• บทความ
• keyboard_arrow_right
• เคล็ดลับเรื่องรถ

ทางด่วน มอเตอร์เวย์ แตกต่างกันอย่างไร เรามีคำตอบ

ทางด่วน มอเตอร์เวย์ เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญของคนไทยใช้สัญจร แต่ถนนทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างไร มาดูกันเลย

ความแตกต่างระหว่างทางด่วนกับมอเตอร์เวย์

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะเข้าใจว่า ทางด่วน มอเตอร์เวย์ เป็นทางประเภทเดียวกัน เนื่องจากเป็นเส้นทางยาวเหมือนกัน แต่ในความจริงแล้ว ทางด่วน มอเตอร์เวย์ มีความแตกต่างกันดังนี้

• รูปแบบของเส้นทาง

ทางด่วนหรือ Expressway เป็นเส้นทางยกระดับพิเศษจากพื้นดิน โดยมีเส้นทางทั้งภายในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชื่อมต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง ขณะที่ทางมอเตอร์เวย์หรือ Motorway เป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองติดต่อกันที่อยู่ในระดับพื้น ไม่ได้มีการวางโครงสร้างสูงจากพื้นเหมือนทางด่วน

• ความดูแล

ทางด่วนจะอยู่ในความดูแลของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่ดูแลและเก็บค่าผ่านทาง แต่ทั้งนี้มีบางช่วงของเส้นทางที่ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทยให้สัมปทานกับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ดูแลรวมถึงเก็บค่าผ่านทางแทน โดยค่าผ่านทางคิดตามจำนวนล้อของรถยนต์ ราคาเริ่มที่ 50 บาท/คัน (ไม่รวมส่วนลด) ยกเว้นด่านบางจากเริ่มต้นที่ 10 บาทต่อคัน ส่วนมอเตอร์เวย์อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวง คิดค่าผ่านทางตามจำนวนล้อเช่นเดียวกัน โดยมีค่าแรกเข้าด่าน 10 บาท จากนั้นคิดราคาตามระยะทางและตามเงื่อนไขของแต่ละเส้นทาง

ตอนนี้ประเทศไทยมีทางด่วนและมอเตอร์เวย์กี่แห่ง

ปัจจุบันเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนทำให้มีการวางเส้นทาง ทางด่วน มอเตอร์เวย์ หลากหลายสาย โดยทางด่วนมี 8 เส้นทาง ขณะที่เส้นทางมอเตอร์เวย์มีจำนวน 2 สาย ดังนี้

ทางด่วน 

• ทางด่วนเฉลิมมหานคร หรือทางด่วนขั้นที่ 1 ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ดินแดงถึงท่าเรือ บางนาถึงท่าเรือ และดาวคะนองถึงท่าเรือ ระยะทางรวม 27.1 กิโลเมตร
• ทางด่วนศรีรัช หรือทางด่วนขั้นที่ 2 ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ บางโคล่ถึงแจ้งวัฒนะ และพญาไทถึงศรีนครินทร์ ระยะทางรวม 38.4 กิโลเมตร
• ทางด่วนฉลองรัช ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ รามอินทราถึงอาจณรงค์ และรามอินทราถึงวงแหวนรอบนอก ระยะทางรวม 28.2 กิโลเมตร
• ทางด่วนบูรพาวิถี เริ่มตั้งแต่บางนา กรุงเทพฯ ถึงจังหวัดชลบุรี ระยะทางรวม 55 กิโลเมตร
• ทางด่วนอุดรรัถยา เริ่มตั้งแต่ทางด่วนบางปะอินถึงอำเภอปากเกร็ด ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร
• ทางพิเศษสาย S1 เริ่มตั้งแต่ปลายทางพิเศษฉลองรัฐไปตามแนวทางเฉลิมมหานครเดิม ก่อนเชื่อมต่อกับทางพิเศษบูรพาวิถี ระยะทาง 4.7 กิโลเมตร
• ทางด่วนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกด้านใต้ เริ่มตั้งแต่ถนนสุขสวัสดิ์ไปที่ถนนเทพรัตน อำเภอบางพลี ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร
• ทางพิเศษสายศรีรัช–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ เริ่มต้นจากถนนกาญจนาภิเษกไปถึงทางพิเศษย่านบางซื่อ ระยะทาง 16.7 กิโลเมตร

มอเตอร์เวย์ 

• ทางด่วนพิเศษหมายเลข 7 เส้นทางกรุงเทพฯ ถึงชลบุรี พัทยา สายใหม่ ระยะทางรวม 125.9 กิโลเมตร
• ทางด่วนพิเศษหมายเลข 9 ถนนกาญจนาภิเษก เส้นทางสายวงแหวนรอบนอก บางประอินถึงบางพลี ระยะทางรวม 131 กิโลเมตร

กฎข้อบังคับในการใช้ทางด่วนและมอเตอร์เวย์

นอกจากต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรเหมือนการขับรถบนถนนทั่วไปแล้ว การใช้ทางด่วน มอเตอร์เวย์ ยังมีกฏข้อบังคับเพิ่มเติม ได้แก่

ทางด่วน 

• ประเภทรถที่ไม่อนุญาตให้ใช้ทางด่วนพิเศษ ได้แก่ รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ โดยในกรณีรถจักรยานยนต์มีความผิดตามกฎหมายและถูกปรับสูงสุด 1,000 บาท
• รถบรรทุกที่มีความสูง 4 เมตร ความกว้าง 2.5 เมตร หรือรัศมีวงเลี้ยวเกิน 12 เมตร รถที่ใช้เพื่อการโฆษณา รถแทรกเตอร์ รถบดถนน รถสามล้อ รถหัดขับ รถทดลองเครื่อง ห้ามใช้ทางด่วนพิเศษ
• รถบรรทุกวัตถุอันตรายห้ามวิ่งบนทางด่วนช่วงเวลา 05.00 – 09.00 น. และ 15.00 – 21.00 น. ยกเว้นทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษอุดรรัถยา

มอเตอร์เวย์

• รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรวมไม่เกิน 1,200 กิโลกรัม ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• รถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 1,200 กิโลกรัม รถยนต์ที่ลากจูงรถพ่วง ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• รถยนต์ทั่วไปให้ใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับทางด่วน มอเตอร์เวย์ ที่เรานำมาฝาก แต่ไม่ว่าถนนทั้งสองแบบจะแตกต่างกันอย่างไร ผู้ขับขี่ต้องรักษากฎจราจรเพื่อความปลอดภัยเหมือนกัน หากมีประกันติดรถไว้จะยิ่งช่วยให้ผู้ขับขี่อุ่นใจได้มากขึ้น อย่างน้อยทำ ประกันรถชั้น 3 เพื่อให้คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี ถือเป็นความคุ้มครองที่ช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบให้กับผู้ทำประกันได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่หากยังไม่แน่ใจสามารถ เช็กเบี้ยประกัน และเช็กความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันทางออนไลน์ก่อนซื้อได้ เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ insurverse