พ.ร.บ.รถยนต์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนใช้รถใช้ถนน ไม่ต่างจากการเข้าใจกฎการขับขี่ที่ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่อง “เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด” ที่หลายคนอาจคิดว่าทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่จริง ๆ แล้วมีกฎจราจรที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เช่นเดียวกับการมี พ.ร.บ.รถยนต์ ที่ช่วยคุ้มครองทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน การรู้ว่าควรเลี้ยวเมื่อไร หยุดตอนไหน ก็เปรียบเสมือนการมีพ.ร.บ.ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกเส้นทาง
หลายคนยังคงเข้าใจผิดว่าการเลี้ยวซ้ายสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป การเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดต้องดูตามป้ายจราจรที่ติดตั้งไว้เป็นหลัก ไม่ใช่ทุกแยกที่จะสามารถเลี้ยวได้ทันที ดังนั้นการรู้ว่าป้ายไหนอนุญาตให้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด และป้ายไหนต้องรอสัญญาณไฟจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ขับขี่ปลอดภัยแล้วยังหลีกเลี่ยงการโดนปรับได้ด้วย!
ถ้าเห็นป้ายนี้ไม่ใช่ว่าจะเหยียบคันเร่งแล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายได้เลยนะ การเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดที่ถูกต้องคือ ต้อง ชะลอรถ ก่อน ตรวจสอบว่ามีรถทางตรงที่วิ่งมาจากทางขวาหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องปล่อยให้เขาผ่านไปก่อน และถ้ามีคนข้ามถนนอยู่ ก็ต้องหยุดให้คนข้ามไปก่อนด้วย เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วถึงจะเลี้ยวซ้ายได้แบบไม่ผิดกฎจราจร
ป้ายนี้ชัดเจนมากว่าห้ามเลี้ยวซ้ายจนกว่าจะได้สัญญาณไฟเขียว ผู้ขับขี่ต้อง หยุดรอหลังเส้นหยุด ไม่ว่าจะรีบแค่ไหนก็ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด เพราะถ้าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจรที่ติดตั้งไว้ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 200 – 500 บาท เลยทีเดียว
บางแยกอาจไม่มีป้ายจราจรระบุชัดเจนว่าจะเลี้ยวซ้ายได้หรือไม่ ในกรณีนี้ ต้องหยุดรอไฟเขียว พร้อมกับรถที่มาจากทางเดียวกันก่อนถึงจะเลี้ยวได้ นอกจากนี้ยังต้อง มองรถจากทางตรงให้แน่ใจ ว่าปลอดภัยจริง ๆ ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวซ้าย
อย่าบีบแตรเร่งให้รถคันหน้าเลี้ยวซ้ายทันที เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับรถคันหน้าได้อีกด้วย
การห้ามเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดในบางแยกมีเหตุผลสำคัญที่เกี่ยวกับความปลอดภัย เนื่องจากบางแยกมีปริมาณการจราจรที่หนาแน่น หรือมีการใช้ทางร่วมกับคนเดินเท้าและจักรยาน ถ้าปล่อยให้เลี้ยวซ้ายได้ตลอดเวลาอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นการมีป้ายและสัญญาณไฟจราจรช่วยควบคุมการขับขี่ให้ปลอดภัยมากขึ้น
หากฝ่าฝืนกฎจราจรเกี่ยวกับการเลี้ยวซ้าย เช่น ไม่หยุดรอไฟเขียวในกรณีที่มีป้าย “เลี้ยวซ้ายรอสัญญาณไฟ” หรือเลี้ยวซ้ายโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัย จะมีโทษปรับตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยมีค่าปรับตั้งแต่ 200 – 500 บาท และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อาจมีความผิดทางแพ่งและอาญาเพิ่มเติมด้วย
ไม่ว่าคุณจะรีบแค่ไหน การเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดต้องทำอย่างถูกต้องตามกฎจราจร สังเกตป้ายจราจร ชะลอรถเมื่อจำเป็น และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทุกคนบนถนน เช่นเดียวกับการเลือกซื้อพ.ร.บ.รถยนต์ที่ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างสบายใจ ซื้อผ่าน insurverse ได้ง่าย ๆ ราคาถูกสุด ซื้อล่วงหน้าได้ 180 วัน และยังคุ้มครองทันทีหลังซื้อเสร็จ ไม่ต้องเสียเวลารออัพเดต เช็กเบี้ยพ.ร.บ.รถยนต์ แล้วเตรียมตัวออกเดินทางอย่างมั่นใจได้เลย!
ถึงแม้จะมีป้ายอนุญาตให้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด แต่ถ้ามีคนข้ามถนนอยู่ ผู้ขับขี่ต้องหยุดให้คนข้ามไปก่อน เพราะกฎหมายกำหนดให้คนข้ามถนนมีสิทธิ์ก่อนรถเสมอ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนบนท้องถนน
ในช่วงเวลากลางคืน กฎการเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดยังคงเหมือนเดิม แต่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ตรวจสอบไฟหน้ารถและสัญญาณไฟจราจรให้ชัดเจน รวมถึงสังเกตว่ามีรถหรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยกหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ในกรณีที่ขับรถในต่างจังหวัดซึ่งไม่มีสัญญาณไฟจราจรชัดเจน ควรหยุดรถที่ทางแยกและตรวจสอบสภาพการจราจรรอบข้างอย่างละเอียดก่อนเลี้ยวซ้าย ให้แน่ใจว่าไม่มีรถจากทางขวาหรือคนข้ามถนน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
กฎการเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น ในบางประเทศที่ขับรถเลนขวา การเลี้ยวซ้ายจะเทียบเท่ากับการเลี้ยวขวาในประเทศไทย ดังนั้น ควรศึกษากฎจราจรของประเทศนั้น ๆ อย่างละเอียดก่อนขับขี่เพื่อความปลอดภัย
ในเขตโรงเรียนหรือเขตชุมชน แม้จะมีป้ายเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเรียนหรือเวลาที่มีเด็กเดินข้ามถนน หากมีเจ้าหน้าที่จราจรคอยดูแล ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและชุมชน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
กระจกรถยนต์ไม่ได้เป็นแค่หน้าต่างของรถ แต่ยังเป็นโครงสร้างที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับตัวรถ ป้องกันลม ฝุ่น และเสียงรบกวนจากภายนอก การเลือกอู่ซ่อมกระจกรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การส่งรถเข้าอู่สี ไม่ใช่แค่เรื่องของการซ่อมรอยขีดข่วนหรือทำให้รถกลับมาสวยเหมือนเดิม แต่ยังเกี่ยวข้องกับมาตรฐานงานพ่นสี เทคนิคการเตรียมพื้นผิว และประเภทของสีที่ใช้ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพงานซ่อมทั้งหมด
เครื่องยนต์เป็นเหมือนหัวใจของรถ ถ้าทำงานไม่ปกติ รถทั้งคันก็พังได้ง่าย ๆ อาการเครื่องยนต์รวนไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะบางครั้งอาจเป็นเพียงสัญญาณเตือนเล็ก ๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียเงินก้อนโตในการซ่อม