vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ไปตุรกี ใช้เงินเท่าไหร่

ไปตุรกี ใช้เงินเท่าไหร่? เปิดงบเที่ยวตุรกีแบบไม่บานปลาย

schedule
share

ตุรกีเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คนไทยอยากไปเยือนมากที่สุด เพราะเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลาย อาหารที่อร่อยจนต้องยกนิ้วให้ และประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เหมือนใคร แต่คำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้คือ ไปตุรกีใช้เงินเท่าไหร่?

ในบทความนี้ insurverse จะช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ พร้อมไกด์การวางแผนงบประมาณให้คุ้มที่สุด

turkey flag
source: https://www.needpix.com/photo/1846398/

ค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องเตรียมก่อนบิน

หากคุณสงสัยว่า ไปตุรกีใช้เงินเท่าไหร่ การคำนวณต้องเริ่มต้นจากการวางแผนค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า และค่าที่พัก ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นหัวใจหลักของงบประมาณการเดินทาง

1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ

ราคาตั๋วเครื่องบินไปตุรกีจากไทยอยู่ที่ประมาณ 18,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับสายการบินและช่วงเวลาที่จอง ถ้าอยากได้ราคาถูก ควรวางแผนล่วงหน้าและจับตาดูโปรโมชั่นดี ๆ จากสายการบิน เช่น Turkish Airlines, Emirates หรือ Qatar Airways ซึ่งมักมีดีลพิเศษสำหรับเส้นทางนี้ โดยช่วงที่ตั๋วถูกที่สุดมักเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เช่น เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม

  • เคล็ดลับการจองตั๋ว: ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน และหลีกเลี่ยงการเดินทางช่วงเทศกาลใหญ่หรือวันหยุดยาว
  • เส้นทางแนะนำ: อาจเลือกเส้นทางที่มีการต่อเครื่องเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะการต่อเครื่องที่ดูไบหรือโดฮา

2. ค่าวีซ่าตุรกี

คนไทยที่ถือพาสปอร์ตทั่วไปต้องขอ e-Visa ก่อนเดินทางไปตุรกี ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท โดยสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์รัฐบาลตุรกี การทำ e-Visa ใช้เวลาไม่นาน และเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้:

  • พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
  • รายละเอียดเที่ยวบินไป-กลับ
  • ข้อมูลที่พักระหว่างอยู่ในตุรกี

ขั้นตอนการสมัคร: กรอกข้อมูลในเว็บไซต์ e-Visa รัฐบาลตุรกี อัปโหลดเอกสาร และชำระเงิน จากนั้นจะได้รับ e-Visa ในรูปแบบไฟล์ PDF ทางอีเมล

เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว อย่าลืมทำประกันเดินทางกับ Insurverse ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจระหว่างการเดินทาง หากมีเหตุฉุกเฉินในต่างประเทศ คุณจะได้รับความช่วยเหลือทันที

3. ค่าที่พัก

ที่พักในตุรกีมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่โรงแรมหรูไปจนถึงโฮสเทลราคาประหยัด ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 600-5,000 บาทต่อคืน ขึ้นอยู่กับโลเคชันและประเภทที่พัก เช่น

  • โฮสเทลหรือเกสต์เฮาส์: 600-1,200 บาท เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการประหยัด
  • โรงแรมระดับกลาง: 2,000-3,000 บาท อยู่ในย่านใกล้สถานที่ท่องเที่ยว
  • โรงแรมหรูหรือบูติกโฮเทล: 4,000-5,000 บาท มักมาพร้อมวิวสวยและบริการพิเศษ เช่น ออนเซ็นส่วนตัวหรือวิวทะเล

เคล็ดลับเลือกที่พัก: ควรจองที่พักล่วงหน้าและอ่านรีวิวผู้เข้าพัก เพื่อมั่นใจว่าปลอดภัยและคุ้มค่า

istanbul city
source: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Graffiti_in_Istanbul_city._Turkey_country_16.jpg

ค่าใช้จ่ายระหว่างเที่ยวในตุรกี

เมื่อเดินทางถึงตุรกีแล้ว จะมีค่าใช้จ่ายรายวันที่ต้องเตรียมพร้อม เช่น การเดินทางในประเทศ ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งขึ้นอยู่กับแผนการเดินทางของแต่ละคน

1. การเดินทางในตุรกี

ตุรกีมีระบบขนส่งที่สะดวกและครอบคลุม การเดินทางภายในเมืองและระหว่างเมืองทำได้หลายวิธี ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยมีดังนี้

  • รถไฟใต้ดินหรือรถรางในอิสตันบูล: 20-50 บาทต่อเที่ยว (แนะนำซื้อ Istanbul Card เพื่อประหยัดค่าเดินทาง)
  • รถบัสระหว่างเมือง: เช่น อิสตันบูลไปคัปปาโดเกีย ราคาประมาณ 1,000-1,500 บาท ใช้เวลาเดินทาง 10-12 ชั่วโมง
  • ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ: เช่น อิสตันบูลไปอันตาเลีย ราคาประมาณ 2,500-4,000 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
  • การเช่ารถ: หากเดินทางในกลุ่มหรืออยากเที่ยวแบบอิสระ การเช่ารถมีราคาประมาณ 1,500-2,500 บาทต่อวัน (ไม่รวมค่าน้ำมัน)
  • แท็กซี่: ค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 40 บาท คิดเพิ่มตามระยะทางประมาณ 15-20 บาทต่อกิโลเมตร

2. ค่าอาหารและเครื่องดื่ม

อาหารตุรกีขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอร่อยและราคาย่อมเยา ค่าอาหารเฉลี่ยมีดังนี้

  • อาหารข้างทาง เช่น เคบับหรือพิเด: 50-150 บาท
  • ร้านอาหารทั่วไป: 300-500 บาทต่อมื้อ
  • ร้านอาหารหรูหรือร้านอาหารที่มีวิวสวย: 1,000-2,000 บาทต่อมื้อ
  • ชาหรือกาแฟตุรกี: 30-70 บาทต่อแก้ว
  • น้ำเปล่าหรือน้ำอัดลม: 15-30 บาทต่อขวด

เมนูแนะนำ: ลองทานเมนูท้องถิ่น เช่น ดอนเนอร์เคบับ, เมนีเมน (ไข่ตุ๋นตุรกี) และขนมบัคลาวา

3. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว

ตุรกีมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมากมาย แต่ละที่มักมีค่าเข้าชมแตกต่างกัน เช่น

  • พิพิธภัณฑ์ฮาเกียโซเฟียในอิสตันบูล: 500 บาท
  • ปราสาทปุยฝ้ายที่ปามุกคาเล: 600 บาท
  • ทัวร์บอลลูนลมร้อนที่คัปปาโดเกีย: 8,000-10,000 บาท
  • น้ำพุร้อนแคลเซียมที่ฮีราโปลิส: 300 บาท
  • พระราชวังโดลมาบาห์เช่: 400 บาท
  • การล่องเรือบอสฟอรัส: 700-1,200 บาท
  • หอคอยกาลาตา: 150 บาท
cathedral-istanbul-country-turkey
source: https://www.needpix.com/photo/725608/cathedral-istanbul-country-turkey-free-pictures-free-photos-free-images-royalty-free-free-illustrations

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ควรรู้

  1. ค่าประกันการเดินทาง การทำประกันการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 500-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับความคุ้มครองที่เลือก เช่น ค่ารักษาพยาบาล การยกเลิกเที่ยวบิน หรือการสูญหายของสัมภาระ
  2. ค่าซิมการ์ดหรืออินเทอร์เน็ต การซื้อซิมการ์ดท้องถิ่นช่วยให้ใช้อินเทอร์เน็ตได้สะดวก ค่าใช้จ่ายประมาณ 300-700 บาท สำหรับแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต 5-10 GB
  3. ค่าทิป ในตุรกี การให้ทิปเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ค่าทิปทั่วไปคือ:
    • ร้านอาหาร: 10% ของบิล
    • ไกด์ทัวร์: 100-200 บาทต่อวัน
    • พนักงานโรงแรม: 20-50 บาท

ตัวอย่างงบประมาณเที่ยวตุรกี 7 วันแบบจัดเต็ม

  • ตั๋วเครื่องบินไปกลับ: 20,000 บาท
  • ค่าวีซ่า: 1,800 บาท
  • ค่าที่พัก (โรงแรมระดับกลาง): 2,500 บาท x 6 คืน = 15,000 บาท
  • ค่าเดินทางในประเทศ: 7,000 บาท
  • ค่าอาหาร: 1,000 บาท x 7 วัน = 7,000 บาท
  • ค่าเข้าชมสถานที่: 5,000 บาท
  • ค่าช้อปปิ้งหรือของฝาก: 5,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ประกัน, ทิป, ซิมการ์ด): 2,000 บาท

รวมแล้วจะใช้งบประมาณ ประมาณ 62,800 บาท สำหรับการเที่ยวตุรกี 7 วันแบบจัดเต็ม

ในงบประมาณที่วางไว้ อย่าลืมรวมค่าประกันการเดินทางด้วย ซึ่งคุณสามารถเช็คเบี้ยประกันเดินทางได้ที่ Insurverse เช็คฟรีและรู้เบี้ยประกันได้ภายในไม่ถึง 5 นาที แถมยังได้ประกันที่ตรงใจมากที่สุด ช่วยให้ทริปตุรกีของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น

รวมที่เที่ยวน่าไปในตุรกี เที่ยวได้ครบรส ไม่มีพลาด

ตุรกีเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และหลากหลายสไตล์การท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะชอบธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่การพักผ่อนริมทะเล ตุรกีมีให้ครบทุกอย่าง แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากที่ไหน เราได้รวบรวมที่เที่ยวน่าไปในตุรกีที่คุณไม่ควรพลาด มาเตรียมลิสต์และปักหมุดกันได้เลย

อิสตันบูล เมืองสองทวีปสุดคลาสสิก

เริ่มกันที่อิสตันบูล เมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่บนสองทวีปทั้งเอเชียและยุโรป เมืองนี้มีทั้งประวัติศาสตร์ยาวนานและความทันสมัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่เที่ยวในอิสตันบูลที่ควรไป ได้แก่

  • ฮาเกียโซเฟีย: อดีตโบสถ์และมัสยิดที่ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าทึ่ง
  • สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque): จุดเช็กอินยอดนิยมที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบออตโตมัน
  • ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar): ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอิสตันบูล เต็มไปด้วยของฝากและสินค้าแฮนด์เมด
  • พระราชวังโทเปกาปี (Topkapi Palace): พระราชวังอันงดงามที่เคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิออตโตมัน

คัปปาโดเกีย ดินแดนแห่งภูเขาหินและบอลลูน

ถ้าคุณเคยเห็นรูปบอลลูนลมร้อนลอยอยู่บนท้องฟ้ากับภูมิประเทศสุดแปลกตา นั่นคือคัปปาโดเกีย สถานที่ที่มีทั้งความสวยงามและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

  • ขึ้นบอลลูนลมร้อน: ไฮไลต์ที่ทุกคนต้องทำ ถ่ายรูปวิวภูเขาหินที่ดูเหมือนหลุดมาจากอีกโลก
  • เมืองใต้ดิน (Derinkuyu Underground City): เครือข่ายเมืองใต้ดินที่สร้างขึ้นในยุคโบราณเพื่อหลบภัย
  • พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum): แหล่งรวมโบสถ์และจิตรกรรมฝาผนังอายุหลายร้อยปี
  • หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Castle): จุดชมวิวสูงสุดของคัปปาโดเกียที่คุณจะได้เห็นวิวแบบพาโนรามา

ปามุกคาเล ปราสาทปุยฝ้ายสุดอลังการ

ปามุกคาเล หรือที่คนไทยเรียกกันว่าปราสาทปุยฝ้าย เป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยน้ำพุร้อนสีขาวที่เกิดจากการสะสมของแร่แคลเซียม จุดที่ควรแวะเมื่อไปปามุกคาเล ได้แก่

  • แอ่งน้ำแร่ธรรมชาติ: เดินเล่นสัมผัสความอุ่นของน้ำพุร้อน พร้อมถ่ายรูปในบรรยากาศที่เหมือนอยู่บนก้อนเมฆ
  • เมืองโบราณฮีราโปลิส (Hierapolis): แหล่งโบราณสถานที่ตั้งอยู่ใกล้ปามุกคาเล มีทั้งโรงละครโบราณและถนนโบราณ
  • สระน้ำคลีโอพัตรา (Cleopatra Pool): สระน้ำแร่ที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณบำรุงผิว

อันตาเลีย เมืองริมทะเลที่มีทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติ

อันตาเลียตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อนแบบสบาย ๆ แต่ยังอยากได้ความรู้สึกของการผจญภัย

  • เมืองเก่า Kaleici: เดินเล่นในย่านเมืองเก่า ชมอาคารสไตล์ออตโตมันและร้านค้าเล็ก ๆ
  • น้ำตกดูเดน (Duden Waterfalls): น้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง มีทั้งน้ำตกบนหน้าผาและน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเล
  • หาดลารา (Lara Beach): หาดทรายขาวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมทางน้ำ
  • พิพิธภัณฑ์อันตาเลีย: รวบรวมโบราณวัตถุที่น่าสนใจจากยุคโรมันและออตโตมัน

เอเฟซุส เมืองโบราณแห่งความยิ่งใหญ่

เอเฟซุสเป็นหนึ่งในเมืองโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดในโลก ที่นี่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีต:

  • ห้องสมุดเซลซัส (Library of Celsus): โครงสร้างหินที่ยังคงงดงามแม้ผ่านเวลามานาน
  • โรงละครโบราณ (Great Theatre): โรงละครขนาดใหญ่ที่จุคนได้ถึง 25,000 คน
  • วิหารอาร์เทมิส (Temple of Artemis): หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ แม้จะเหลือเพียงบางส่วนแต่ก็น่าทึ่ง

หุบเขาผีเสื้อ (Butterfly Valley)

สถานที่ที่ธรรมชาติยังคงความบริสุทธิ์ หุบเขาผีเสื้อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์ ตั้งอยู่ใกล้เมืองเฟทิเย่

  • เดินป่าและชมวิวทะเลที่งดงาม
  • ดำน้ำตื้นและสำรวจสัตว์น้ำใต้ทะเล
  • นั่งเรือชมวิวรอบหุบเขาในช่วงพระอาทิตย์ตก

แนะนำอาหารน่ากินในตุรกี ลิ้มรสของอร่อยแบบต้นตำรับ

ตุรกีไม่ใช่แค่ประเทศที่มีที่เที่ยวสวย ๆ แต่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารสุดอร่อยที่ทำให้ใครหลายคนติดใจ ด้วยวัฒนธรรมการกินที่หลากหลาย ผสมผสานอิทธิพลจากตะวันออกกลาง ยุโรป และเอเชีย เมนูอาหารตุรกีจึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หากคุณมีโอกาสไปเยือน เรารวบรวมอาหารที่ต้องลองมาฝาก รับรองว่าอร่อยจนต้องยกนิ้วให้

เคบับ อาหารซิกเนเจอร์ที่ต้องลอง

พูดถึงอาหารตุรกีแล้วจะขาดเคบับไปไม่ได้ เคบับไม่ได้มีแค่เนื้อย่างเสียบไม้แบบที่หลายคนรู้จัก แต่มีหลากหลายรูปแบบที่ควรลอง

  • ดอนเนอร์เคบับ: เนื้อหรือไก่ที่หมุนย่างบนแท่งเหล็ก เสิร์ฟในขนมปังหรือห่อในแผ่นแป้งบาง ๆ ราดซอสสูตรพิเศษ
  • อาดานาเคบับ: เนื้อสับปรุงรสเผ็ด ย่างบนเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและสลัด
  • อิสเกนเดอร์เคบับ: เคบับเนื้อราดซอสมะเขือเทศหอม ๆ เสิร์ฟคู่โยเกิร์ต

ลาฮมัจุน พิซซ่าสไตล์ตุรกี

ลาฮมัจุน หรือที่หลายคนเรียกว่าพิซซ่าตุรกี เป็นแป้งบาง ๆ หน้าเนื้อบดปรุงรสและผักซอย โรยเลมอนเพิ่มความเปรี้ยว เสิร์ฟเป็นแผ่นใหญ่ ให้คุณม้วนทานง่าย ๆ อร่อยในทุกคำ เป็นเมนูที่หาทานได้ง่ายตามร้านอาหารริมทาง

โดลมา ความอร่อยในห่อใบองุ่น

โดลมาเป็นอาหารว่างที่มีชื่อเสียงในตุรกี ทำจากใบองุ่นที่ห่อไส้ข้าวปรุงรสและสมุนไพรต่าง ๆ สามารถใส่เนื้อหรือถั่วเพิ่มได้ หอมกลิ่นเครื่องเทศนุ่มละมุน เป็นเมนูที่นิยมเสิร์ฟคู่กับโยเกิร์ต

เมนีเมน ไข่ตุ๋นตุรกีที่ต้องลอง

เมนีเมนเป็นเมนูอาหารเช้ายอดนิยมของคนตุรกี ทำจากไข่ มะเขือเทศ พริกเขียว และหัวหอม ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมขนมปังตุรกี เป็นมื้อที่เรียบง่ายแต่อร่อยแบบเต็มสิบ

ซุปเมิร์คิเมก ซุปเลนทิลแสนอบอุ่น

ถ้าคุณชอบซุปที่เข้มข้น ซุปเมิร์คิเมกคือเมนูที่ต้องลอง ทำจากถั่วเลนทิลสีแดง มันฝรั่ง แครอท และเครื่องเทศตุรกี เสิร์ฟร้อน ๆ พร้อมเลมอนฝานให้บีบเพิ่มรสชาติ เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นมื้ออาหาร

บัคลาวา ขนมหวานที่ครองใจทุกคน

บัคลาวาเป็นขนมหวานที่ทำจากแป้งฟิโลซ้อนเป็นชั้น ๆ สอดไส้ถั่วพิสตาชิโอบด ราดน้ำเชื่อมหวานหอม นิยมทานคู่กับชาตุรกี เป็นเมนูที่หาทานได้ง่ายตามคาเฟ่และร้านขนมทั่วประเทศ

ไอศกรีมตุรกี ดอนดูร์มา

ไอศกรีมตุรกี หรือที่เรียกว่าดอนดูร์มา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะเหนียวและยืดหยุ่นกว่าปกติ นอกจากรสชาติอร่อย ยังมาพร้อมการแสดงจากคนขายไอศกรีมที่ต้องดึงและยืดไอศกรีมก่อนเสิร์ฟ เป็นประสบการณ์ที่ทั้งสนุกและอร่อย

ชีชโควฟเต เนื้อดิบปรุงรส

ชีชโควฟเตเป็นเมนูเนื้อดิบที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแบบตุรกี คลุกเคล้าจนเนียนเป็นเนื้อเดียว เสิร์ฟพร้อมแผ่นแป้งและสมุนไพรสด นิยมทานคู่เลมอนเพื่อเพิ่มความสดชื่น

ขนมตุรกี โลคุม

โลคุม หรือ Turkish Delight เป็นขนมเจลลี่เคี้ยวหนึบหลากรสชาติ มักโรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง หรืออัลมอนด์บด มีรสชาติและกลิ่นที่หลากหลาย เช่น กุหลาบ มะนาว และพิสตาชิโอ เหมาะสำหรับซื้อกลับไปเป็นของฝาก

ชาตุรกี เครื่องดื่มที่ต้องลอง

การดื่มชาถือเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของตุรกี ชาตุรกีมักเสิร์ฟในแก้วทรงทิวลิป รสชาติกลมกล่อม นิยมดื่มคู่กับขนมหวาน เช่น บัคลาวาหรือโลคุม เป็นวิธีการพักผ่อนที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสุข

เพียงเท่านี้คุณก็รู้แล้วว่า ไปตุรกีใช้เงินเท่าไหร่ จะเห็นได้เลยว่า การไปเที่ยวตุรกีไม่ได้แพงอย่างที่คิด หากวางแผนดีและเลือกใช้บริการที่เหมาะสม คุณสามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจ พร้อมประสบการณ์ที่น่าประทับใจ Insurverse ยังมีประกันการเดินทางที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ ให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ออกสำรวจตุรกีหรือที่ไหนก็ตาม เตรียมพร้อมแล้วลุยได้เลย!

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการไปตุรกี

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย