Mazda CX-5 2025 กลับมาในโฉมใหม่ที่จัดเต็มทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ ไม่ใช่แค่ปรับหน้าตาให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังเพิ่มฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ทั้งไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED แบบใหม่ กระจังหน้าดีไซน์เฉียบ กันชนหน้าและหลังที่ออกแบบให้เข้ากับตัวรถมากขึ้น รวมถึงล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นกว่าที่เคย ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการอัปเกรดให้หรูหราขึ้น ด้วยวัสดุพรีเมียมอย่าง Real Wood และเบาะหนัง Nappa ในรุ่น XDL ให้ความรู้สึกหรูหราแบบที่หารถในระดับเดียวกันได้ยาก นี่คือ SUV ที่ไม่ใช่แค่ขับดี แต่ยังมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมในทุกสัมผัส และเมื่อเลือกรถที่ใช่แล้ว อย่าลืมมองหา ประกันรถชั้น 1 ที่คุ้มค่า ปรับแผนความคุ้มครองได้เอง จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องเสียเงินกับแพ็กเกจที่ไม่ตอบโจทย์ กับ insurverse ที่ซื้อตรงได้เลย ไม่ต้องผ่านตัวแทน
Mazda CX-5 2025 ได้รับการปรับโฉมให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เปลี่ยนดีไซน์ภายนอก แต่ยังเพิ่มความพรีเมียมให้กับตัวรถ กระจังหน้าได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความเฉียบคมมากขึ้น พร้อมโลโก้ Mazda ที่โดดเด่นตรงกลาง กรอบไฟหน้าปรับเป็น LED Signature ดีไซน์ใหม่ที่ให้แสงคมชัดและปรับมุมองศาอัตโนมัติตามทิศทางการเลี้ยว ทำให้การขับขี่ตอนกลางคืนปลอดภัยขึ้นมากกว่าเดิม กันชนหน้าและกันชนหลังได้รับการออกแบบใหม่ให้รับกับโครงสร้างของตัวรถ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวและสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม
ในรุ่น XDL ซึ่งเป็นรุ่นท็อปมีการปรับแต่งเพิ่มเติมโดยใช้สีเดียวกับตัวรถในส่วนของซุ้มล้อ ขอบประตู และกันชนหน้า-หลัง ทำให้ดูเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ไม่แปลกแยกออกจากกันเหมือนในรุ่นก่อนหน้านี้ ล้ออัลลอยก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาด 17 นิ้วสำหรับรุ่น 2.0 S และขนาด 19 นิ้วสำหรับรุ่น 2.0 SP และ XDL ซึ่งมาพร้อมกับลวดลายที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ช่วยเสริมให้ตัวรถดูหรูหราและแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
สีตัวถังภายนอกที่มีให้เลือก 7 สี ได้แก่
การตกแต่งภายในของ Mazda CX-5 2025 ได้รับการออกแบบให้หรูหรามากขึ้น ด้วยวัสดุคุณภาพสูง เช่น Real Wood และสีเงินซาตินโครม โดยในรุ่น XDL จะมาพร้อมเบาะหนัง Nappa สีแดง Deep Red เสริมความพรีเมียม ส่วนรุ่น 2.0 S และ 2.0 SP ใช้เบาะหนังสีดำเดินด้ายสีน้ำตาลให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหรา
ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกถูกอัปเกรดให้ทันสมัยขึ้น เช่น หน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ควบคุมผ่านปุ่ม Center Commander ที่จัดวางในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง มอบประสบการณ์ความบันเทิงที่ยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีระบบประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมแฮนด์ฟรี และพวงมาลัยที่ติดตั้ง Paddle Shift ในทุกรุ่น เพิ่มอารมณ์การขับขี่ให้สนุกขึ้น
Mazda CX-5 2025 มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น หน้าจอ Center Display ขนาด 8 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto ผ่าน USB ควบคุมได้ง่ายด้วยปุ่ม Center Commander ที่วางในตำแหน่งที่เหมาะสม และมาพร้อมกับระบบเสียง Bose รอบทิศทาง ผ่านลำโพง 10 ตำแหน่ง ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่คมชัดยิ่งขึ้น
รุ่น 2.0 SP และ XDL ยังได้รับการอัปเกรดด้วย Wireless Charger ทำให้สามารถชาร์จมือถือได้แบบไร้สายโดยไม่ต้องเสียบสายให้ยุ่งยาก ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone สามารถควบคุมอุณหภูมิแยกฝั่งซ้าย-ขวาได้ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
Mazda CX-5 2025 มีตัวเลือกเครื่องยนต์ 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive รองรับน้ำมัน E85 ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงมากขึ้น อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 13.9 กม./ลิตร เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่ต้องเจอการจราจรติดขัด
สำหรับรุ่น XDL มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ i-ACTIV AWD อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร พร้อมมาตรฐานไอเสีย Euro5 ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการเดินทางระยะไกลและการใช้งานที่ต้องการพละกำลังสูง
นอกจากนี้ รุ่น XDL ยังเพิ่มระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีแบบออฟโรด (Off-Road Traction Assist) เพื่อให้สามารถขับขี่ในสภาพถนนลื่นหรือขรุขระได้มั่นใจมากขึ้น
Mazda CX-5 2025 มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันภายใต้เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE เช่น
รุ่น 2.0 S ได้รับการปรับปรุงด้านดีไซน์ภายนอก ไฟหน้า LED Signature ใหม่ กระจังหน้าและกันชนใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว รวมถึงเพิ่มฟีเจอร์ Sport Paddle Shift และ Hand Free Power Lift Gate
รุ่น 2.0 SP ได้รับการอัปเกรดเพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S ด้วยล้ออัลลอย 19 นิ้ว Wireless Charger ระบบช่วยขับขี่ CTS และ MRCC with Stop & Go
รุ่น XDL เพิ่มเติมชุดตกแต่งภายนอกให้เป็นสีเดียวกับตัวรถ ท่อไอเสียขนาดใหญ่ เบาะหนัง Nappa สี Deep Red ระบบขับขี่ Off-Road และสวิตช์ Mi-Drive ที่ช่วยให้การขับขี่ในเส้นทางออฟโรดดีขึ้น
Mazda CX-5 2025 จัดเต็มทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และสมรรถนะการขับขี่ ทำให้เป็นรถ SUV ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกล ด้วยราคาที่คุ้มค่ากว่ารุ่นก่อนหน้า ถือเป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามในปีนี้
Mazda CX-5 2025 ไม่ได้เป็นแค่การปรับโฉม แต่เป็นการยกระดับให้ SUV คันนี้ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น ทั้งสมรรถนะที่ปรับจูนใหม่ให้ตอบสนองดีขึ้น ความประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้น และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครันกว่าเดิม รุ่น XDL ยิ่งน่าสนใจสำหรับสายเดินทาง เพราะมาพร้อมขุมพลังดีเซลแรงบิดสูง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และโหมดขับขี่ออฟโรดที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพถนน ใครที่กำลังเล็งรถ SUV ขับดี ออปชันแน่น ดีไซน์สวย ห้ามพลาดรุ่นนี้เด็ดขาด และเมื่อเลือกรถที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์แล้ว อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันภัยรถยนต์ กับ insurverse ที่ให้คุณปรับแผนได้เอง ไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น ซื้อออนไลน์ง่าย ๆ ทุกขั้นตอนจบในไม่กี่นาที
Mazda CX-5 2025 มาพร้อมการปรับดีไซน์ภายนอกให้โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เช่น กระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้าย LED Signature ใหม่ กันชนหน้า-หลังที่ออกแบบใหม่ และเพิ่มออปชันสีใหม่ Polymetal Gray และ Platinum Quartz ส่วนภายในอัปเกรดวัสดุให้หรูหราขึ้น เพิ่มระบบ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto รวมถึงปรับช่วงล่างให้ขับขี่นุ่มนวลกว่าเดิม
รุ่น 2.0 SP และ XDL มีการติดตั้ง Wireless Charger เป็นมาตรฐาน รองรับการชาร์จสมาร์ทโฟนที่รองรับ Qi Wireless Charging ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ต้องใช้สายชาร์จ
Mazda CX-5 2025 มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ในรุ่น 2.0 S และ 2.0 SP และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ในรุ่น XDL ซึ่งมาพร้อมระบบ i-ACTIV AWD ที่ช่วยปรับสมดุลแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังแบบอัตโนมัติ เพื่อการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้นในทุกสภาพพื้นผิว
มีระบบ Mi-Drive (Mazda Intelligent Drive Select) ซึ่งช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมได้ เช่น
-Normal Mode สำหรับการขับขี่ปกติในเมือง
-Sport Mode สำหรับการเร่งแซงและขับขี่แบบเร้าใจ
-Off-Road Mode (เฉพาะรุ่น XDL) สำหรับสภาพถนนขรุขระหรือทางวิบาก
Mazda CX-5 2025 ติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ เช่น
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
ใครที่กำลังมองหากระบะ 4 ประตูที่แรงขึ้น ขับสนุก และยังประหยัดน้ำมันมากขึ้น Isuzu D MAX 4 ประตู รุ่นใหม่ล่าสุด น่าจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
Motor Show 2568 กลับมาอีกครั้ง พร้อมความอลังการที่เหนือกว่าทุกปี นี่คืองานที่คนรักรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ไม่ควรพลาด เพราะเป็นเวทีที่ค่ายรถชั้นนำระดับโลกขนเอารุ่นใหม่ล่าสุดมาเปิดตัวแบบจัดเต็ม ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และซูเปอร์คาร์สุดหรู
All-new BMW X3 (G45) รุ่นนี้แหละที่พาคำนิยามของคำว่า "สมบูรณ์แบบ" ไปอีกขั้น เพราะไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยี