vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ทำความรู้จัก JR Pass

ทำความรู้จัก JR Pass ตัวช่วยการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นให้คุ้มค่ามากที่สุด

schedule
share

แม้รถไฟจะวิ่งไปได้ไกลขนาดไหน สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม แม้เราจะเที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้ง สุดท้ายก็ยังอยากกลับมาเที่ยวซ้ำอีกอยู่ดี ถ้าชอบญี่ปุ่นขนาดนี้ คงต้องทำความรู้จักกับ JR Pass เอาไว้บ้างแล้วล่ะ บัตรที่ทำให้การเที่ยวญี่ปุ่น 2023 สนุกมากยิ่งขึ้น จะเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรดีให้เที่ยวได้ครบทุกจังหวัดแบบไม่มีพลาด ก็ต้องเลือกเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง ที่จะพาเราไปได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นอย่างตรงเวลาแบบคุ้มค่ามากที่สุด ทำให้เราวางแผนการเดินทางได้ง่ายและที่สำคัญปลอดภัยสำหรับนักเดินทางเป็นอย่างมาก

Japanese Officer at train station

JR Pass คืออะไร ทำไมนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถึงชอบใช้

หลายคนอาจจะสงสัยว่า JR Pass ซึ่งมาจากคำว่า Japan Rail Pass คืออะไร ก็คือบัตรโดยสารรถไฟแบบไม่จำกัดเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั่นเอง ด้วยภูมิศาสตร์ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ยาวมาก เหนือจรดใต้ยาวกว่า 3300 กิโลเมตร การขับรถเพื่อเที่ยวญี่ปุ่นนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายสูงแล้ว ยังใช้เวลานานมาก เหนื่อยมาก กว่าจะเก็บที่เที่ยวได้ครบทุกจังหวัด เหล่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงเลือกเดินทางกันด้วยรถไฟความเร็วสูง  สะดวกสบายกว่า แล้วจ่ายบัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายอีกด้วย สามารถเดินทางด้วยรถไฟทุกขบวนภายในประเทศญี่ปุ่นได้เลย

JR Pass ใช้กับการเดินทางประเภทไหนบ้าง

ถ้าเรามีบัตรแล้วสามารถใช้งานได้ทั้งรถไฟแบบธรรมดา (Local) และรถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) หากต้องการเดินทางด้วยรถไฟธรรมดาสามารถขึ้นโดยสารได้เลย แต่ถ้าต้องการขึ้นรถไฟความเร็วสูงจะต้องมีการจองที่นั่งก่อนเข้าไปใช้บริการ เพราะถ้าหากเราไม่ทำการจองเอาไว้ก่อน ที่นั่งรถไฟความเร็วสูงอาจจะเต็ม ทำให้เราพลาดรถไฟเที่ยวนั้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เดินทางรถด่วนพิเศษ (Limited Express), รถด่วน (Express), รถเร็ว (Rapid), เรือเฟอร์รี่ไปเกาะมิยาจิม่า ฮิโรชิม่า (JR Ferry), รถบัสทั้งถิ่นของบริษัท JR (JR Bus) ได้บัตรเดียวสามารถใช้เดินทางกับ JR ได้หลายประเภทมาก

รูปแบบของ JR Pass มีแบบไหนบ้าง

สำหรับแบบของบัตรถ้าแยกตามจำนวนวันที่ใช้ ก็จะมีอยู่ 3 แบบคือ 1.บัตรสำหรับ 7วัน 2. บัตรสำหรับ 14 วัน 3. บัตรสำหรับ 21 วัน jr pass มีกี่แบบถ้าแยกตามที่นั่งโดยสารก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือแบบ Green ที่นั่งสบายกว้างขวางแบบเฟิร์สคลาสและแบบ Ordinary เป็นที่นั่งธรรมดา อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟในรูปแบบไหน เพียงแค่เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถไฟเพียง 2 วัน ก็ใช้บัตรเกินคุ้มแล้ว เพราะราคาค่าเดินทางเกินราคาค่าบัตรไปนั่นเอง

4 วิธีการซื้อ JR Pass ยังไงให้ตรงสไตล์ เราควรเลือกซื้อ jr pass ที่ไหนดี

สิ่งสำคัญในการท่องเที่ยวก็คือการเตรียมความพร้อม ถ้าต้องการเที่ยวญี่ปุ่น 2023 ให้สนุกเดินทางด้วยราคาสุดคุ้มกับบัตรโดยสารรถไฟ JR แล้วละก็จะต้องสั่งซื้อบัตรตั้งแน่เนิ่นๆ ซึ่งมีจุดบริการให้ซื้อดังนี้

1. ซื้อผ่านเว็บไซต์ของ JR ญี่ปุ่น

เราจะต้องสั่งซื้อล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วันก่อนบินไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อรอรับใบ Exchange Order ส่งมาที่บ้าน เมื่อได้รับใบนี้แล้วก็จะสามารถนำไปแลกบัตร JR ตัวจริงได้ที่ญี่ปุ่นภายใน 90 วัน

2. ซื้อกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

วิธีนี้สะดวกมากๆ สำหรับคนไทยสามารถซื้อบัตร jr pass ราคาถูกกว่าและยังได้รับ Exchange Order สำหรับนำไปแลกที่ญี่ปุ่นในทันที

3. ซื้อที่สำนักงานขายตั๋ว JR ในประเทศญี่ปุ่น

หากใครลืมซื้อตั๋วและพบว่าตัวเองอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว สามารถไปซื้อ jr pass ที่ญี่ปุ่นได้ มีจุดขายตั๋วอยู่สถานีรถไฟหลักญี่ปุ่น ตามรายชื่อสถานีดังนี้ได้เลย Sapporo, Sendai, Niigata, Tokyo, Shinjuku, Yokohama, Nagoya, Osaka, Hiroshima, Takamatsu, Hakata, New-Chitose Airport, Narita Airport Terminal 1-3, Haneda Airport International Terminal และ Kansai Airport แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่าการซื้อตั๋วที่เมืองไทยด้วยนะ

4. ซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Klook

วิธีนี้แสนง่ายได้บัตร JR มาเพียงแค่นิ้วสัมผัส อยู่ที่ไหนก็ซื้อได้และยังสามารถใช้โค้ดส่วนลดเพื่อซื้อบัตรได้อีก จึงเป็นวิธีซื้อ jr pass ผ่าน klook ที่ช่วยทำให้เราได้บัตร JR มาในราคาที่ถูกกว่าการซื้อผ่านตัวแทน ถ้าเราสมัครแอปฯ ใหม่เพื่อสั่งซื้อบัตร JR เรายังได้รับเครดิตเงินคืนเข้าแอปฯ Klook อีกด้วย การดำเนินการผ่านแอปฯ ง่ายมากไม่ต้องรอ เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จเราจะได้ E-Ticket exchange Voucher สำหรับนำไปแลกบัตร JR ใบจริงที่ญี่ปุ่นได้เลย แต่ถ้าใครเลือกตั๋วแบบ All Area ต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน เพื่อรับใบ Exchange Order ทางไปรษณีย์ ถึงจะได้ใบที่นำมาแลกบัตร JR ตัวจริง

วิธีไปรับ JR Pass ต้องเตรียมอะไรไปด้วย

ให้นำ Exchange Order เดินทางไปที่สำนักงานขายตั๋ว JR พร้อมกับแสดงพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางของเราด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจเช็กความถูกต้องเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมอบบัตร JR Pass ให้

ข้อควรระวังของ JR Pass

  1. ใบ Exchange Order มีอายุเพียง 90 วันเท่านั้น หากไม่นำมาแลกภายในเวลาที่กำหนด จะทำให้เราไม่สามารถนำไปแลกตั๋วโดยสาร JR ได้
  2. หากซื้อตั๋วผ่านทางเว็บไซต์ของญี่ปุ่นด้วยบัตรเครดิตของใคร ชื่อของผู้ซื้อจะต้องตรงกับชื่อของบัตรเครดิตด้วย
  3. หากชื่อในใบ Exchange Order ไม่ตรงกับ JR pass จะไม่สามารถแลกบัตรได้
  4. ต้องเก็บรักษาใบ Exchange Order ให้ดีอย่าทำหาย เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถแลก JR pass ได้
  5. ใบ Exchange Order ไม่สามารถใช้แทนบัตร JR ได้ จึงไม่สามารถใช้โดยสารรถไฟ JR เที่ยวญี่ปุ่น 2023 ได้
  6. บัตร JR สามารถใช้ขึ้นรถไฟได้ทุกขบวน แต่มีบางขบวนที่ไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้นโปรดตรวจเช็กข้อมูลก่อนทุกครั้ง ถ้าเป็นสถานีรถไฟโทไกโดชินคันเซ็น, รถไฟซันโยชินคันเซ็น และรถไฟคิวชูชินคันเซ็น ขบวน โนโซมิ และ มิซุโฮะ บัตร JR จะไม่สามารถใช้งานได้

ข้อแนะนำการใช้งาน JR Pass

  1. หากใช้บัตร JR ใส่ในช่องตั๋วใด แล้วเจอข้อความว่า “IC เท่านั้น” ตรงประตูทางเข้า แสดงว่าไม่สามารถใช้บัตร JR Pass ผ่านประตูนี้ได้
  2. แนะนำให้เราวางแผนเที่ยวตามเส้นทางโดยสารของ JR pass จะช่วยทำให้เราสามารถประหยัดค่าเดินทางได้เกินว่าครึ่งและยังไม่ต้องเสียเวลาย้ายโรงแรมบ่อยๆ อีกด้วย เป็นเหตุผลที่ทำให้เที่ยวญี่ปุ่น งบไม่เกินกำหนด
  3. สำหรับบัตร JR แบบ Ordinary ก็เพียงพอต่อการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกแล้ว
  4. หากเลือกเที่ยวญี่ปุ่น 2023 ด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าความเร็วสูง (Shinkansen) แนะนำให้จองที่นั่งเอาไว้ก่อนเสมอ จะทำให้เราได้เดินทางตามที่วางแผนเอาไว้อย่างแน่นอน
  5. หากสัมภาระของเรามีขนาดใหญ่เกินกว่ากำหนด จะต้องมีการจองพื้นที่วางสัมภาระล่วงหน้าเอาไว้ด้วย
  6. ควรเลือกซื้อบัตร JR ตามจำนวนวันที่ใช้งานจริงเพื่อประหยัดค่าบัตร
  7. เมื่อแลกใบ Exchange Order ได้แล้ว วันเริ่มต้นของการใช้ JR Pass จะเริ่มนับตั้งแต่วันนั้น
  8. หากจองที่นั่งไว้แล้วแต่เปลี่ยนแผนไม่สามารถเดินทางเที่ยวนั้นได้ เราจะต้องยกเลิกการจองที่นั่งเพื่อมอบสิทธิ์ให้ผู้อื่นต่อไป
Medical Tourism

สรุป

แม้การใช้ JR Pass จะช่วยทำให้เราสามารถควบคุมเรื่องเวลาในการเดินทางได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่คนชอบเที่ยวญี่ปุ่นต้องเจอก็คือไฟลท์บินเกิดความล่าช้า ทำให้การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นผิดแผนไปหมด หรือร่างกายปรับสภาพรับกับอุณหภูมิที่แตกต่างไม่ทัน ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยกะทันหันจนต้องเข้าโรงพยาบาล ในต่างประเทศ การเลือกซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเอาไว้จะทำให้อุ่นใจได้เสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายกรณีรักษาในโรงพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายเพื่อรักษาพยาบาลฉุกเฉินและแม้แต่ในกรณีเคสที่แย่ที่สุดถ้าหากเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง การที่เราเที่ยวโดยไม่มีประกันชีวิตจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ครอบครัวลำบาก เที่ยวได้สนุกสุดเหวี่ยงตามไลฟ์สไตล์ ตรวจสอบแผนประกันการเดินทางต่างประเทศ ราคาที่คุณคู่ควร เพื่อรับความคุ้มครองสูงสุด 3 ล้านบาทได้เลย

 

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)