vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
โดนฟ้องบัตรเครดิต ทำยังไงดี แนวทางแก้ปัญหาและการปรับโครงสร้างหนี้

โดนฟ้องบัตรเครดิต ทำยังไงดี แนวทางแก้ปัญหาและการปรับโครงสร้างหนี้

schedule
share

ในยุคนี้บัตรเครดิตถือเป็นไอเทมคู่ใจของใครหลายคน ช่วยให้การใช้จ่ายสะดวกขึ้น ไม่ต้องพกเงินสด แต่ถ้าบริหารเงินไม่ดีหรือจ่ายไม่ตรงกำหนด บัตรเครดิตอาจกลายเป็นดาบสองคมที่นำไปสู่ปัญหาใหญ่ อย่างการถูกฟ้องร้องทางกฎหมาย ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่ากระบวนการเหล่านี้มีขั้นตอนอย่างไร และควรรับมือแบบไหน บทความนี้จะมาเจาะลึกทุกมุมมองที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการโดนฟ้องบัตรเครดิต

ไม่จ่ายบัตรเครดิต มีผลอะไรบ้าง?

หากคุณไม่ชำระเงินตามกำหนด ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะเริ่มทวงถามหนี้ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การส่งข้อความ SMS การโทรติดตาม หรือการส่งจดหมายแจ้งเตือน โดยผลกระทบที่ตามมาไม่ได้หยุดแค่การทวงถาม แต่ยังมีเรื่องอื่นที่คุณต้องระวัง เช่น

  • ดอกเบี้ยท่วม: การจ่ายล่าช้าหรือจ่ายขั้นต่ำทำให้ดอกเบี้ยสะสมพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
  • เครดิตเสีย: ธนาคารจะรายงานสถานะหนี้ของคุณไปยังเครดิตบูโร ทำให้ประวัติทางการเงินเสีย
  • โอกาสกู้เงินยากขึ้น: หากติดเครดิตบูโรหรือมีประวัติการค้างชำระ โอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อในอนาคตจะลดลง

ยอดหนี้เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง?

ตามกฎหมาย หากคุณค้างชำระเกิน 2,000 บาท และไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ธนาคารสามารถยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกเก็บหนี้ได้ทันที โดยอายุความในกรณีนี้อยู่ที่ 2 ปี นับจากวันที่คุณผิดนัดชำระ แต่ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะไม่รีบฟ้องทันทีหลังครบกำหนด โดยมักจะรอจนคุณค้างชำระเป็นเวลาหลายเดือนและติดต่อไม่ได้ก่อนดำเนินการทางกฎหมาย

โดนฟ้องบัตรเครดิต ทำอย่างไร?

  1. อ่านหมายศาลให้ละเอียด: เมื่อได้รับหมายศาล อย่าเพิ่งตกใจ ให้ตรวจสอบข้อมูลในหมายศาล เช่น หมายเลขคดี รายละเอียดหนี้ และวันนัดพิจารณาคดี
  2. เตรียมตัวตอบหมายศาล: หากรายละเอียดในหมายศาลมีข้อผิดพลาด เช่น จำนวนหนี้ไม่ตรงหรือเกิดจากความเข้าใจผิด คุณสามารถยื่นคำให้การเพื่อต่อสู้คดีได้
  3. เจรจาไกล่เกลี่ย: ส่วนใหญ่แล้ว ศาลจะเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ย หากคุณยินยอมจ่ายหนี้ คุณสามารถตกลงผ่อนชำระกับเจ้าหนี้โดยไม่ต้องมีการพิจารณาคดี
  4. หาทนายความ: ในกรณีที่คุณไม่ใช่ผู้ก่อหนี้หรือมีความซับซ้อนในคดี เช่น บัตรเครดิตถูกขโมย การมีทนายจะช่วยให้คุณได้รับความยุติธรรมมากขึ้น

ไม่ไปศาล มีผลอะไร?

หากคุณไม่ไปศาลตามวันที่ระบุในหมาย ศาลจะดำเนินการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว และพิพากษาให้คุณชำระหนี้ตามคำฟ้องทันที โดยไม่มีโอกาสอธิบายหรือเจรจาใดๆ ดังนั้น แม้ว่าคุณจะไม่มีเงินจ่ายหนี้ในขณะนั้น ควรแสดงตัวและเข้าไปเจรจาเพื่อขอเลื่อนการชำระหรือปรับโครงสร้างหนี้

ขั้นตอนการบังคับคดี

เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว และคุณยังไม่ชำระหนี้ภายใน 30 วัน ธนาคารสามารถบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนได้ โดยขั้นตอนมีดังนี้

  • ยึดทรัพย์สิน: เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ หรือทองคำ หากทรัพย์สินเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณ
  • อายัดเงินเดือน: หากคุณมีเงินเดือนมากกว่า 20,000 บาท ศาลสามารถสั่งอายัดได้ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน แต่ต้องเหลือไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
  • อายัดทรัพย์ในอนาคต: เช่น มรดก เงินโบนัส หรือเงินชดเชย

เมื่อพูดถึงการยึดทรัพย์ เช่น บ้านหรือรถยนต์ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการไม่ชำระหนี้ การมีรถยนต์ที่พร้อมเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.รถยนต์ จะช่วยให้กระบวนการต่อภาษีเป็นไปได้ง่าย แม้ในสถานการณ์ที่การเงินตึงมือ อย่าลืม เช็กเบี้ยพ.ร.บ. รถยนต์ ผ่าน insurverse จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ด้วยราคาที่ถูกสุดหากซื้อออนไลน์

ทรัพย์สินอะไรที่ยึดไม่ได้?

แม้การบังคับคดีจะครอบคลุมหลากหลายด้าน แต่กฎหมายไทยก็มีข้อยกเว้นเพื่อปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกหนี้ โดยทรัพย์สินที่ไม่สามารถยึดได้มีดังนี้:

  1. เงินเดือนข้าราชการ: รายได้ของข้าราชการ เช่น เงินเดือน ค่าตอบแทน หรือเงินประจำตำแหน่ง ถือเป็นรายได้ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่สามารถยึดหรืออายัดได้
  2. เบี้ยเลี้ยงชีพ: เงินที่รัฐจัดสรรให้เพื่อช่วยเหลือบุคคลในกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยผู้พิการ หรือเงินสงเคราะห์อื่นๆ ซึ่งจัดว่าเป็นเงินช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐาน
  3. เงินบำเหน็จบำนาญ: รายได้หลังเกษียณของข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เงินก้อนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้เกษียณมีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิต จึงไม่สามารถถูกยึดได้
  4. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ: เงินสะสมที่พนักงานและนายจ้างร่วมกันสมทบในระหว่างที่พนักงานยังทำงานอยู่ ซึ่งจะได้รับคืนหลังจากลาออก เกษียณ หรือเสียชีวิต เงินก้อนนี้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

ทรัพย์สินเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของกฎหมายในการปกป้องสิทธิและความเป็นอยู่พื้นฐานของลูกหนี้ แม้ว่าลูกหนี้จะถูกบังคับคดี แต่การดำเนินการยึดทรัพย์จะต้องไม่ทำให้ลูกหนี้ตกอยู่ในสภาวะที่ขาดปัจจัยดำรงชีวิตหรือได้รับผลกระทบที่เกินความจำเป็น

คำแนะนำสำหรับการรับมือหนี้บัตรเครดิต

  1. อย่าหนีปัญหา: การเพิกเฉยต่อหมายศาลไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
  2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณไม่มั่นใจในกระบวนการทางกฎหมาย การปรึกษาทนายหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจะช่วยให้คุณรับมือได้อย่างถูกต้อง
  3. ปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย: ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และวางแผนการเงินใหม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

วิธีปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิตให้ได้ผล

  1. เปลี่ยนประเภทหนี้
    รวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบที่ดอกเบี้ยสูงเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยต่ำและระยะเวลาผ่อนแน่นอน ช่วยลดภาระรายเดือนและบริหารหนี้ได้ง่ายขึ้น
  2. แฮร์คัท (Hair Cut)
    เจรจากับเจ้าหนี้เพื่อลดดอกเบี้ยหรือเงินต้น และปิดบัญชีด้วยเงินก้อน เหมาะสำหรับคนที่มีเงินก้อน เช่น โบนัสหรือมรดก
  3. รีไฟแนนซ์
    กู้เงินจากเจ้าหนี้รายใหม่เพื่อปิดหนี้เก่า ลดดอกเบี้ยระยะยาว และจัดการหนี้ให้อยู่ในก้อนเดียว
  4. ขอลดดอกเบี้ย
    เจรจาขอลดดอกเบี้ยชั่วคราว 3-6 เดือน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในช่วงที่เงินตึงมือ
  5. พักชำระเงินต้น
    จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ช่วยลดภาระรายเดือน เหมาะกับคนที่มีปัญหาสภาพคล่องชั่วคราว
  6. ขยายเวลาผ่อน
    ยืดระยะเวลาผ่อนชำระ เช่น จาก 5 ปีเป็น 7-10 ปี ลดค่างวดแต่ละเดือนลง
  7. พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
    หยุดจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยชั่วคราว 3-6 เดือน เหมาะสำหรับคนที่ประสบวิกฤตหนัก เช่น ตกงาน

การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยอาจช่วยให้ลูกหนี้ตั้งหลักทางการเงินได้ แต่สำหรับผู้ที่ยังต้องการใช้งานรถยนต์ประจำวัน การจัดการเอกสารอย่าง พ.ร.บ. ก็สำคัญไม่แพ้กัน insurverse ช่วยให้คุณต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ได้ทันที พร้อมความคุ้มครองเริ่มต้นทันทีที่ซื้อ

สรุป

การโดนฟ้องบัตรเครดิตอาจฟังดูน่ากลัว แต่หากคุณเข้าใจกระบวนการและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง คุณสามารถจัดการปัญหานี้ได้โดยไม่เสียทั้งเวลาและทรัพย์สินสำคัญ การมีวินัยทางการเงินคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหานี้ตั้งแต่ต้น ดังนั้น เริ่มต้นวางแผนการใช้จ่ายและบริหารหนี้ให้เหมาะสมตั้งแต่วันนี้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการโดนฟ้องบัตรเครดิต

ไม่จ่ายบัตรเครดิตจะเกิดอะไรขึ้น?

ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เครดิตเสีย โอกาสกู้เงินในอนาคตลดลง และอาจถูกฟ้องร้องหรือยึดทรัพย์

ยอดหนี้เท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง?

ยอดค้างตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป และขาดชำระเกินกำหนด 2 ปี

ทำอย่างไรเมื่อได้รับหมายศาล?

อ่านรายละเอียด ตรวจสอบความถูกต้อง และเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นศาล

ไม่ไปศาลตามหมายจะเป็นอะไรไหม?

ศาลตัดสินฝ่ายเดียว อาจถูกยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนทันที

วิธีแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตที่ได้ผล?

รีไฟแนนซ์ ขอลดดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามสถานการณ์ของคุณ

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย