vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
แบตรถยนต์หมดกลางทาง ทำอย่างไรดี

แบตรถยนต์หมดกลางทางทำอย่างไรดี

schedule
share
แบตรถยนต์หมด กลางทางทำอย่างไรดี

ปัญหาเรื่องแบตรถยนต์หมดเกิดขึ้นได้กับรถทุกคันไม่ว่าจะรถสภาพเก่าหรือสภาพใหม่ เพราะอะไหล่ชิ้นนี้มีอายุการใช้งานสูงสุด 3-4 ปี ซึ่งเจ้าของจะไม่ค่อยใส่ใจจนกว่ารถจะมีปัญหา นอกจากนี้การเปิดไฟหน้าทิ้งไว้เป็นเวลานานหรือปิดประตูไม่สนิทก็ทำให้แบตหมดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้วเรามีวิธีแก้มาบอก

กลัวแบตรถยนต์หมดกลางทาง ต้องรู้ทันอาการที่บอกว่าแบตเตอรี่เสื่อมหรือใกล้หมด

ก่อนที่จะเดินทางหากรถแบตเตอรี่ใกล้หมดดูได้ไม่ยาก จะต้องสังเกตและไม่ควรชะล่าใจ ควรศึกษาข้อมูล เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือได้ เพียงแต่ก่อนที่จะไปรู้วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น เราไปดูพร้อม ๆ กันว่ารถจะมีอาการอย่างไรที่เป็นสัญญาณเตือนว่ารถมีโอกาสแบตเตอรี่หมดกลางทางหรือสตาร์ทไม่ติด ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  • ก่อนจะเดินทางในช่วงเช้ารถเริ่มสตาร์ทติดยาก อาจต้องเร่งคันเร่งช่วยถึงจะติด
  • เมื่อจอดรถทิ้งไว้ 3- 5 วัน หรือเมื่อสตาร์ทติดแล้ว หากต้องดับเครื่องแม้จะเพียงแปปเดียวก็อาจจะสตาร์ทติดยากหรือหากแบตเตอรี่เสื่อม อาจจะไม่ติดเลย ต้องใช้วิธีพ่วงเอาเท่านั้น
  • หากยังไม่มีอาการมากเท่าไหร่นัก ให้สังเกตที่หน้าปัดเรือนไมล์ จะเห็นว่ามีไฟเกี่ยวกับเครื่องยนต์โชว์     

อาการเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นแม้ว่าจะไม่มากและรถยังสตาร์ทติดอยู่ก็ไม่ควรปล่อยไว้นาน เพราะรถมีโอกาสสตาร์ทไม่ติดเลย ลองนึกภาพตามว่ารถไปดับกลางป่าหรือที่เปลี่ยวจะน่ากลัวแค่ไหน ฉะนั้นรีบนำรถไปเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยด่วน อย่ารอให้เกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่เพียงจะทำให้รถไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเท่านั้น อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ทุกเมื่อ

แบตรถยนต์หมดกลางทางแก้ได้ด้วยวิธีเบื้องต้น

ลืม” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะด้วยปัจจัยความเมื่อยล้า รีบ ไม่ชำนาญ อย่างเช่นการเปิดไฟหน้าทิ้งไว้นาน ๆ ลืมปิดวิทยุ ปัญหาที่ตามมาคือแบตรถยนต์หมด แต่ในอีกกรณีหนึ่งคือแบตเสื่อมสภาพ ไม่อาจแก้ได้ถาวร ทางที่ดีคือเปลี่ยนแบตลูกใหม่ แต่วิธีที่เรากำลังจะกล่าวนั้น สามารถแก้ปัญหาเบื้องต้นในทุกกรณี ลองศึกษาและพิจารณาดูว่าควรทำอย่างไร

  1. ขั้นตอนแรกให้ปิดสวิตช์และอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด รวมถึงไม่สูบบุหรี่หรือกิจกรรมใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ
  2. ในกรณีที่รถมีสายพ่วงแบตเตอรี่ติดรถอยู่แล้ว สามารถนำรถอีกคันมาจอดใกล้ ๆ เพื่อทำการต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ ชาร์จให้ไฟเข้า ซึ่งใช้เวลาไม่นานรถก็จะสตาร์ทติด โดยการพ่วงเริ่มต้นไปที่ขั้วบวกสีแดงจะต้องต่อรถคันที่แบตหมดก่อน ค่อยต่อกับรถอีกคันที่มาช่วย
  3. รถอีกคันที่มาช่วยจะหนีบโลหะตรงแบตเตอรี่พ่วงขั้วลบสีดำ ในระหว่างนั้นรถก็ต้องสตาร์ทรอไว้ 3 นาที เพื่อให้ไฟชาร์จเข้าไปรถอีกคน จะต้องเร่งเครื่องในอัตรา 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที รถจึงจะติด ยกเว้นแบตเตอรี่เสื่อมมากอาจต้องสตาร์ทนาน
  4. เมื่อรถติดแล้วให้เริ่มต้นถอดสายพ่วงสีดำของคันที่ แบ ต รถยนต์ หมด ก่อน จึงค่อยถอดสายพ่วงสีแดงของรถคันที่มาช่วย

หากว่าแบตรถยนต์หมด แม้ว่าจะมีทางแก้โดยการพ่วงกับรถอีกคัน แต่หากเราตกอยู่ในสถานการณ์เร่งรีบ มีธุระด่วนการรอพ่วงแบตเตอรี่กับรถอีกคันไม่ใช่ทางออกที่ดีแน่ ดังนั้นควรเช็กแบตก่อนเดินทางหากพบว่ารถมีอาการดังกล่าวหรือดับบ่อย ๆ ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่

สำหรับคนมีรถนอกจากหมั่นดูแลรักษาแล้ว สิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือการทำประกันรถยนต์ วันนี้มีให้เลือกหลายชั้น ไม่ว่าประกันรถชั้น 1 ไปถึงประกันภัยรถชั้น 3 จ่ายเบี้ยต่างกัน สนใจแนะนำ insurverse ประกันภัยในเครือทิพย เชื่อถือได้ ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม มีประกันไว้ขับรถไกลหรือใกล้ก็ย่อมอุ่นใจเสมอ เช็กเบี้ยประกันรถยนต์ที่นี่!

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)