vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับบูชคันเกียร์ ส่วนประกอบสำคัญที่บางคนอาจจะมองข้าม

ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับบูชคันเกียร์ ส่วนประกอบสำคัญที่บางคนอาจจะมองข้าม

schedule
share

ในการดูแลรถยนต์ หลายคนอาจนึกถึงเรื่องใหญ่ ๆ เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง การตรวจเบรก หรือการต่อประกันรถยนต์เพื่อความคุ้มครอง แต่รู้ไหมว่าชิ้นส่วนเล็ก ๆ อย่าง “บูชคันเกียร์” ก็มีความสำคัญไม่น้อยเลยนะ
บูชคันเกียร์จริง ๆ แล้วก็คือปลอกยางเล็ก ๆ ที่ช่วยล็อกคันเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเวลาที่เราเปลี่ยนเกียร์ ถ้าเจ้าบูชชิ้นนี้เสื่อมหรือแตก เราอาจเข้าเกียร์ได้ยาก คันเกียร์หลวมโยกไปมา หรือมีเสียงดังผิดปกติขณะขับขี่ อาการเหล่านี้ไม่เพียงน่ารำคาญ แต่ยังอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับรถได้ด้วย

นอกจากนี้ ในด้านความปลอดภัย การมีความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ดี ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าและไม่แพง insurverse ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลย เพราะที่นี่คุณสามารถซื้อตรงกับบริษัทประกันภัยได้โดยไม่ต้องผ่านตัวแทน ซื้อตรง ถูกชัวร์ ทำให้เบี้ยประกันถูกกว่าการซื้อผ่านช่องทางอื่น ๆ เมื่อเราดูแลทั้งตัวรถและความคุ้มครองพร้อมแล้ว คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับบูชคันเกียร์มีอะไรบ้าง

บูชคันเกียร์ คืออะไร

บูชคันเกียร์ (Gear Shift Bushing) คือชิ้นส่วนเล็กๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มีบทบาทสำคัญมากในระบบเกียร์ของรถยนต์ มันมักทำจากวัสดุประเภทยางหรือพลาสติกยูรีเทน มีหน้าที่เป็นเหมือน ตัวรองรับและลดแรงสั่นสะเทือน ระหว่างคันเกียร์กับชุดเกียร์​ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไม่กระตุก และยังล็อกคันเกียร์ให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่เลื่อนหลุดง่ายๆ​ พูดง่ายๆ คือเจ้าบูชชิ้นจิ๋วนี้ทำให้เราขับรถเปลี่ยนเกียร์ได้ลื่นไหล ไม่ต้องออกแรงเยอะ และเกียร์เข้าตำแหน่งเป๊ะตามที่เราต้องการ

ลองนึกภาพว่าถ้าไม่มีบูชคันเกียร์ คันเกียร์โลหะจะแนบติดกับชุดเกียร์แข็งๆ เลย ซึ่งเวลาขับจะสั่นสะเทือนมาก เสียงดัง และเกียร์อาจเข้า ยากสุดๆ เพราะไม่มีตัวช่วยรองรับแรง แน่นอนว่าผู้ผลิตรถทุกเจ้าไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น จึงต้องใส่บูชคันเกียร์มาให้ตั้งแต่ออกจากโรงงานนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง บูชคันเกียร์ก็มีวันเสื่อมสภาพได้ ถ้าเจ้าบูชนี้เริ่มหลวม แตก หรือสึกหรอ ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา เช่น เข้าเกียร์ยากขึ้น หรือคันเกียร์โคลงเคลงผิดปกติ และถ้าแย่สุดๆ คือบูชแตกหายไปเลยจนไม่สามารถเข้าเกียร์ได้​ (เกียร์หลุดว่างไปดื้อๆ) เพราะคันเกียร์ไม่ถูกยึดให้อยู่ตำแหน่งเดิม นั่นหมายความว่ารถคุณจะไปต่อไม่ได้จนกว่าจะซ่อมชิ้นส่วนนี้ ดังนั้นอย่าได้มองข้ามเจ้าชิ้นเล็กนี้เชียว

วัสดุบูชคันเกียร์มีกี่แบบ? – เจาะลึกข้อดี/ข้อเสียของแต่ละชนิด

บูชคันเกียร์มีการผลิตจากวัสดุหลากหลาย โดยแต่ละแบบก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป มาดูกันว่า วัสดุยอดฮิต ที่ใช้ทำบูชคันเกียร์มีอะไรบ้าง

บูชยาง (Rubber Bushing)

  • ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก ทำให้เปลี่ยนเกียร์รู้สึกนุ่มนวลสุดๆ ลดเสียงและแรงกระแทกได้เยี่ยม เหมาะกับรถบ้านใช้งานทั่วไปที่เน้นความสบาย
  • ข้อเสีย: อายุการใช้งานค่อนข้างจำกัด (ราวๆ 5-10 ปีหรือ ~100,000 กม ก็เริ่มหมดอายุขัย) ยางมีโอกาสแห้งกรอบหรือแตกร้าวตามกาลเวลาและความร้อน​ นอกจากนี้บูชยางมีความนิ่ม ทำให้คันเกียร์อาจมีระยะฟรีหรือความย้วยอยู่บ้าง (ไม่กระชับเท่าวัสดุแข็ง) แต่ผู้ผลิตก็ออกแบบมาให้สมดุลระหว่างความนุ่มนวลกับอายุการใช้งานแล้ว

บูชยูรีเทน (Polyurethane Bushing)

  • ข้อดี: ทนทานกว่าบูชยางหลายเท่า อายุการใช้งานยาวกว่าประมาณ 3-5 เท่าของยางปกติ เลยทีเดียว​ ไม่เสื่อมสภาพง่ายๆ แม้ใช้งานหนัก แถมช่วยให้ฟีลการเปลี่ยนเกียร์กระชับแน่นขึ้นด้วย เพราะยูรีเทนแข็งกว่า เลยลดการย้วยของคันเกียร์ (เข้าเกียร์แม่นยำขึ้น)
  • ข้อเสีย: แข็งกว่ายางเยอะ ทำให้ส่งแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสารมากขึ้น การเปลี่ยนเกียร์จะรู้สึกกระด้างขึ้นเล็กน้อย ต้องแลกกับความนุ่มนวลที่ลดลง​ สำหรับคนที่ชอบความสบายอาจไม่ปลื้มเท่าไหร่ อีกทั้งราคาบูชยูรีเทนก็มักสูงกว่าบูชยางเล็กน้อย (แต่ก็ไม่ได้แพงเว่อร์เกินเอื้อม) อย่างว่าแหละ “ได้อย่างต้องเสียอย่าง” ถ้าอยากได้ความหนึบแน่นก็ต้องยอมให้รถไม่นุ่มเท่ายางเดิมนิดนึง

บูชโลหะ/ทองเหลือง (Metal/Brass Bushing)

  • ข้อดี: ความทนทานสูงปรี๊ด เรียกว่าทนเหยียบโลก แตกยากมาก ชาวเน็ตบางคนบอกว่าบูชทองเหลืองนี่ “ทนยันรถพังกันเลยทีเดียว” เลยล่ะ​ (คืออาจจะใช้ได้ยาวนานจนตัวรถพังก่อนบูชเสีย) ข้อดีอีกอย่างคือให้ความรู้สึกคันเกียร์ที่ แน่นและแม่นยำสุดๆ เพราะไม่มีการยวบยาบของวัสดุเลย คันเกียร์จะไม่มีระยะฟรีให้รู้สึกหลวม
  • ข้อเสีย: แข็งไม่มีการยืดหยุ่น ดังนั้นแรงสั่นสะเทือนจะส่งถึงมือเราเต็มๆ ไม่ช่วยซับแรงเหมือนยางหรือยูรีเทน อาจทำให้เกียร์รู้สึกกระด้างหรือมีเสียงดังก๊อกแก๊กโลหะเวลาขยับถ้าไม่ได้หล่อลื่นดีๆ ต้องหมั่นอัดจารบีหรือสารหล่อลื่นช่วย ไม่งั้นอาจเกิดการสึกหรอที่ชิ้นส่วนโลหะที่เสียดสีกันได้ นอกจากนี้บูชโลหะมักไม่ได้มีขายทั่วไปตามศูนย์ ต้องสั่งอะไหล่แต่งหรือสั่งกลึงพิเศษ และถึงแม้ตัวบูชเองราคาไม่แพงมาก แต่ถ้าเป็นของแต่งประสิทธิภาพสูงราคาก็อาจสูงตามไปด้วย

บูชพลาสติกวิศวกรรม (Engineering Plastic Bushing)

บางรุ่นรถจะใช้บูชพลาสติก (เช่น ไนลอน หรือเดลริน) ซึ่งจริงๆ ก็จัดเป็นยูรีเทนเกรดแข็งแบบหนึ่ง ข้อดีคือ ไม่ต้องหล่อลื่นและทนต่อสิ่งสกปรก ใช้งานได้โอเคและราคาถูกมาก แต่ข้อเสียคือพลาสติกกรอบแตกได้เมื่ออายุเยอะๆ หรือโดนความร้อน/เคมีนานๆ เช่นเดียวกับบูชยาง

อาการเสียของบูชคันเกียร์ – สัญญาณเตือนว่าต้องเปลี่ยนได้แล้ว

บูชที่แตกจะทำให้คันเกียร์ไม่เชื่อมต่อกับกลไกเกียร์อย่างมั่นคง ส่งผลให้เรา เข้าเกียร์ไม่ได้เลย หรือเกียร์หลุดจากตำแหน่งเดิม เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือทำให้รถจอดนิ่งไปต่อไม่ได้ ต้องรีบซ่อมด่วนๆ เลย

เมื่อไหร่ที่ควรเช็กหรือเปลี่ยนบูชคันเกียร์? สังเกตง่ายๆ จากอาการผิดปกติเหล่านี้

  • คันเกียร์หลวมคลอนผิดปกติ – คันเกียร์มีระยะฟรี โยกไป-มาได้มากกว่าปกติ จับแล้วรู้สึกไม่แน่นเหมือนเดิม​
  • มีเสียงดังแปลกๆ ตอนขยับเกียร์ – เช่นเสียง ก๊อกแก๊ก หรือเสียงเสียดสีโลหะ เวลาขยับคันเกียร์เปลี่ยนตำแหน่ง​ ปกติเกียร์ไม่ควรมีเสียงดังชัดเจน ถ้ามีก็ส่อเค้าว่าบูชอาจสึกหรอ
  • เข้าเกียร์ยาก หรือเกียร์เข้าไม่ติดสนิท – ต้องออกแรงมากกว่าปกติในการเปลี่ยนเกียร์ แต่ละเกียร์เหมือนหาเข้ายาก หรือเข้าแล้วไม่ตรงตำแหน่งเป๊ะๆ​ บางทีเข้าเกียร์แล้วรู้สึกเหมือนไม่สุด ต้องขยับซ้ำ
  • คันเกียร์สั่นสะเทือนมากขึ้น – รู้สึกได้ถึงแรงสั่นที่คันเกียร์ขณะขับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่สั่นขนาดนี้ แปลว่าบูชที่เคยช่วยซับแรงเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว​
  • ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ไม่ตรงกับเกียร์จริง (สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ) – เช่น คันเกียร์อยู่ที่ D แต่ไฟหน้าปัดโชว์ N หรือคลาดเคลื่อนไปทีละขีด นั่นแปลว่าบูชคันเกียร์/บูชสายเกียร์อาจหลวมจนตำแหน่งเซ็นเซอร์เพี้ยน ควรรีบเปลี่ยนบูชใหม่ ก่อนที่จะเข้าเกียร์ผิดพลาดจนเกิดอันตราย​
  • เกียร์หลุดหรือค้าง – อาการนี้มักเกิดในกรณีบูชแตกเสียหายรุนแรง: ในเกียร์ธรรมดา เกียร์อาจเด้งหลุดกลับมาว่างเอง (หลุดจากเกียร์ที่ขับอยู่กลายเป็นเกียร์ว่าง)​

ส่วนรถเกียร์ออโต้ ถ้าบูชพังจะเกิดเคสที่เกียร์ค้างในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เช่น ค้างที่เกียร์ถอยหลัง (R) เข้าเกียร์อื่นแล้วแต่รถยังถอยหลังอยู่ ไม่ยอมเปลี่ยนตาม​ อาการนี้อันตรายมากและรถจะใช้งานต่อไม่ได้เลย ต้องหยุดรถแล้วจัดการซ่อมทันที

ถ้ารถคุณมีอาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด! ควรนำรถเข้าศูนย์หรืออู่ให้ช่างตรวจเช็กบูชคันเกียร์ทันที เพราะหากบูชแตกกลางทาง รถอาจเกิดอาการเกียร์หลุดหรือเข้าเกียร์ไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความลำบากแบบสุดๆ ทางที่ดี เปลี่ยนบูชใหม่ก่อนที่จะพัง จะอุ่นใจกว่า

วิธีดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งานบูชคันเกียร์

แม้บูชคันเกียร์จะเป็นอะไหล่ที่หลีกเลี่ยงการสึกหรอไปไม่ได้ (ใช้ไปนานๆ ก็ต้องเปลี่ยน) แต่เราก็มีวิธี ถนอมให้มันอยู่กับเราได้นานขึ้น และลดโอกาสพังกลางทางได้ ดังนี้

  • เปลี่ยนตามระยะที่เหมาะสม – อย่ารอให้บูชแตกคาเกียร์! ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเปลี่ยนบูชทุกๆ ~5 ปีหรือ 100,000 กม โดยประมาณ หรือเร็วกว่านั้นหากพบอาการผิดปกติ นี่เป็นการบำรุงเชิงป้องกันที่คุ้มค่ามาก เพราะราคาอะไหล่ถูกและเปลี่ยนไม่นาน (ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ​
    ) แต่ให้ผลใหญ่หลวงคือป้องกันปัญหาเกียร์เสียจนรถไปต่อไม่ได้
  • ขับอย่างทะนุถนอมเกียร์ – การใช้งานรถก็มีส่วนให้บูชอยู่ทนหรือเสื่อมไว ถ้าขับแบบกระชากเกียร์ เปลี่ยนเกียร์รุนแรง ยัดเกียร์ผิดจังหวะบ่อยๆ บูชก็รับกรรมไปเต็มๆ พยายามเข้าเกียร์อย่างนุ่มนวล เหยียบคลัตช์ให้สุด (ในรถเกียร์ธรรมดา) ก่อนเปลี่ยนเกียร์ ไม่กระชากคันเกียร์หรือเข็นเกียร์แรงเกินไป จะช่วยลดภาระให้บูชได้เยอะ
  • หลีกเลี่ยงนิสัยพักมือบนคันเกียร์ตลอดเวลา – หลายคนเคยชินเอามือวางพาดคันเกียร์ไว้ตลอดเวลา (โดยเฉพาะเกียร์ธรรมดาที่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อย) แต่การทำแบบนั้นน้ำหนักมือเราจะกดคันเกียร์ตลอดทาง ส่งแรงไปยังก้านเกียร์และบูชโดยไม่รู้ตัว ทำให้บูชสึกหรอไวขึ้นโดยใช่เหตุ ทางที่ดีคือจับคันเกียร์เฉพาะเวลาจะเปลี่ยนเกียร์ พอเข้าเกียร์เสร็จก็ควรวางมือที่พวงมาลัยตามปกติ จะช่วยถนอมน้องบูชได้อีกทาง
  • ตรวจเช็กและหล่อลื่นตามความจำเป็น – โดยทั่วไปบูชยาง/ยูรีเทนไม่ต้องการการหล่อลื่นใดๆ แต่ถ้าเป็นบูชโลหะหรือบูชพลาสติกแข็ง ควรหยอดจารบีหรือสเปรย์ซิลิโคนหล่อลื่นตรงจุดที่บูชสัมผัสกับแกนโลหะของคันเกียร์เป็นระยะ เพื่อป้องกันการเสียดสีที่อาจทำให้บูชหรือแกนสึก นอกจากนี้ควรเช็กสภาพบูชทุกครั้งที่มีการบำรุงรักษาช่วงเกียร์/สายเกียร์ เช่น ตอน ถ่ายน้ำมันเกียร์ หรือ ซ่อมคลัตช์ (ในเกียร์ธรรมดา) จะได้รู้ก่อนว่าบูชใกล้หมดสภาพหรือยัง
  • ระวังน้ำมันและความร้อน – ยางกับน้ำมันเครื่อง/จารบีเป็นของแสลงกัน ถ้าบูชเป็นยาง อย่าให้โดนน้ำมันหรือสารเคมี เพราะจะเร่งให้ยางบวมเปื่อยยุ่ยเร็วขึ้น เช่นเดียวกับความร้อนสูงเกินไปก็ทำให้ยางแก่ตัวไว ถ้าบูชอยู่ใกล้เครื่องยนต์หรือท่อไอเสีย ควรมีแผ่นกันความร้อนหรือบังโคลนที่ดีป้องกันไว้ และซ่อมจุดรั่วซึมน้ำมันเครื่อง/น้ำมันเกียร์ในห้องเครื่องเพื่อไม่ให้น้ำมันหยดใส่บูช

การดูแลเหล่านี้อาจฟังดูจุกจิกไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าช่วยยืดอายุบูชคันเกียร์ของคุณได้แน่นอน และที่สำคัญคือช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เกียร์พังกลางทาง ต้องให้รถยกไปอู่ (เสียเวลาและค่าใช้จ่ายบานปลาย) สู้ลงทุนดูแลนิดๆ หน่อยๆ จะดีกว่า 

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก บูชคันเกียร์ มากขึ้น เจ้าอะไหล่เล็กๆ ชิ้นนี้ถึงจะดูธรรมดาแต่ก็สำคัญไม่เบาเลยทีเดียว ครั้งหน้าถ้าเกียร์รถมีอาการแปลกๆ จะได้ไม่ตกใจ เพราะเราอาจแก้ไขได้ง่ายๆ แค่เช็ก บูชคันเกียร์ นี่แหละ

สรุป

บูชคันเกียร์อาจเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้การเข้าเกียร์เป็นไปอย่างราบรื่นและแม่นยำ ดังนั้นเราควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น คันเกียร์หลวมหรือเข้าเกียร์ยาก หากเริ่มมีอาการเหล่านี้ก็ควรเปลี่ยนบูชคันเกียร์เพื่อป้องกันปัญหาระหว่างขับขี่และรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน

แต่ต่อให้เราดูแลรถดีแค่ไหน อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้เสมออยู่ดี การมีประกันรถยนต์คอยคุ้มครองไว้จึงจำเป็นสำหรับความอุ่นใจ ใครที่ยังไม่มีประกันหรืออยากได้ความคุ้มครองที่คุ้มค่ากว่าเดิม ลองเข้าไปเช็กเบี้ยประกันรถยนต์กับ insurverse ได้เลย เพราะที่ insurverse คุณสามารถเช็กเบี้ยและเปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทได้ง่าย ๆ ในที่เดียว แถมยังมีอู่ในเครือที่ให้คุณเข้าซ่อมได้เลยโดยไม่ต้องออกเงินก่อนด้วย ทำให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้นแม้ในยามเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

5 คำถามที่พบบ่อย

บูชคันเกียร์สามารถซ่อมได้หรือไม่ หรือต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว?

ส่วนใหญ่แล้ว บูชคันเกียร์จะต้องเปลี่ยนใหม่เพราะเป็นชิ้นส่วนที่เสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน หากบูชแค่หลวมอาจพอปรับตั้งได้ในบางกรณี แต่ถ้าฉีกขาดหรือสึกหรอจนเกินไปก็แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ดีกว่า เพราะการซ่อมชั่วคราวอาจไม่ทนทานและส่งผลต่อการขับขี่

มีวิธีเช็กบูชคันเกียร์ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปอู่ไหม?

ได้ วิธีเบื้องต้นคือจับที่คันเกียร์แล้วลองโยกดู ถ้ารู้สึกว่าหลวมผิดปกติหรือมีเสียงก๊อกแก๊กเวลาเปลี่ยนเกียร์ อาจเป็นสัญญาณว่าบูชเริ่มเสื่อม อีกวิธีคือสังเกตว่าการเข้าเกียร์ยากขึ้นหรือมีแรงสั่นสะเทือนผิดปกติ ถ้ามีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ให้ช่างตรวจสอบเพื่อความชัวร์

การเปลี่ยนบูชคันเกียร์ต้องใช้อะไหล่แท้จากศูนย์เท่านั้นหรือสามารถใช้ของตลาดได้?

สามารถใช้ของตลาดได้ แต่ต้องเลือกที่มีคุณภาพดีและตรงรุ่นรถ ส่วนบูชแท้จากศูนย์จะให้ความมั่นใจในเรื่องอายุการใช้งานและความเข้ากันได้พอดี หากต้องการอัปเกรด อาจเลือกบูชยูรีเทนหรือทองเหลืองเพื่อความทนทานขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าฟีลลิ่งอาจแข็งกว่าบูชยางเดิม

บูชคันเกียร์แตกหรือเสื่อมสภาพมีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันหรือไม่?

โดยตรงอาจไม่มาก แต่ทางอ้อมมีแน่นอน! เพราะหากบูชเสียหายจนทำให้เข้าเกียร์ผิดพลาดหรือเกียร์ไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงกว่าปกติได้ นอกจากนี้ หากเข้าเกียร์ได้ไม่แม่นยำ อาจต้องเร่งเครื่องบ่อยขึ้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้น

สามารถอัปเกรดบูชคันเกียร์ให้ทนทานกว่าเดิมได้ไหม และควรเลือกแบบไหนดีที่สุด?

ได้! ถ้าอยากให้บูชทนทานกว่าเดิม บูชยูรีเทนหรือบูชโลหะเป็นตัวเลือกที่ดี บูชยูรีเทนจะช่วยให้คันเกียร์แน่นขึ้น ไม่ย้วย แต่ยังมีความยืดหยุ่นอยู่ ส่วนบูชโลหะ (เช่น ทองเหลือง) จะให้ฟีลลิ่งคันเกียร์กระชับสุด ๆ แต่แรงสั่นสะเทือนอาจเพิ่มขึ้น หากเน้นขับขี่สบายเหมือนเดิม บูชยางแท้จากศูนย์ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)