vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เช็คอินออนไลน์

รวมวิธีเช็คอินออนไลน์ทุกสายการบิน เดินทางง่ายขึ้น ไม่ต้องกลัวตกเครื่อง

schedule
share

การเดินทางในยุคนี้ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวยาวเหยียดที่สนามบินอีกต่อไป เพราะเรามี “เช็คอินออนไลน์” ตัวช่วยที่ทำให้ชีวิตการเดินทางสะดวกขึ้นแบบขั้นสุด ใครที่ยังไม่เคยลอง หรืออยากรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง วันนี้เรามีวิธีเช็คอินออนไลน์ง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่าทำได้ชิล ๆ เหมือนมือโปรตัวจริง!

1. เปิดเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันสายการบิน

เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการเข้าไปที่เว็บไซต์หรือแอปของสายการบินที่คุณจองตั๋วไว้ เช่น การบินไทย แอร์เอเชีย หรือไทยสมายล์ ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีเมนู “เช็คอินออนไลน์” ชัดเจน

ตัวอย่าง:
ถ้าคุณจองตั๋วกับแอร์เอเชีย ให้เปิดแอปของแอร์เอเชีย แล้วมองหาเมนู “เช็คอิน” จากนั้นคลิกเข้าไปได้เลย

ทริคเล็ก ๆ ถ้าใครจำลิงก์หรือหาเมนูไม่เจอ ลองเสิร์ชใน Google เช่น “เช็คอินออนไลน์ [ชื่อสายการบิน]” รับรองเจอชัวร์!

2. กรอกรายละเอียดการจอง

เมื่อเข้ามาในหน้าการเช็คอินออนไลน์ สายการบินจะขอข้อมูลการจองเพื่อยืนยันตัวตน เช่น

  • หมายเลขการจอง (Booking Reference)
  • นามสกุลของผู้โดยสาร

ตัวอย่าง: สมมติคุณชื่อ “กนกวรรณ” และหมายเลขการจองคือ “AB1234” ให้กรอกข้อมูลตามที่สายการบินระบุไว้ ตรวจสอบให้เป๊ะก่อนกดยืนยัน

ข้อควรระวัง: หมายเลขการจองมักอยู่ในอีเมลที่สายการบินส่งให้หลังจองตั๋ว อย่าลืมหาให้เจอก่อนเช็คอิน

3. เลือกที่นั่งในแบบที่ใช่

ถึงเวลาเลือกที่นั่งแล้ว! ฟีเจอร์นี้คือจุดเด่นของการเช็คอินออนไลน์เลย เพราะคุณสามารถเลือกที่นั่งที่ถูกใจได้ก่อนใคร 

ตัวอย่างการเลือกที่นั่ง

  • ถ้าชอบชมวิวเมฆสวย ๆ กดที่นั่งริมหน้าต่าง
  • ถ้าอยากลุกไปเข้าห้องน้ำง่าย ๆ เลือกที่นั่งริมทางเดิน
  • หรือถ้าอยากนั่งด้วยกันกับเพื่อน ก็เลือกติดกันไปเลย

ข้อแนะนำ: สายการบินโลว์คอสอาจคิดค่าเลือกที่นั่งเพิ่มเติม แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องที่นั่ง ระบบจะสุ่มให้อัตโนมัติ

4. ยืนยันข้อมูลและรับบัตรโดยสาร

หลังเลือกที่นั่งเรียบร้อย ระบบจะพาคุณไปที่หน้าสรุปรายละเอียด เช่น ชื่อผู้โดยสาร เที่ยวบิน เวลาออกเดินทาง และหมายเลขที่นั่ง

เช็กให้เป๊ะ!

  • ชื่อ-นามสกุลต้องตรงกับบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต
  • วันและเวลาเดินทางต้องถูกต้อง

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย กด “ยืนยัน” หรือ “Confirm” แล้วระบบจะสร้างบัตรโดยสารดิจิทัล (Digital Boarding Pass) ให้ทันที

5. เก็บบัตรโดยสารดิจิทัลไว้ให้พร้อมใช้งาน

หลังเช็คอินเสร็จ คุณจะได้บัตรโดยสารดิจิทัลที่มี QR Code ใช้สำหรับสแกนตอนขึ้นเครื่อง

วิธีเก็บบัตรโดยสาร

  • ถ่ายภาพหน้าจอเก็บไว้ในมือถือ
  • หรือถ้ากลัวลืม ลองพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษเก็บสำรอง

ข้อแนะนำ: อย่าลืมเปิดดูให้แน่ใจว่า QR Code ชัดเจนและไม่เบลอ เพราะนี่คือสิ่งที่ต้องใช้ผ่านด่านความปลอดภัย

เช็คอินออนไลน์แล้วไปทำอะไรต่อ?

หลังจากเช็คอินออนไลน์เสร็จ คุณไม่จำเป็นต้องรีบไปสนามบินเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ามีกระเป๋าเดินทางที่ต้องโหลด ก็ต้องไปที่ เคาน์เตอร์ Bag Drop เพื่อฝากกระเป๋า

ทริคเพิ่มความสะดวก

  • มาถึงสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (สำหรับในประเทศ)
  • เช็กจุด Bag Drop ของสายการบินล่วงหน้า เพื่อไม่เสียเวลาเดินหา

สิ่งที่ต้องระวังก่อนบิน เตรียมตัวให้เป๊ะ ไม่พลาดทุกขั้นตอน

ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางมือใหม่หรือขาเที่ยวประจำ ก่อนขึ้นเครื่องบินแต่ละครั้ง สิ่งที่ควรใส่ใจไม่ใช่แค่การเก็บกระเป๋าหรือดูเวลา แต่ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนมักพลาด วันนี้เรารวบรวม “สิ่งที่ต้องระวังก่อนบิน” มาฝากกัน รับรองว่าอ่านจบแล้วบินได้อย่างสบายใจ!

1. เวลาขึ้นเครื่องและประตูทางออก (Gate)

เช็กเวลาขึ้นเครื่องให้ชัดเจน เพราะถึงแม้จะมีบัตรโดยสารในมือแล้ว แต่ถ้าคุณไปผิดเวลา ก็อาจตกเครื่องได้

สิ่งที่ควรระวัง

  • ประตูทางออก (Gate) อาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ให้ตรวจสอบข้อมูลที่หน้าจอแสดงผลในสนามบินบ่อย ๆ
  • มาถึง Gate ก่อนเวลาขึ้นเครื่องอย่างน้อย 30 นาที เพื่อเลี่ยงปัญหาความล่าช้า

2. เอกสารสำคัญต้องครบ

ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมตรวจสอบเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน เพราะถ้าขาดอะไรไป อาจทำให้คุณเสียเวลาหรือพลาดเที่ยวบิน

รายการเอกสารที่ต้องมี

  • บัตรประชาชน (สำหรับเที่ยวบินในประเทศ)
  • หนังสือเดินทาง (สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ)
  • วีซ่า (ถ้าประเทศปลายทางกำหนด)
  • บัตรโดยสาร (Digital Boarding Pass) หรือ QR Code ที่โหลดจากการเช็คอินออนไลน์

ทริค: เก็บเอกสารทั้งหมดในกระเป๋าเล็กหรือไฟล์ดิจิทัลในมือถือ เพื่อหยิบใช้สะดวก

หากเดินทางโดยรถยนต์ไปยังสนามบิน อย่าลืมตรวจสอบว่าคุณมีประกันเดินทางคุ้มครองครบถ้วนหรือไม่ เช่นเดียวกับเอกสารสำคัญที่ใช้เดินทาง เพราะ insurverse ให้คุณซื้อประกันได้ง่าย รวดเร็ว และยังเป็นระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ ช่วยให้มั่นใจในการเดินทางทุกเส้นทาง

3. น้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน

เรื่องกระเป๋าเดินทางเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมักพลาด โดยเฉพาะน้ำหนักที่เกินกำหนด

สิ่งที่ควรรู้

  • กระเป๋าโหลดใต้เครื่อง: แต่ละสายการบินจะกำหนดน้ำหนักต่างกัน เช่น 20 กก. หรือ 30 กก.
  • กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง: ส่วนใหญ่อนุญาตไม่เกิน 7 กก. พร้อมขนาดที่ระบุ

ข้อควรระวัง

  • ชั่งน้ำหนักกระเป๋าก่อนถึงสนามบิน เพื่อลดความวุ่นวาย
  • หลีกเลี่ยงการพกของต้องห้าม เช่น ของเหลวเกิน 100 มล., วัตถุอันตราย หรือสิ่งของมีคม

4. กฎการพกของเหลวขึ้นเครื่อง

สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน การพกของเหลวขึ้นเครื่องเป็นสิ่งที่มีกฎเข้มงวด

  • ของเหลวแต่ละชิ้นต้องไม่เกิน 100 มล. และต้องใส่ในถุงใสแบบซิปล็อก
  • ตัวอย่างของเหลวที่ควรระวัง เช่น ครีม โลชั่น น้ำหอม สเปรย์

ทริค: ถ้าของเหลวเกิน 100 มล. ให้ใส่ในกระเป๋าโหลดแทน

5. เช็กข้อกำหนดของสนามบินและสายการบิน

แต่ละสนามบินและสายการบินอาจมีกฎเฉพาะ เช่น เวลาต้องเช็กอินหรือเงื่อนไขการโหลดกระเป๋า

  • ตรวจสอบว่าประเทศปลายทางมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิ่งของที่ห้ามนำเข้า เช่น อาหารสด ยา หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า
  • บางสนามบินมีระบบตรวจสอบเข้มงวด เช่น การสแกนกระเป๋าหรือการตรวจสอบเอกสาร

6. การเตรียมพร้อมเรื่องสุขภาพ

อย่ามองข้ามสุขภาพของคุณก่อนบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินยาว ๆ

  • พกยาประจำตัว เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้เมารถ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนขึ้นเครื่อง เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

ตัวอย่าง: หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจหรือโรคหอบหืด ควรแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินล่วงหน้า

7. เช็กสภาพอากาศปลายทาง

อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองที่คุณกำลังจะเดินทางไป เพื่อเตรียมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ให้เหมาะสม

  • ถ้าปลายทางหนาวเย็น อย่าลืมพกเสื้อกันหนาวหรือรองเท้าที่เหมาะกับอากาศ
  • หากเป็นช่วงฤดูฝน ควรเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝน

8. เตรียมพร้อมสำหรับการโหลดกระเป๋า

นอกจากน้ำหนักกระเป๋าแล้ว ยังต้องเตรียมป้ายติดกระเป๋าให้เรียบร้อย

  • เขียนชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดไว้ที่กระเป๋า เพื่อป้องกันการสูญหาย
  • ถ่ายรูปกระเป๋าก่อนโหลด เผื่อเกิดปัญหาในการติดตาม

9. วางแผนการเดินทางไปสนามบิน

การไปถึงสนามบินล่าช้าอาจทำให้คุณพลาดเที่ยวบิน ดังนั้นควรวางแผนล่วงหน้าให้ดี

  • ตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า เช่น การจราจรหรือบริการขนส่งสาธารณะ
  • เผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเที่ยวบินออก

10. เตรียมแผนสำรอง

ไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหา แต่การมีแผนสำรองช่วยลดความเครียดได้มาก

  • พกเงินสดติดตัวในกรณีฉุกเฉิน
  • จองที่พักหรือบริการรถล่วงหน้า เผื่อเที่ยวบินล่าช้า

สรุป

การเช็คอินออนไลน์คือการเริ่มต้นทริปแบบมือโปร ทั้งประหยัดเวลา สะดวก และยังเลือกที่นั่งได้ตามใจอีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเดินทางในประเทศหรือต่างประเทศ การเช็คอินออนไลน์ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นแบบคูณสิบ! นอกจากนี้ อย่าลืม เช็กเบี้ยประกันเดินทาง ก่อนท่องเที่ยวทุกครั้ง เพื่อให้มัน่ใจได้ว่าการเดินทางจะปลอดภัย ไร้กังวลกับปัญหาที่ไม่คาดฝัน

ครั้งหน้าก่อนบิน อย่าลืมลองเช็คอินออนไลน์ดู รับรองว่าคุณจะติดใจ

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเช็คอินออนไลน์

เช็คอินออนไลน์ทำได้กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง?

ส่วนใหญ่สายการบินเปิดให้เช็คอินออนไลน์ได้ตั้งแต่ 24-48 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง และปิดระบบประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง

ถ้าเช็คอินออนไลน์แล้ว ต้องไปเคาน์เตอร์สนามบินไหม?

หากไม่มีสัมภาระโหลดใต้เครื่อง คุณสามารถไปที่ประตูขึ้นเครื่อง (Gate) ได้เลย แต่ถ้ามีกระเป๋าเดินทาง ต้องไปที่เคาน์เตอร์ Bag Drop เพื่อตรวจและฝากกระเป๋า

สามารถเลือกที่นั่งผ่านเช็คอินออนไลน์ได้ไหม?

ได้ สายการบินส่วนใหญ่มีตัวเลือกให้คุณเลือกที่นั่งที่ต้องการ แต่หากเป็นสายการบินโลว์คอสจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

บัตรโดยสารดิจิทัล (Digital Boarding Pass) ใช้แทนบัตรกระดาษได้หรือไม่?

ได้ คุณสามารถใช้ QR Code หรือบัตรโดยสารดิจิทัลในแอปหรืออีเมลเพื่อสแกนผ่านจุดตรวจและขึ้นเครื่องได้เลย

ถ้าเช็คอินออนไลน์ไม่สำเร็จ ต้องทำอย่างไร?

คุณยังสามารถไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินในสนามบินได้ หรือโทรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของสายการบินเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย