vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ควรรู้ เลือกใช้บัตรอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ควรรู้ เลือกใช้บัตรอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

schedule
share

การมีบัตรเครดิตไม่ได้แปลว่าคุณสามารถรูดซื้อสินค้าได้ฟรี ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตคือค่าใช้จ่ายที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินเรียกเก็บจากผู้ถือบัตรเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ที่บัตรนั้น ๆ มอบให้ เช่น คะแนนสะสม การคืนเงินสด ส่วนลดพิเศษ หรือบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกต่าง ๆ โดยค่าธรรมเนียมที่เก็บจะขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรเครดิตและสิทธิประโยชน์ที่บัตรนั้นมีให้

สำหรับบัตรเครดิตบางประเภท เช่น บัตรสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือบัตรที่ออกแบบมาเพื่อนักศึกษา อาจไม่มีค่าธรรมเนียมรายปีหรือค่าธรรมเนียมแรกเข้า แต่สำหรับบัตรที่มอบสิทธิประโยชน์ระดับพรีเมียม เช่น การสะสมไมล์ การใช้ห้องรับรองพิเศษในสนามบิน หรือการคืนเงินจากการใช้จ่าย มักจะมีค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น

เมื่อคุณเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ เช่น ใช้เพื่อการเดินทาง บัตรที่สะสมแต้มไมล์หรือคืนเงินจากการเติมน้ำมันอาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่คุณรู้ไหมว่านอกจากบัตรเครดิตแล้ว การเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ครอบคลุมความคุ้มครองและยืดหยุ่นอย่าง insurverse ก็ช่วยตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันของคุณได้เหมือนกัน ด้วยการปรับแผนคุ้มครองเองได้ ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินความจำเป็น เหมาะสำหรับเจ้าของรถที่ต้องการแผนความคุ้มครองเฉพาะตัว

ประเภทของค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต 

บัตรเครดิตไม่ได้มีแค่ค่าธรรมเนียมรายปีที่คุณคุ้นเคย แต่ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่อาจไม่ทันได้คิดถึง ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  • ค่าธรรมเนียมรายปี
    นี่คือค่าธรรมเนียมที่ผู้ถือบัตรต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์จากบัตร เช่น คะแนนสะสม ส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรแต่ละใบแตกต่างกัน ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาทสำหรับบัตรระดับไฮเอนด์ เช่น บัตร Amex Platinum
  • ค่าธรรมเนียมแรกเข้า
    ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อคุณสมัครบัตรเครดิตครั้งแรก คล้ายกับการเปิดใช้งานบัตร ค่าธรรมเนียมนี้อาจมีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคาร
  • ค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายต่างประเทศ
    หากคุณมีแผนเดินทางไปต่างประเทศและต้องการใช้บัตรเครดิต ต้องเตรียมเผชิญค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินที่มักอยู่ที่ 2-2.5% ของยอดการใช้จ่าย รวมถึงบางครั้งอาจมีค่าบริการพิเศษเพิ่มเติมจากร้านค้าที่คุณรูดซื้อสินค้า
  • ค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดล่วงหน้า
    หากคุณใช้บัตรเครดิตกดเงินสดจากตู้ ATM จะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทันทีโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่กด ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 3% และจะมีดอกเบี้ยสะสมเพิ่มเข้ามาทันที
  • ค่าธรรมเนียมล่าช้า
    หากคุณไม่ได้ชำระเงินขั้นต่ำตามกำหนดเวลา ธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนี้ทันที โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่ยังไม่ได้ชำระ

ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ส่งผลต่อการเลือกบัตรอย่างไร?

ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ควรคำนึงถึงก่อนสมัครบัตร เพราะบัตรเครดิตที่มีค่าธรรมเนียมสูงมักจะมาพร้อมสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า เช่น คะแนนสะสมสองเท่า ไมล์สะสมที่แลกเที่ยวบินได้เร็วขึ้น หรือบริการพิเศษที่เหนือกว่าบัตรทั่วไป หากคุณเป็นคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเป็นประจำและใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ค่าธรรมเนียมที่จ่ายไปอาจคุ้มค่า แต่หากคุณไม่ได้ใช้บัตรบ่อยหรือไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษที่บัตรมอบให้ การจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีอาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ควรรู้

  • กรุงเทพ: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 0 – 700 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 700 – 8,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-21%
  • กสิกรไทย: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 0 – 1,000 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 500 – 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-24%
  • กรุงไทย: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 200 – 1,500 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 200 – 1,500 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-20%
  • ทหารไทยธนชาต: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 0 – 3,500 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 0 – 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-26%
  • ไทยพาณิชย์: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 300 – 2,500 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 800 – 2,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-25%
  • กรุงศรีอยุธยา: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 100 – 1,000 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 500 – 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-20%
  • ยูโอบี: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 500 – 1,500 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 – 5,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-25%
  • ซีไอเอ็มบีไทย: ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 500 – 2,000 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 – 3,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15-25%

วิธีหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็น

  1. เลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
    หากคุณไม่ได้ต้องการสิทธิพิเศษมากมาย บัตรเครดิตบางประเภทไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เช่น บัตรเครดิตสำหรับนักศึกษา หรือบัตรที่มีเงื่อนไขการใช้งานตามยอดเงินขั้นต่ำในแต่ละปี
  2. ใช้บัตรให้ตรงกับไลฟ์สไตล์
    เลือกบัตรที่มีสิทธิประโยชน์ตรงกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของคุณ เช่น บัตรที่ให้คะแนนสะสมสำหรับคนที่ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือบัตรที่คืนเงินสดสำหรับคนที่ชอบซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต
  3. ตรวจสอบค่าธรรมเนียมแอบแฝง
    อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดล่วงหน้า หรือค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน หากคุณไม่เคยใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ อาจเลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมในส่วนนี้
  4. เจรจาขอเวฟค่าธรรมเนียม
    หากคุณใช้บัตรเครดิตเป็นประจำและมีประวัติการชำระเงินที่ดี บางครั้งธนาคารอาจอนุโลมเวฟค่าธรรมเนียมรายปีให้เป็นกรณีพิเศษ คุณสามารถติดต่อธนาคารเพื่อขอสิทธิ์นี้ได้

ทำไมบัตรบางใบมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า? 

บัตรเครดิตที่มีค่าธรรมเนียมสูงมักถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการสิทธิพิเศษในระดับพรีเมียม เช่น การเข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน การสะสมคะแนนที่รวดเร็วกว่า หรือส่วนลดในการจองโรงแรมและร้านอาหารระดับหรู บัตรเหล่านี้เหมาะกับคนที่มีรายได้สูงและต้องการใช้สิทธิประโยชน์แบบจัดเต็ม เช่น บัตรเครดิตสำหรับนักธุรกิจที่เดินทางบ่อย หรือบัตรสำหรับนักสะสมไมล์

ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายต่างประเทศ 

หากคุณวางแผนเดินทางไปต่างประเทศหรือซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ธนาคารมักเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในอัตราประมาณ 2-2.5% ของยอดธุรกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรพิจารณาเมื่อเลือกบัตรเครดิตสำหรับการใช้งานในต่างประเทศ

ค่าธรรมเนียมการใช้บัตรเครดิตในการรูดใช้ต่างประเทศที่ควรรู้

  • กรุงเทพ: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม หรือสูงสุด 300 บาท
  • กสิกรไทย: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม หรือสูงสุด 300 บาท
  • กรุงไทย: ค่าธรรมเนียม 2% ของยอดธุรกรรม หรือสูงสุด 250 บาท
  • ทหารไทยธนชาต: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม
  • ไทยพาณิชย์: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม
  • กรุงศรีอยุธยา: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม หรือสูงสุด 300 บาท
  • ยูโอบี: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม
  • ซีไอเอ็มบีไทย: ค่าธรรมเนียม 2.5% ของยอดธุรกรรม

9 ปัจจัยในการเลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณ

1. วัตถุประสงค์ในการใช้งาน

สิ่งแรกที่ต้องคิดคือ บัตรเครดิตใบนี้จะถูกใช้ไปเพื่ออะไร ถ้าคุณเป็นสายช้อปปิ้งออนไลน์ บัตรที่มีโปรโมชันร่วมกับแพลตฟอร์มอย่าง Shopee หรือ Lazada อาจเหมาะสม แต่ถ้าคุณต้องเดินทางบ่อย อาจเลือกบัตรเครดิตที่สะสมไมล์ได้เร็ว หรือให้สิทธิ์พิเศษในการเข้าเลานจ์สนามบิน สำหรับสายขับรถ การเลือกบัตรที่คืนเงินค่าน้ำมันอาจตอบโจทย์มากกว่า การเข้าใจไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เลือกบัตรได้เหมาะที่สุด

2. ค่าธรรมเนียมรายปีและแรกเข้า

หลายคนมองข้ามค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต แต่ความจริงคือค่าธรรมเนียมรายปีมีผลอย่างมากต่อความคุ้มค่า บัตรที่มีค่าธรรมเนียมสูงมักมาพร้อมสิทธิพิเศษ เช่น การคืนเงิน การสะสมแต้ม หรือสิทธิ์เข้าใช้บริการพิเศษต่าง ๆ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้บัตรเครดิตไม่บ่อย การเลือกบัตรที่ไม่มีค่าธรรมเนียมหรือสามารถขอยกเว้นค่าธรรมเนียมได้จะเหมาะสมกว่า ตรวจสอบให้ดีว่าบัตรเครดิตใบไหนที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

3. อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระเงิน

อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในไทยอยู่ระหว่าง 15-25% ต่อปี แต่สิ่งที่คุณต้องรู้ไม่ใช่แค่ตัวเลขนี้ การอ่านเงื่อนไขดอกเบี้ย เช่น ช่วงปลอดดอกเบี้ย (Interest-Free Period) หรือค่าปรับกรณีจ่ายล่าช้าเป็นสิ่งที่ห้ามมองข้าม สำหรับคนที่ตั้งใจจ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน ดอกเบี้ยอาจไม่มีผล แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ผ่อนชำระ การเลือกบัตรที่มีดอกเบี้ยต่ำจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

4. สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์

สิทธิประโยชน์คือจุดที่ทำให้บัตรเครดิตน่าสนใจ บัตรบางใบมีการสะสมแต้มที่แลกของได้ บางใบคืนเงินสด บางใบสะสมไมล์ได้เร็ว สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกสิทธิประโยชน์ที่ตรงกับการใช้จ่ายของคุณ เช่น ถ้าคุณชอบท่องเที่ยว บัตรที่ให้ส่วนลดโรงแรมและสะสมไมล์ได้คือคำตอบ แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบรับเงินคืน บัตรเครดิตที่เน้น Cashback จะเหมาะกว่า

5. วงเงินที่เหมาะสมกับรายได้

วงเงินของบัตรเครดิตส่วนใหญ่จะกำหนดตามรายได้ของผู้สมัคร โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 2-5 เท่าของรายได้ต่อเดือน แต่คุณไม่จำเป็นต้องเลือกบัตรที่มีวงเงินสูงสุดเสมอไป เพราะวงเงินที่สูงอาจนำไปสู่การใช้จ่ายเกินตัว การเลือกวงเงินที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายและความสามารถในการชำระคืนเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า

เหมือนกับการเลือกบัตรเครดิตที่วงเงินต้องเหมาะสมกับรายได้ การเลือกประกันภัยรถยนต์ จากinsurverse ก็ช่วยลดภาระการเงินได้ด้วยการเสนอเบี้ยประกันที่ปรับแต่งได้เอง คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่จ่ายเงินเกินความจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายในระยะยาว

6. ความยืดหยุ่นในการผ่อนชำระ

บัตรเครดิตบางใบมีเงื่อนไขการผ่อนชำระขั้นต่ำที่น่าสนใจ เช่น การผ่อน 0% สำหรับการซื้อสินค้าบางประเภท หรือการผ่อนขั้นต่ำที่ต่ำกว่า 10% ของยอดค้างชำระ การเลือกบัตรที่มีโปรโมชันผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นช่วยให้คุณจัดการการเงินได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการใช้บัตรเพื่อผ่อนสินค้า

7. ค่าธรรมเนียมการใช้งานในต่างประเทศ

สำหรับคนที่เดินทางไปต่างประเทศบ่อย ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินเป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบ ค่าธรรมเนียมนี้มักอยู่ที่ประมาณ 2.5% ของยอดธุรกรรม ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย หากคุณมีแพลนใช้งานบัตรเครดิตในต่างประเทศ ควรเลือกบัตรที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ หรือบัตรที่มีโปรโมชันเฉพาะสำหรับการใช้งานข้ามประเทศ

8. เงื่อนไขการสมัคร

บัตรเครดิตแต่ละใบมีเงื่อนไขการสมัครที่แตกต่างกัน เช่น รายได้ขั้นต่ำต่อเดือน บางใบเริ่มต้นที่ 15,000 บาท ในขณะที่บางใบต้องการรายได้สูงถึง 50,000 บาท ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขของบัตรที่จะสมัคร เพื่อป้องกันการเสียเวลาและลดความยุ่งยาก

9. ความน่าเชื่อถือของธนาคารผู้ออกบัตร

ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ออกบัตรเครดิตมีผลต่อการให้บริการ เช่น ความรวดเร็วในการอนุมัติ การจัดการปัญหา หรือการตอบคำถามผ่านช่องทางต่าง ๆ เลือกบัตรเครดิตจากธนาคารที่มีชื่อเสียงและมีบริการหลังการขายที่ดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

การเลือกใช้บัตรเครดิตอย่างคุ้มค่าไม่ใช่แค่การดูสิทธิประโยชน์ที่บัตรมอบให้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริหารค่าใช้จ่ายและการเข้าใจค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มค่าสูงสุดจากการใช้งานบัตรเครดิตในทุกสถานการณ์

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต

1. ค่าธรรมเนียมรายปีของบัตรเครดิตจำเป็นต้องจ่ายหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรเครดิตที่คุณเลือก หากเป็นบัตรเครดิตระดับพรีเมียมที่มอบสิทธิพิเศษมาก เช่น การสะสมไมล์หรือการเข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน คุณอาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี อย่างไรก็ตาม บัตรเครดิตบางประเภท เช่น บัตรนักศึกษา หรือบัตรที่มีเงื่อนไขการใช้จ่ายตามยอดขั้นต่ำ อาจไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี

2. ทำไมการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศถึงมีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงิน?
การใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศมีค่าธรรมเนียมแปลงสกุลเงินเพราะธนาคารต้องรับมือกับความเสี่ยงที่ค่าเงินผันผวนระหว่างวันที่รูดซื้อและวันที่ชำระเงิน ค่าธรรมเนียมนี้มักอยู่ที่ 2-2.5% ของยอดการใช้จ่าย

3. หากลืมจ่ายค่าธรรมเนียมรายปี จะส่งผลเสียอย่างไรบ้าง?
การลืมจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีจะทำให้คุณโดนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่าช้าและดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งอาจกระทบต่อประวัติการชำระเงินของคุณ หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาจส่งผลให้เครดิตสกอร์ของคุณลดลง

4. สามารถขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้หรือไม่?
ในบางกรณี คุณสามารถเจรจากับธนาคารเพื่อขอยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีได้ โดยเฉพาะหากคุณมีประวัติการใช้จ่ายดีหรือมียอดใช้บัตรเครดิตสูงในแต่ละปี ธนาคารบางแห่งอาจยินดีเวฟค่าธรรมเนียมเป็นกรณีพิเศษ

5. ค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดล่วงหน้าสูงแค่ไหน และควรหลีกเลี่ยงหรือไม่?
ค่าธรรมเนียมการเบิกเงินสดล่วงหน้ามักอยู่ที่ 3% ของยอดเงินที่กดออกมา และธนาคารจะเริ่มคิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่กดเงิน การใช้ฟีเจอร์นี้ควรเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมักสูงกว่าการรูดบัตรซื้อสินค้าโดยตรง

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย