vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ขอคืนภาษีง่ายๆ วิธีเช็กสิทธิและขั้นตอนสำหรับปีภาษีล่าสุด

ขอคืนภาษีง่ายๆ วิธีเช็กสิทธิและขั้นตอนสำหรับปีภาษีล่าสุด

schedule
share

เงินคืนภาษี หรือที่รู้จักกันว่า Tax Refund คือเงินส่วนต่างที่คุณเสียภาษีเกินความจำเป็นในรอบปีภาษีนั้น ๆ หากคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจากรายได้มากเกินไป หรือมีสิทธิ์ลดหย่อนที่ยังไม่ได้ใช้อย่างครบถ้วน เงินส่วนนี้สามารถขอคืนจากกรมสรรพากรได้ การรู้จักและเข้าใจกระบวนการขอคืนภาษีจะช่วยให้คุณได้รับสิทธิ์คืนอย่างเต็มจำนวน

เงินคืนภาษีมาจาก 2 แหล่งหลัก ได้แก่

  • เงินหักภาษี ณ ที่จ่าย: หากคุณมีรายได้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เช่น จากเงินเดือน แต่รายได้ทั้งปีของคุณต่ำกว่าที่กำหนด คุณอาจมีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนนี้คืน
  • ค่าลดหย่อนภาษี: เช่น เบี้ยประกันชีวิต ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม หรือค่าลดหย่อนอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด หากคุณมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้ คุณสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเพื่อขอเงินคืนได้

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอคืนภาษี

เอกสารถือเป็นหัวใจสำคัญในการขอคืนภาษี หากขาดแม้แต่ชิ้นเดียว อาจทำให้กระบวนการล่าช้า ดังนั้น เตรียมให้ครบก่อนยื่น เพื่อความรวดเร็วและไม่มีสะดุด

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91)
  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
  • สำเนาสมุดบัญชีธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของคุณ

กรณีมีสิทธิลดหย่อนภาษี ควรเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น

  • ใบเสร็จรับเงินค่าเล่าเรียนบุตร
  • ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตหรือสุขภาพ
  • ใบรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากธนาคาร
  • ใบเสร็จรับเงินการซื้อกองทุน RMF/SSF หรือเงินบริจาค
  • ใบกำกับภาษีจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน”

วิธีการยื่นขอคืนภาษีที่คุณเลือกได้

การยื่นขอคืนภาษีมีหลายวิธี คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความสะดวกของตัวเอง ดังนี้

  1. ยื่นผ่านระบบออนไลน์
    • เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th)
    • เลือก “ยื่นแบบออนไลน์”
    • กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์
    • อัปโหลดเอกสารที่เกี่ยวข้อง
    • ยืนยันการยื่นแบบ
  2. ยื่นด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากร
    • เตรียมเอกสารทั้งหมดให้ครบ
    • นำเอกสารไปยื่นที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ที่คุณอยู่
    • เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและรับคำร้องของคุณ
  3. ยื่นผ่านไปรษณีย์
    • กรอกแบบฟอร์มและแนบเอกสารทั้งหมด
    • ส่งไปยังสำนักงานสรรพากรพื้นที่ของคุณ
  4. ผ่านแอปพลิเคชัน My Tax Account
    • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My Tax Account
    • ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน
    • กรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสาร
    • ส่งแบบผ่านแอปพลิเคชัน

เคล็ดลับในการขอคืนภาษีแบบไม่มีพลาด

  1. เก็บเอกสารให้ครบ อย่ามองข้ามใบเสร็จหรือเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือใบเสร็จค่าเบี้ยประกันชีวิต เก็บไว้ในที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งาน
  2. ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนยื่นแบบฟอร์มใด ๆ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน ทั้งเลขบัตรประชาชน รายได้ และค่าลดหย่อน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจทำให้การขอคืนล่าช้า
  3. ยื่นตรงเวลา การยื่นภาษีให้ตรงเวลาจะช่วยให้คุณได้รับเงินคืนรวดเร็วขึ้น หากยื่นล่าช้า คุณอาจต้องเสียค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มเติม
  4. ใช้สิทธิลดหย่อนให้ครบ ค่าลดหย่อนพื้นฐาน เช่น คู่สมรส บุตร หรือประกันชีวิต อย่าลืมนำมาหักลดหย่อน เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขอคืนเงินภาษี

การตรวจสอบเอกสารและสิทธิลดหย่อนล่วงหน้าช่วยลดปัญหาความเร่งรีบในช่วงใกล้หมดเขต เช่นเดียวกับการซื้อล่วงหน้า 1 ปีจาก insurverse ที่ช่วยให้คุณวางแผนต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ หมดห่วงเรื่องวันหมดอายุและการขาดคุ้มครอง

กรณีพบปัญหาการยื่นภาษี

บางครั้งคุณอาจพบข้อผิดพลาดในการยื่นภาษี ไม่ต้องตกใจ เพราะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • ตรวจสอบความผิดพลาด เช่น ข้อมูลที่กรอกผิดพลาด ลืมแนบเอกสารสำคัญ
  • จัดทำแบบแสดงรายการภาษีใหม่ (ภ.ง.ด.90/91) พร้อมระบุว่าเป็นการแก้ไข
  • นำแบบฟอร์มที่แก้ไขไปยื่นที่สำนักงานสรรพากร หรือส่งผ่านทางออนไลน์
  • หากต้องชำระภาษีเพิ่มเติม อย่าลืมจ่ายให้ครบพร้อมเบี้ยปรับ (ถ้ามี)

การติดตามสถานะการคืนเงิน

หลังจากยื่นคำร้องขอคืนภาษีแล้ว คุณสามารถติดตามสถานะได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางเหล่านี้

  • เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร และเลือกเมนู “ตรวจสอบสถานะการคืนภาษี”
  • กรอกเลขบัตรประชาชนและปีภาษีที่ยื่นแบบ
  • ระบบจะแสดงสถานะว่าคำร้องของคุณอยู่ในขั้นตอนใด
  • หากเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่ได้รับเงินคืน ให้ติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ยื่นคำร้อง

ปัญหาที่อาจทำให้การคืนภาษีล่าช้า

  • เอกสารไม่ครบหรือไม่ชัดเจน: หากเอกสารที่ยื่นไม่ครบถ้วนหรือขาดความชัดเจน อาจทำให้กรมสรรพากรต้องเรียกเอกสารเพิ่มเติม
  • ไม่มีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน: การไม่มีบัญชีพร้อมเพย์จะทำให้การโอนเงินล่าช้า คุณอาจต้องรับเงินผ่านธนาคารหรือเช็คแทน
  • ยื่นภาษีล่าช้า: ช่วงที่ใกล้หมดเขตยื่นภาษีมักมีคำร้องจำนวนมาก ทำให้กระบวนการคืนเงินล่าช้า

ช่องทางการรับเงินคืนภาษี

  • การโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน
  • รับเงินที่ธนาคารกรุงไทยหรือธ.ก.ส. กรณีไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์
  • การรับเงินผ่านเช็คในกรณีที่ไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์หรือไม่มีบัญชีธนาคารในประเทศไทย

สรุป

การขอคืนภาษีไม่ใช่แค่การได้เงินคืน แต่ยังเป็นการบริหารการเงินที่ดีและช่วยเพิ่มสภาพคล่องในชีวิตประจำวันของคุณ อย่าปล่อยให้สิทธิ์นี้หลุดมือ เพราะทุกบาทที่คุณเสียไป ควรได้รับกลับคืนมาอย่างถูกต้อง

และถ้าคุณวางแผนลดหย่อนภาษีด้วยวิธีที่คุ้มค่า เช่น การลงทุนหรือทำประกัน ก็จะช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น อย่าลืม เช็กเบี้ยพ.ร.บ รถยนต์ กับ insurverse ที่ให้คุณซื้อ พ.ร.บ. ออนไลน์ในราคาที่ถูกสุด พร้อมคุ้มครองทันที ช่วยให้คุณประหยัดได้ทั้งเงินและเวลา

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการขอคืนภาษี

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอคืนภาษีมีอะไรบ้าง?

คุณต้องเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาบัตรประชาชน, หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ), สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารเพิ่มเติมสำหรับค่าลดหย่อน เช่น ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต ใบรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ หรือใบกำกับภาษีจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน”

สามารถยื่นขอคืนภาษีได้ผ่านช่องทางใด?

คุณสามารถยื่นได้ทั้ง 4 ช่องทาง ได้แก่ ระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร, ยื่นเอกสารที่สำนักงานสรรพากร, ส่งผ่านไปรษณีย์ และผ่านแอปพลิเคชัน My Tax Account

ทำไมการคืนเงินภาษีถึงล่าช้า?

การคืนภาษีอาจล่าช้าเนื่องจากเอกสารไม่ครบหรือไม่ชัดเจน, ไม่มีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน หรือการยื่นภาษีล่าช้าในช่วงใกล้หมดเขตที่คำร้องเยอะ

สามารถติดตามสถานะการคืนภาษีได้อย่างไร?

คุณสามารถตรวจสอบสถานะได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร โดยกรอกเลขบัตรประชาชนและปีภาษี ระบบจะแสดงสถานะว่าคำร้องอยู่ในขั้นตอนใด

หากกรมสรรพากรคืนเงินภาษีช้ากว่า 3 เดือน ต้องทำอย่างไร?

หากการคืนภาษีใช้เวลานานเกิน 3 เดือน คุณสามารถติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่ยื่นคำร้อง หรือโทรสายด่วนกรมสรรพากร 1161 เพื่อสอบถามสถานะเพิ่มเติม

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย