vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
วิธีแก้ปัญหารถความร้อนขึ้นด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายและปลอดภัย

วิธีแก้ปัญหารถความร้อนขึ้นด้วยตัวเอง ทำได้ง่ายและปลอดภัย

schedule
share

ลองนึกภาพว่ารถคุณอยู่ดีๆ ก็เริ่มมีเข็มวัดความร้อนชี้ไปในโซนแดง หรือมีไอน้ำลอยออกมาจากฝากระโปรง นี่แหละคืออาการ “รถความร้อนขึ้น” ที่หลายคนอาจเคยเจอแบบไม่ตั้งตัว ถ้าไม่รีบแก้ไข อาจลามไปถึงขั้นเครื่องพัง ต้องเสียเงินก้อนโตแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยล่ะ!

https://www.approvalgenie.ca/blog/car-maintenance/10-common-causes-of-car-overheating

สาเหตุที่ทำให้รถความร้อนขึ้น

  1. น้ำหล่อเย็นขาดหรือหมด
    น้ำหล่อเย็นเปรียบเหมือนหัวใจของระบบระบายความร้อน ถ้าขาดหรือหมดเมื่อไหร่ เครื่องยนต์ก็ร้อนเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว หลายคนไม่รู้ว่าการใช้น้ำเปล่าแทนน้ำหล่อเย็นอาจทำให้เกิดตะกรันสะสมในระบบ ส่งผลให้การระบายความร้อนทำงานได้ไม่เต็มที่
  2. พัดลมระบายความร้อนมีปัญหา
    พัดลมระบายความร้อนหน้าหม้อน้ำคืออีกตัวช่วยสำคัญ ถ้าพัดลมไม่หมุนหรือหมุนช้ากว่าปกติ อากาศร้อนก็จะสะสมในเครื่องยนต์จนเกิดอาการโอเวอร์ฮีท
  3. หม้อน้ำรั่วหรืออุดตัน
    หม้อน้ำเป็นเหมือนปอดของระบบ ถ้ารั่วหรือมีเศษสกปรกอุดตัน น้ำหล่อเย็นจะหมุนเวียนไม่ได้ เครื่องยนต์ก็จะเริ่มสะสมความร้อนจนถึงจุดอันตราย
  4. ปั๊มน้ำพัง
    ปั๊มน้ำมีหน้าที่ดันน้ำหล่อเย็นให้ไหลเวียนทั่วเครื่องยนต์ ถ้าปั๊มน้ำเสียหรือสายพานหลุด น้ำหล่อเย็นก็จะไม่ไหล ความร้อนก็จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
  5. ระบบเทอร์โมสตัทค้าง
    เทอร์โมสตัทคือวาล์วที่คอยควบคุมอุณหภูมิในเครื่องยนต์ ถ้ามันค้างหรือเสีย เครื่องยนต์จะไม่ได้รับการระบายความร้อนตามปกติ และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาความร้อนสะสม

การเสียหายของสายพานหรือปั๊มน้ำอาจเกิดขึ้นกลางทาง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทั้งน่ารำคาญและอันตราย ด้วย ประกันภัยรถยนต์ จาก insurverse คุณสามารถมั่นใจได้ว่ามีเจ้าหน้าที่พร้อมออกมาช่วยคุณในกรณีฉุกเฉิน เช่น บริการนอกสถานที่เพื่อช่วยแก้ปัญหาด่วน ให้คุณกลับมาเดินทางได้โดยไว

วิธีเช็กและแก้ปัญหาเบื้องต้น

  • ดูก่อนว่ามีไอน้ำออกจากฝากระโปรงหรือไม่
    ถ้ามีไอน้ำ แปลว่าความร้อนในเครื่องยนต์สูงมาก ห้ามเปิดฝากระโปรงทันที เพราะอาจโดนไอน้ำร้อนพุ่งใส่ได้ ควรรอจนเย็นก่อนแล้วค่อยเช็ก
  • ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำ
    เปิดดูถังพักน้ำหล่อเย็นว่ามีน้ำอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ถ้าต่ำเกินไป ให้เติมน้ำหล่อเย็น (อย่าใช้น้ำเปล่า) แต่ถ้ามีรอยรั่ว ควรรีบนำรถไปตรวจเช็กที่อู่ทันที
  • เช็กพัดลมระบายความร้อน
    เปิดฝากระโปรงและสตาร์ทรถ ดูว่าพัดลมหมุนหรือไม่ ถ้าไม่หมุน อาจเป็นปัญหาที่มอเตอร์พัดลม สายไฟ หรือฟิวส์ขาด
  • มองหารอยรั่วในระบบ
    ตรวจสอบใต้ท้องรถว่ามีน้ำหยดหรือไม่ ถ้าเจอ อาจเป็นสัญญาณว่าหม้อน้ำหรือท่อยางรั่ว

ข้อควรระวัง ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด!

  • อย่าเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องยังร้อน
    ความร้อนสะสมในเครื่องยนต์ทำให้น้ำหล่อเย็นเดือดและเกิดแรงดันสูงมาก ถ้าคุณเปิดฝาหม้อน้ำตอนนี้ แรงดันอาจดันน้ำเดือดพุ่งออกมา ทำให้เกิดบาดแผลไหม้ระดับรุนแรงได้ทันที ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล
  • อย่าเติมน้ำเย็นลงในหม้อน้ำทันที
    เครื่องยนต์ที่ร้อนจัดเปรียบเสมือนเหล็กเผาไฟ การเติมน้ำเย็นลงไปโดยตรงจะทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชิ้นส่วนโลหะขยายตัวหรือหดตัวไม่เท่ากัน อาจนำไปสู่การแตกร้าวของฝาสูบหรือหม้อน้ำได้ ควรรอให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลงก่อน จึงค่อยเติมน้ำอย่างระมัดระวัง

การดูแลรักษาป้องกันความร้อนขึ้นล่วงหน้า

  • เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นเป็นประจำ
    ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นทุก 1-2 ปี โดยใช้น้ำหล่อเย็นสูตรที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของรถคุณ เพราะน้ำหล่อเย็นสูตรเฉพาะมีสารป้องกันสนิมและการสะสมของตะกรัน ซึ่งช่วยรักษาหม้อน้ำให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ การไม่เปลี่ยนน้ำหล่อเย็นตามรอบอาจทำให้ระบบเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
  • ตรวจสอบหม้อน้ำและพัดลมระบายความร้อน
    หมั่นเช็กหม้อน้ำว่ามีคราบน้ำมันหรือคราบสนิมที่อาจเป็นสัญญาณของการรั่วซึม และตรวจสอบพัดลมว่าหมุนได้ปกติหรือไม่ ถ้าพัดลมหมุนช้าหรือไม่หมุนเลย อาจเกิดจากมอเตอร์พัดลมเสื่อม สายไฟขาด หรือฟิวส์ชำรุด ซึ่งควรแก้ไขทันที
  • หมั่นดูแลสายพานและปั๊มน้ำ
    สายพานเป็นตัวส่งกำลังให้ปั๊มน้ำทำงาน หากสายพานหย่อนหรือขาด ปั๊มน้ำจะหยุดทำงานทันที ทำให้การระบายความร้อนล้มเหลว ดังนั้นต้องตรวจสอบความตึงของสายพานและความสมบูรณ์ของปั๊มน้ำเสมอ หากมีเสียงผิดปกติจากปั๊มน้ำหรือสายพานลื่น ควรรีบเปลี่ยนใหม่
  • อย่าลืมเช็กเทอร์โมสตัท
    เทอร์โมสตัทคือชิ้นส่วนเล็กๆ ที่ควบคุมการไหลเวียนของน้ำหล่อเย็น ถ้ามันค้างหรือเปิดปิดไม่ปกติ จะทำให้น้ำหล่อเย็นไม่ไหลเวียนได้ดี เครื่องยนต์จึงเกิดความร้อนสะสม หากเริ่มเห็นความผิดปกติ เช่น อุณหภูมิขึ้นสูงผิดปกติในเวลาสั้นๆ ควรเปลี่ยนเทอร์โมสตัททันที
https://www.slashgear.com/1454996/what-to-do-when-car-engine-starts-overheating

เรื่องเล็กที่คนมักมองข้าม

  1. การล้างหม้อน้ำอย่างถูกวิธี
    การล้างหม้อน้ำต้องใช้น้ำยาล้างที่เหมาะสมและได้รับการรับรองมาตรฐาน หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนแรงเกินไป เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนภายในหม้อน้ำสึกหรอเร็วขึ้น อีกทั้งควรล้างหม้อน้ำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของคราบตะกรันที่อาจทำให้การระบายความร้อนไม่มีประสิทธิภาพ
  2. การเลือกน้ำหล่อเย็น
    น้ำหล่อเย็นมีหลากหลายสูตร เช่น สูตรป้องกันสนิม สูตรเพิ่มความหนืด หรือสูตรเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฮบริด อย่าเลือกน้ำหล่อเย็นจากราคาหรือสีเพียงอย่างเดียว แต่ควรอ่านฉลากเพื่อดูว่าสูตรเหมาะสมกับรถของคุณหรือไม่ การใช้น้ำหล่อเย็นผิดสูตรอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนในหม้อน้ำและชิ้นส่วนภายในได้
  3. ระบบไฟฟ้าและเซนเซอร์
    ระบบระบายความร้อนในรถยนต์ยุคใหม่พึ่งพาเซนเซอร์และระบบไฟฟ้าอย่างมาก เช่น เซนเซอร์วัดอุณหภูมิและระบบควบคุมพัดลม หากเซนเซอร์เสียหรือให้ข้อมูลผิด ระบบระบายความร้อนจะทำงานผิดพลาด ควรตรวจเช็กเซนเซอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อมีไฟเตือนบนหน้าปัดรถ

การเลือกน้ำหล่อเย็นที่ผิดอาจทำให้เกิดความเสียหายในระบบได้ ถ้ากังวลว่าปัญหานี้จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตประกันรถยนต์ชั้น 3+ จาก insurverse ช่วยคุณได้ด้วยแผนประกันที่ปรับได้ตามใจ ไม่ว่าคุณต้องการความคุ้มครองแบบไหน แค่ปรับออนไลน์ก็ได้ตามต้องการง่ายๆ ไม่ต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ให้ยุ่งยาก

รถความร้อนขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กที่มองข้ามได้ หากเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบและแก้ไขทันที เพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจตามมา การดูแลรถอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างสบายใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหารถความร้อนขึ้น

ถ้ารถเริ่มมีไอน้ำออกจากฝากระโปรง ควรทำอย่างไร?

ควรจอดรถในที่ปลอดภัยและรอให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อน จากนั้นตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและมองหารอยรั่วในระบบ

ทำไมน้ำเปล่าไม่ควรใช้แทนน้ำหล่อเย็น?

น้ำเปล่าทำให้เกิดตะกรันในระบบหม้อน้ำและลดประสิทธิภาพการระบายความร้อน ควรใช้น้ำหล่อเย็นสูตรเฉพาะสำหรับรถยนต์

ถ้าพัดลมระบายความร้อนไม่หมุน ควรแก้ไขอย่างไร?

ตรวจสอบฟิวส์และสายไฟ หากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการ

ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นบ่อยแค่ไหน?

ควรเปลี่ยนทุก 1-2 ปี หรือทุกระยะที่ผู้ผลิตรถยนต์แนะนำ เพื่อป้องกันการสะสมของสนิมและตะกรัน

มีวิธีป้องกันปัญหารถความร้อนขึ้นระหว่างเดินทางไกลไหม?

ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น หม้อน้ำ และพัดลมระบายความร้อนล่วงหน้า รวมถึงเตรียมประกันภัยรถยนต์จาก insurverse ที่ช่วยให้คุณอุ่นใจระหว่างเดินทางไกลด้วยบริการเคลมออนไลน์ 100%

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย