vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ยาสามัญประจําบ้านที่ควรมีติดไว้ พร้อมประโยชน์และวิธีใช้

ยาสามัญประจําบ้านที่ควรมีติดไว้ พร้อมประโยชน์และวิธีใช้

schedule
share

การมียาสามัญประจำบ้านติดไว้ในบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจะมาเยือนเมื่อไหร่ เช่น อาการปวดหัว ท้องอืด หรือแผลถลอกที่ต้องการการดูแลทันที ยาสามัญประจำบ้านเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดการอาการเบื้องต้นได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อในเวลาฉุกเฉิน และยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการลุกลามที่อาจเกิดขึ้นได้

การจัดเก็บยาสามัญในบ้านให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพต้องเลือกสถานที่ที่ห่างจากความร้อนและความชื้น เช่น ห้องที่มีระบบระบายอากาศดี แต่ถ้าคุณกังวลว่าปัญหาไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ อาจส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินหรือของใช้ในบ้าน รวมถึงยาสำคัญ อย่าลืม เช็ก เบี้ยประกันบ้านและคอนโด จาก insurverse ช่วยเพิ่มความอุ่นใจ เพราะครอบคลุมความเสียหายต่อทรัพย์สินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างคุ้มค่า

ยาแก้ปวดและลดไข้ (Paracetamol)

ยาแก้ปวดและลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดฟัน หรืออาการปวดประจำเดือน รวมถึงลดไข้ในกรณีที่มีไข้สูง วิธีใช้คือรับประทานตามปริมาณที่ระบุในฉลากยา หากเป็นผู้ใหญ่ทั่วไป มักใช้ในขนาด 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด ห่างกันทุก 4-6 ชั่วโมง และไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน

ยาแก้แพ้และลดน้ำมูก (Chlorpheniramine)

ยาแก้แพ้หรือคลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine) เป็นยาที่ช่วยลดอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น จาม น้ำมูกไหล หรือผื่นคันจากการแพ้ ใช้ได้ผลดีกับอาการหวัดที่มีน้ำมูก วิธีใช้สำหรับผู้ใหญ่คือรับประทานครั้งละ 1 เม็ด (ขนาด 4 มิลลิกรัม) ทุก 6 ชั่วโมง อาจทำให้ง่วงนอนได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่หรือทำงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง

ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร (Antacid)

ยาลดกรด เช่น อลูมินา-แมกนีเซีย (Alumina-Magnesia) ใช้บรรเทาอาการกรดไหลย้อนหรือแสบร้อนกลางอก โดยทำหน้าที่ลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร วิธีใช้คือเคี้ยวหรือรับประทานตามคำแนะนำในฉลากยา โดยปกติจะใช้หลังอาหารหรือเมื่อมีอาการ หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้

ยาแก้ท้องเสีย (Loperamide)

ยาแก้ท้องเสีย เช่น โลเพอราไมด์ (Loperamide) ช่วยลดอาการท้องเสียเฉียบพลัน โดยการทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง วิธีใช้คือรับประทานครั้งแรก 2 เม็ด (ขนาด 2 มิลลิกรัมต่อเม็ด) และตามด้วยครั้งละ 1 เม็ดทุกครั้งหลังถ่ายเหลว แต่ไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรพบแพทย์

ยาถ่ายและยาระบาย (Bisacodyl)

ยาถ่ายหรือยาระบาย เช่น บิซาโคดิล (Bisacodyl) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกหรือถ่ายยาก วิธีใช้คือรับประทานก่อนนอน ครั้งละ 1-2 เม็ด (ขนาด 5 มิลลิกรัมต่อเม็ด) หรือใช้แบบเหน็บทวารตามคำแนะนำ หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน ควรปรึกษาแพทย์

ยาแก้คลื่นไส้และอาเจียน (Dimenhydrinate)

ยาแก้คลื่นไส้ เช่น ไดเมนไฮดริเนต (Dimenhydrinate) ใช้ป้องกันและบรรเทาอาการเมารถ เมาเรือ หรือคลื่นไส้จากสาเหตุต่าง ๆ วิธีใช้คือรับประทาน 1 เม็ด (ขนาด 50 มิลลิกรัม) ก่อนเดินทาง 30 นาที และซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมงหากจำเป็น แต่ไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน

ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง (Loratadine)

ยาลอราทาดีน (Loratadine) เป็นยาแก้แพ้ที่ช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล และผื่นคัน โดยไม่ทำให้ง่วง วิธีใช้คือรับประทานวันละ 1 เม็ด (ขนาด 10 มิลลิกรัม) ต่อวัน ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือฉลากยา

ยาฆ่าเชื้อสำหรับแผลสด (Povidone-Iodine)

ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone-Iodine) ใช้สำหรับทำความสะอาดแผลสด แผลถลอก หรือแผลหลังการผ่าตัด วิธีใช้คือใช้สำลีชุบยาทาเบา ๆ บริเวณแผลที่ล้างสะอาดแล้ว หลีกเลี่ยงการใช้ในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจทำให้ระคายเคืองผิวหนัง

ยาหม่องหรือครีมแก้ปวดเมื่อย (Menthol Cream)

ยาหม่องหรือครีมที่มีเมนทอล (Menthol Cream) ใช้บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ เคล็ดขัดยอก หรือแมลงกัดต่อย วิธีใช้คือทาบาง ๆ บริเวณที่มีอาการและนวดเบา ๆ ไม่ควรใช้กับแผลเปิดหรือบริเวณผิวหนังที่บอบบาง

ยาดมหรือยาทาแก้วิงเวียน (Inhaler/Balm)

ยาดมที่มีส่วนผสมของเมนทอล (Menthol Inhaler) และยาทาที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ใช้บรรเทาอาการวิงเวียนหรือคัดจมูกจากหวัด วิธีใช้คือสูดดมเมื่อต้องการ หรือทาบาง ๆ บริเวณขมับและซอกคอ

ยาปฏิชีวนะสำหรับแผลติดเชื้อ (Neomycin Cream)

ยาปฏิชีวนะ เช่น นีโอมัยซินครีม (Neomycin Cream) ใช้รักษาแผลติดเชื้อจากแบคทีเรีย เช่น แผลสดหรือแผลถลอก วิธีใช้คือทาบาง ๆ บริเวณแผลที่สะอาดแล้ว 2-3 ครั้งต่อวัน

ยาลดกรดชนิดน้ำ (Aluminium Hydroxide and Magnesium Hydroxide)

ยาลดกรดชนิดน้ำ เช่น อลูมิเนียมไฮดรอกไซด์และแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Aluminium Hydroxide and Magnesium Hydroxide) ใช้บรรเทาอาการกรดเกิน แสบร้อนกลางอก หรืออาหารไม่ย่อย วิธีใช้คือเขย่าขวดก่อนรับประทาน และใช้ตามคำแนะนำบนฉลากยา

เตรียมยาสามัญประจำบ้านให้ครบถ้วนไม่ใช่แค่การดูแลสุขภาพของคุณเอง แต่ยังเป็นการปกป้องคนในครอบครัวให้ปลอดภัยจากอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ควรเลือกซื้อยาที่มีคุณภาพและใช้อย่างถูกวิธีตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำแนะนำจากเภสัชกร และอย่าลืมเก็บยาในที่ที่เหมาะสม ห่างจากความร้อนและความชื้น เพื่อรักษาประสิทธิภาพของยาให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คุณอาศัยอยู่ในคอนโด การมี ประกันบ้านและคอนโด จาก insurverse จะช่วยให้คุณอุ่นใจว่าทรัพย์สินส่วนตัว รวมถึงยาสามัญที่เก็บไว้ จะได้รับการคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเหตุขัดข้องในระบบของอาคารที่อาจสร้างความเสียหายต่อสิ่งของในห้องพักของคุณ

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาสามัญประจำบ้าน

ควรมียาสามัญประจำบ้านชนิดใดบ้างที่จำเป็นต้องมีติดไว้?

ยาสามัญที่ควรมี เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ (Paracetamol), ยาแก้แพ้ (Chlorpheniramine), ยาลดกรด (Antacid), ยาแก้ท้องเสีย (Loperamide), ยาถ่ายหรือยาระบาย (Bisacodyl) และยาฆ่าเชื้อสำหรับแผลสด (Povidone-Iodine) รวมถึงยาดมและยาทาแก้อาการเคล็ดขัดยอก

ควรเก็บยาสามัญไว้ในที่ใดเพื่อรักษาประสิทธิภาพของยา?

ควรเก็บในที่แห้ง หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น เช่น ตู้ยาที่ปิดสนิทและไม่โดนแสงแดดโดยตรง หลีกเลี่ยงการเก็บยาในห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีความชื้นสูง

สามารถใช้ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง (Loratadine) กับเด็กได้หรือไม่?

ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงสามารถใช้ได้ในเด็กตามปริมาณที่เหมาะสม โดยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาในเด็กเล็กเสมอ

หากยาแก้ปวดลดไข้ (Paracetamol) เก็บไว้นานเกินไปยังใช้ได้หรือไม่?

ยาที่เก็บไว้นานอาจเสื่อมคุณภาพ ควรตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ หากเลยวันหมดอายุไม่ควรนำมาใช้

ควรทำอย่างไรหากใช้ยาแก้ท้องเสีย (Loperamide) แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน?

หากใช้ยาแก้ท้องเสียแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรหยุดยาและรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการอาจเกิดจากสาเหตุที่ต้องการการรักษาเฉพาะทาง

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย