถึงอะไร?

ตัวเลขก่อน W หมายถึงความสามารถในการไหลตัวในอุณหภูมิต่ำ (เลขน้อยไหลตัวดีกว่า) ส่วนตัวเลขหลัง W หมายถึงความหนืดของน้ำมันในอุณหภูมิสูง

ทำไมการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาจึงสำคัญ?

การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่กำหนดช่วยรักษาประสิทธิภาพเครื่องยนต์ ลดคราบเขม่า และป้องกันการสึกกร่อนของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์

ใช้น้ำมันเครื่อง API SP แทน API SN ได้ไหม?

ได้ เพราะ API SP เป็นมาตรฐานที่พัฒนาใหม่กว่า รองรับเทคโนโลยี Direct Injection และช่วยลดการสะสมคราบเขม่าในเครื่องยนต์

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย