vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เช็คน้ำท่วม google map

เช็คน้ำท่วม Google Maps ง่าย ๆ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลา

schedule
share

น้ำท่วมทีไร ชีวิตวุ่นวายไปหมด ไหนจะรถติด ไปทำงานไม่ทัน หรือนัดสำคัญที่พังไม่เป็นท่า ถ้าไม่อยากต้องลุ้นว่าถนนเส้นไหนโดนน้ำท่วมบ้าง ต้องลองใช้ฟีเจอร์ เช็คน้ำท่วม Google Maps ตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราดูสถานการณ์น้ำท่วมได้แบบเรียลไทม์ พร้อมอัปเดตแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องเสียเวลาขับไปเจอทางตัน แถมแชร์ข้อมูลกับคนอื่นได้อีกด้วย จะทำยังไงบ้าง ลองไปดูกันเลย

เช็คน้ำท่วม Google Maps ทำได้ยังไงบ้าง

Google Maps ไม่ได้เป็นแค่แอปนำทาง แต่ยังสามารถใช้ดูข้อมูล ภัยพิบัติทางธรรมชาติ อย่างน้ำท่วมได้ด้วย วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก เพราะฟีเจอร์เช็คน้ำท่วม Google Maps จะอัปเดตข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่ และแสดงข้อมูลไฮไลต์เอาไว้บนแผนที่ให้เห็นชัด ๆ ไปเลย

การแจ้งเตือนน้ำท่วมจะขึ้นเมื่อไหร่?

  • เมื่อมีการค้นหาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม และซูมระดับแผนที่ถูกต้อง
  • ถ้าเส้นทางนำทางที่คุณวางแผนผ่านพื้นที่น้ำท่วม Google จะเตือนคุณก่อน
  • สามารถแตะ ไอคอนแจ้งเตือน หรือการ์ดที่แสดงผลบนแผนที่ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่น้ำท่วม

ข้อมูลน้ำท่วมที่แสดงใน Google Maps จะแสดงเป็น เส้นทางปิด หรือสัญลักษณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้คุณหลีกเลี่ยงและวางแผนการเดินทางใหม่ได้ทันที

ใช้แผ่นข้อมูลภัยพิบัติใน Google Maps

แผ่นข้อมูลภัยพิบัติจะช่วยให้คุณเข้าใจสถานการณ์น้ำท่วมได้ดีขึ้น เพราะนอกจากจะแสดงสัญลักษณ์พื้นที่น้ำท่วมแล้ว ยังมีข้อมูลอัปเดตและรายละเอียดอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ที่ช่วยเช็คน้ำท่วม Google Maps เช่น:

  1. ข้อมูลสรุปสถานการณ์น้ำท่วม: ระดับน้ำท่วม และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
  2. ข้อมูลความปลอดภัย: ข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่ เช่น หมายเลขฉุกเฉิน หรือเว็บไซต์หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ
  3. ข่าวสารและการอัปเดต: บทความข่าว หรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม

วิธีใช้งานแผ่นข้อมูลภัยพิบัติก็ง่ายมาก แค่แตะที่ ไอคอนภัยพิบัติ หรือการ์ดแจ้งเตือน ก็สามารถขยายดูข้อมูลได้ทันที

แชร์ข้อมูลน้ำท่วมให้คนอื่นรู้

ถ้าเห็นพื้นที่ไหนน้ำท่วมหนัก อย่าปล่อยให้คนอื่นหลงทาง คุณสามารถแชร์ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมผ่าน Google Maps ให้คนอื่นได้ง่าย ๆ

วิธีแชร์ข้อมูล

  1. เปิดแผ่นข้อมูลภัยพิบัติที่แจ้งเตือนใน Google Maps
  2. เลือก แชร์เหตุการณ์ หรือ แชร์ตำแหน่งที่เกิดเหตุ
  3. ส่งลิงก์ข้อมูลไปให้เพื่อน หรือโพสต์ลงโซเชียลได้เลย

การแชร์ข้อมูลช่วยให้คนอื่น ๆ หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมได้ทัน แถมยังช่วยลดความวุ่นวายบนถนนได้อีกด้วย

รายงานเส้นทางน้ำท่วมปิดให้คนอื่นรู้

นอกจากจะแชร์ข้อมูลได้แล้ว คุณยังสามารถรายงานเส้นทางที่ถูกปิดเพราะน้ำท่วม เพื่อช่วยให้ Google Maps อัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้คนอื่นหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมได้ง่ายขึ้น

  1. เปิด Google Maps บนมือถือ
  2. แตะที่แผ่นข้อมูลภัยพิบัติ
  3. ไปที่ส่วน ผลกระทบต่อการนำทาง
  4. เลือก รายงานการปิดถนน และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

การรายงานเส้นทางปิดช่วยให้ข้อมูลบน Google Maps แม่นยำขึ้น และช่วยให้คนอื่นไม่ต้องเสียเวลาไปเจอน้ำท่วมแบบไม่ทันตั้งตัว

ความปลอดภัยมาเป็นอันดับหนึ่ง เช็กข้อมูลก่อนออกเดินทาง

การแจ้งเตือนน้ำท่วมใน Google Maps ช่วยให้คุณวางแผนการเดินทางได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่น้ำท่วมเกิดขึ้นได้บ่อยแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะแอปจะแจ้งเตือนทันทีเมื่อเส้นทางที่คุณจะไปมีปัญหา ทำให้คุณหลีกเลี่ยงเส้นทางเหล่านั้นได้ง่าย ๆ

ตัวอย่างข้อมูลที่ Google Maps จะแสดงให้เห็น

  • เส้นทางที่ถูกน้ำท่วมและไม่สามารถผ่านได้
  • เส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัยกว่า
  • ข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินและแหล่งช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ

แค่ เช็คน้ำท่วม Google Maps ก่อนออกเดินทาง ก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้มากขึ้นว่า จะไม่ต้องไปติดแหง็กอยู่กลางน้ำท่วมแน่นอน

car flood
source: https://www.rawpixel.com/image/4032000/photo-image-house-water-car

รวมแอปหรือเว็บไซต์เช็คน้ำท่วมที่ควรรู้

นอกจาก เช็คน้ำท่วม Google Maps  ยังมีแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ที่ช่วยให้คุณเช็กสถานการณ์น้ำท่วมได้แบบเรียลไทม์ ดังนี้

1. ThaiWater.net เช็กข้อมูลน้ำท่วมระดับประเทศ

ThaiWater.net เป็นเว็บไซต์จากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำทั่วประเทศไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำในแม่น้ำ เขื่อน คลอง และพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม สามารถดูข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านแผนที่ออนไลน์ที่ใช้งานง่าย จุดเด่นคือ

  • แสดงแผนที่น้ำท่วมแบบเรียลไทม์
  • ตรวจสอบระดับน้ำในเขื่อนและแม่น้ำหลักทั่วประเทศ
  • แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมผ่านแผนที่กราฟิก
  • ข้อมูลมาจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น กรมชลประทานและกรมอุตุนิยมวิทยา

2. Water Map แผนที่น้ำท่วมที่ดูง่าย ใช้งานสะดวก

Water Map เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการเช็กน้ำท่วม โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางบ่อย จุดเด่นคือ แสดงสถานการณ์น้ำท่วมแบบเรียลไทม์ด้วยแผนที่ออนไลน์ ที่บอกทั้งระดับน้ำและพื้นที่เสี่ยงอย่างชัดเจน ช่วยให้วางแผนการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ฟังก์ชันที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ตรวจสอบระดับน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  • แสดงจุดเสี่ยงน้ำท่วมและเส้นทางเลี่ยง
  • ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง

3. แอป Thai Disaster Alert แจ้งเตือนภัยพิบัติจากภาครัฐ

สำหรับแอป Thai Disaster Alert พัฒนาโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นแอปที่ออกแบบมาเพื่อแจ้งเตือนภัยพิบัติในประเทศไทย ไม่ใช่แค่น้ำท่วมเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงไฟป่า แผ่นดินไหว และภัยอื่น ๆ ฟีเจอร์หลักของแอปนี้ประกอบด้วย

  • แจ้งเตือนน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ ตามพื้นที่ที่ตั้งไว้
  • แสดงแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมข้อมูลความปลอดภัย
  • แจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านการแจ้งเตือนบนสมาร์ทโฟน
  • ดูสถานการณ์น้ำท่วมและภัยพิบัติต่าง ๆ ได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทย

4. BKK Flood Monitoring ติดตามน้ำท่วมกรุงเทพฯ อย่างละเอียด

หากคุณอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ หรือต้องเดินทางผ่านกรุงเทพฯ บ่อย ๆ แนะนำให้ใช้เว็บไซต์ BKK Flood Monitoring ของสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เพราะเว็บไซต์นี้ออกแบบมาเพื่อรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ จุดเด่นที่ใช้งานได้จริง ได้แก่

  • แสดงแผนที่พื้นที่น้ำท่วมขังในกรุงเทพฯ แบบเรียลไทม์
  • แจ้งจุดเสี่ยง จุดที่มีน้ำท่วมสูง และการปิดถนน
  • ดูข้อมูลกล้อง CCTV ตามถนนเส้นต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบสภาพน้ำท่วมได้ทันที
  • อัปเดตข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำแบบต่อเนื่อง

5. TMD Weather Forecast พยากรณ์อากาศและสถานการณ์น้ำท่วมจากกรมอุตุฯ

แอปและเว็บไซต์ TMD Weather Forecast เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นช่องทางที่ให้ข้อมูลพยากรณ์อากาศและแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำท่วมจากกรมอุตุนิยมวิทยา ฟังก์ชันหลักที่น่าสนใจมีดังนี้

  • แจ้งเตือนฝนตกหนัก พายุ และน้ำท่วมขัง ตามพื้นที่ต่าง ๆ
  • พยากรณ์อากาศแบบรายชั่วโมงและรายวัน
  • แสดงข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วมจากกรมอุตุฯ อย่างชัดเจน
  • อัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศและภัยพิบัติอย่างรวดเร็ว

ใช้งานแอปหรือเว็บไซต์เหล่านี้ร่วมกับ เช็คน้ำท่วม Google Maps จะช่วยให้คุณเช็กสถานการณ์น้ำท่วมได้ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้น

Google Flood Hub อีกหนึ่งตัวช่วยเช็กน้ำท่วมล่วงหน้า

นอกจาก เช็คน้ำท่วม Google Maps แล้ว ยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่น่าสนใจนั่นก็คือ Google Flood Hub ฟังชื่ออาจจะยังไม่คุ้นกันมากนัก แต่บอกเลยว่าตัวนี้เป็นเครื่องมือสุดล้ำที่ช่วยพยากรณ์น้ำท่วมได้แม่นยำสุด ๆ

Google Flood Hub คืออะไร

Google Flood Hub คือแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย Google เพื่อใช้ ติดตามและคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วม ล่วงหน้า โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ขั้นสูง วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสภาพอากาศ ระดับน้ำ และปัจจัยภูมิศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลน้ำท่วมที่แม่นยำและอัปเดตตลอดเวลา จุดประสงค์หลักคือช่วยให้ผู้คนเตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมได้ดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่เกิดน้ำท่วมบ่อย

Google Flood Hub ทำงานยังไง

Google Flood Hub ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในการประมวลผลข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น:

  • ข้อมูลสภาพอากาศ จากดาวเทียมและหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาทั่วโลก
  • ข้อมูลระดับน้ำในแม่น้ำ และแหล่งน้ำที่สำคัญ
  • ข้อมูลภูมิศาสตร์ของพื้นที่ เช่น ความลาดเอียงของพื้นที่และความหนาแน่นของสิ่งปลูกสร้าง

ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อสร้าง แผนที่พยากรณ์น้ำท่วม ที่จะแสดงพื้นที่เสี่ยงและระดับน้ำล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยจะแสดงผ่านหน้าเว็บ Google Flood Hub ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย พร้อมทั้งแจ้งเตือนสถานการณ์ให้ผู้คนในพื้นที่นั้น ๆ รับทราบล่วงหน้า 

จุดเด่นของ Google Flood Hub

  1. พยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้าได้แม่นยำ Google Flood Hub สามารถคาดการณ์สถานการณ์น้ำท่วมได้ล่วงหน้า ตั้งแต่ 1-7 วัน โดยแสดงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงอย่างละเอียดและแม่นยำ เพื่อให้ประชาชนมีเวลาเตรียมตัวรับมือ
  2. ใช้งานง่ายผ่านแผนที่ออนไลน์ ข้อมูลจะแสดงผ่านแผนที่แบบเรียลไทม์ พร้อมกับไฮไลต์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยใช้สีและไอคอนที่เข้าใจง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทุกวัย
  3. ข้อมูลจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ Google ทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรนานาชาติ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีความแม่นยำสูง มาวิเคราะห์และแสดงผลแบบเข้าใจง่าย
  4. เข้าถึงได้ฟรี Google Flood Hub เปิดให้ใช้งานได้ฟรีผ่านเว็บไซต์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใด ๆ แค่มีอินเทอร์เน็ตก็ใช้งานได้ทันที

วิธีใช้งาน Google Flood Hub

  1. เปิดเว็บเบราว์เซอร์และไปที่เว็บไซต์ Google Flood Hub
  2. พิมพ์ชื่อพื้นที่หรือภูมิภาคที่ต้องการตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วม
  3. แผนที่จะปรากฏข้อมูลพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยไฮไลต์เป็นสีที่ต่างกันตามระดับความรุนแรงของน้ำท่วม
  4. ตรวจสอบข้อมูลการพยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้า และวางแผนเตรียมตัวให้พร้อม

Google Flood Hub ยังมีฟีเจอร์ แชร์ข้อมูล ให้กับผู้อื่น เช่น คนในครอบครัว หรือเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อช่วยกันเตรียมความพร้อมได้แบบทันเวลา

ความแตกต่างระหว่างGoogle Flood Hub กับเช็คน้ำท่วม Google Maps

หลายคนอาจสงสัยว่า Google Flood Hub แตกต่างจาก Google Maps อย่างไร เพราะทั้งสองตัวดูเหมือนจะทำหน้าที่คล้ายกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความต่างกันชัดเจนดังนี้:

  • Google Flood Hub เน้นพยากรณ์น้ำท่วมล่วงหน้า และแสดงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมแบบเจาะลึก พร้อมการวิเคราะห์จาก AI
  • Google Maps ใช้สำหรับการนำทางและแจ้งเตือนน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในปัจจุบันเท่านั้น

ทั้งสองเครื่องมือสามารถใช้งานร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและครอบคลุมการวางแผนการเดินทางและรับมือกับน้ำท่วม

Thai flood
source: https://www.flickr.com/photos/water_alternatives/45824817311

วิธีเพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์น้ำท่วม

นอกจากเช็คน้ำท่วม Google Maps  แล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนที่ต้องเดินทางผ่านพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้

ติดตามข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้

  • เปิด Google Maps และแอปพลิเคชันแจ้งเตือนภัยพิบัติ เช่น “Thai Disaster Alert” ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียของหน่วยงานรัฐ เช่น กรมชลประทาน กรมทางหลวง และสำนักการระบายน้ำในพื้นที่
  • เช็กระดับน้ำผ่านแผนที่ออนไลน์ เช่น “Water Map” ที่แสดงสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ทั่วประเทศ

เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง

  • ตรวจสอบเส้นเช็คน้ำท่วมใน Google Maps ล่วงหน้า และแอปอื่นที่มีการแจ้งเตือนเส้นทางปิด
  • พกอุปกรณ์ฉุกเฉินที่จำเป็นติดรถไว้เสมอ เช่น ชุดปฐมพยาบาล ไฟฉาย ถุงกันน้ำสำหรับใส่อุปกรณ์สำคัญ และเสื้อชูชีพสำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูง
  • เตรียมน้ำดื่มและอาหารแห้งเผื่อไว้ในกรณีที่ติดอยู่ในรถนานกว่าปกติ
  • ตรวจเช็กรถให้พร้อมใช้งาน เช่น แบตเตอรี่ ระบบไฟ และตรวจดูระดับน้ำมันเชื้อเพลิงให้เต็มอยู่เสมอ

ระวังการขับรถผ่านพื้นที่น้ำท่วม

  • หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านน้ำที่มีความลึกเกินกว่า 15-20 เซนติเมตร เพราะอาจทำให้รถดับกลางทาง โดยเฉพาะรถที่ไม่ใช่รถยกสูง
  • หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ขับด้วยความเร็วต่ำและใช้เกียร์ต่ำ (เช่น เกียร์ 1 หรือ L) เพื่อป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์
  • หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน เพราะน้ำที่กระเด็นเข้าล้ออาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ง่าย
  • ถ้ารถดับกลางน้ำ ห้ามสตาร์ทเครื่องใหม่ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ทันที ให้รีบโทรหาหน่วยงานกู้ภัยหรือประกันรถยนต์ที่คุ้มครองเหตุการณ์น้ำท่วม

หากเจอสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น รถเสียจากน้ำท่วม การมี ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะช่วยให้คุณอุ่นใจได้มากขึ้น สำหรับมือใหม่ การเลือกประกันรถยนต์สำหรับปัญหารถน้ำท่วมอาจจะยากเกินไปเพราะภาษาที่ยุ่งยาก ซึ่งที่ insurverse คือแพลทฟอร์มประกันออนไลน์ที่พร้อมแก้ไขปัญหานี้

ด้วยประกันภัยรถยนต์แบบ DIY ที่สามารถปรับแต่งได้เองไม่ต้องซื้อแบบแพ็คเกจซึ่งอาจจะได้ความคุ้มครองที่ไม่ต้องการทำให้เปลืองเบี้ยประกันโดยไม่จำเป็น แถมยังใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ปิดบังเงื่อนไขซับซ้อน ให้ลูกค้าที่ยังไม่เคยซื้อประกัน ก็ซื้อประกันสำหรับรถน้ำท่วมจากเราได้ไม่ต้องกังวลปัญหาตามมาภายหลัง

Thai flood
source: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Thailand_Thai_floods_%286306491142%29.jpg

สรุป

น้ำท่วมเมื่อไหร่ไม่ต้องนั่งลุ้นให้เหนื่อย เพราะการ เช็คน้ำท่วม Google Maps  ช่วยให้คุณเช็กสถานการณ์น้ำท่วมได้แบบเรียลไทม์ ดูได้ทั้งเส้นทางที่ปิด ข่าวสาร และข้อมูลความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ใช้งานง่าย แค่เปิดแอปก็รู้ว่าควรไปเส้นทางไหน ไม่ต้องเจอน้ำท่วมให้เสียเวลาอีกต่อไป

นอกจากเช็กข้อมูลแล้ว อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมทุกครั้งที่ต้องออกเดินทางในช่วงหน้าฝน และเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าจาก insurverse เพราะไม่ว่าจะน้ำท่วมหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร ก็พร้อมคุ้มครองให้คุณอุ่นใจทุกเส้นทางด้วยประกันรถยนต์ที่คุณปรับแต่งเอง

คำถามที่พบบ่อย

ในกูเกิลแมปดูน้ําท่วมได้ไหม?

ดูได้ Google Maps จะแสดงข้อมูลแจ้งเตือนน้ำท่วมเป็นสัญลักษณ์เส้นทางปิดหรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งข้อมูลมาจากหน่วยงานในพื้นที่และแสดงแบบเรียลไทม์บนแผนที่

เช็คเส้นทางน้ำท่วมได้ที่ไหน?

นอกจาก Google Maps ยังสามารถเช็กได้ผ่านแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ เช่น ThaiWater.net, Water Map, BKK Flood Monitoring และ Thai Disaster Alert ซึ่งให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์

Google Flood Hub คืออะไร?

Google Flood Hub เป็นแพลตฟอร์มของ Google ที่ใช้ AI วิเคราะห์และพยากรณ์สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมบ่อย ช่วยให้หน่วยงานและประชาชนวางแผนรับมือน้ำท่วมได้ดีขึ้น

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย