vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
เติมน้ำมันผิด รถจะเป็นอย่างไร ต้องแก้ไขอย่างไรบ้าง มีคำตอบ

เติมน้ำมันผิดประเภท ต้องทำอย่างไร

schedule
share

ถ้าเติมน้ำมันผิดรถจะเป็นยังไง นี่น่าจะเป็นประโยคที่สร้างความสงสัยในการใช้รถของใครหลายคน แม้ว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่บ่อย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะคนที่ทำหน้าที่ดูแลการจ่ายเชื้อเพลิงก็คือพนักงานปั๊ม นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ว่า ทำไมเวลาเติมน้ำรถถึงควรเดินลงจากตัวรถเพื่อไปยืนเช็กความถูกต้องด้วยตัวเอง เพราะเมื่อเติมผิดไปแล้ว นอกจากจะเสียเวลาในการแก้ไขปัญหาไม่พอ ยังอาจจะต้องเสียสตางค์จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์รถเราอีกด้วย วันนี้ insurverse เราจะมาไขข้อสงสัยกันแบบชัดๆ เมื่อเติมน้ำมันผิดไปแล้วควรจะต้องทำอย่างไรในการแก้ไขปัญหา

น้ำมันรถยนต์มีกี่ประเภท

ในปัจจุบัน น้ำมันเชื้อเพลิงในที่เติมใช้งานจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ซึ่งจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามส่วนผสมของแต่ละชนิด โดยสามารถแบ่งได้ทั้งหมด ดังนี้ 

1. น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซล หรือน้ำมันใส เป็นน้ำมันดิบที่มีจุดเดือนสูง 180-370 องศาเซลเซียส เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลที่ต้องใช้แรงอัดสูงในการจุดระเบิด ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (HSD: High Speed Diesel Oil) : หรือน้ำมันโซล่า เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ที่มีความเร็วรอบสูง 1,000 รอบ/นาที อย่างเช่น เรือเดินสมุทร รถบรรทุก เรือประมง รถยนต์ และอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องใช้น้ำมันที่มีค่าซีเทนสูง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้สะดวก
  • น้ำมันดีเซลหมุนช้า  (LSD: Low Speed Diesel Oil) : เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องยนต์ที่มีความเร็วรอบต่ำกว่า 1,000 รอบ/นาที ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้งานกับเครื่องจักรกล ที่มักใช้สัดส่วนผสมกันระหว่างน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันเตา 

และสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลที่มีจำหน่ายในปั๊มบ้านเรา จำแบ่งออกเป็น 4 ประเภทที่มีการเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ ดังนี้ 

  1. น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา  : เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ที่มีสัดส่วนน้ำมันดีเซล 90% และไบโอดีเซล 10% เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐานที่ใช้งานในรถยนต์เครื่องดีเซลทั่วไป จึงทำให้มีราคาที่ไม่สูงเท่ากับน้ำมันชนิดอื่น 
  2. น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 : เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ที่มีสัดส่วนน้ำมันดีเซล 93% และไบโอดีเซล 7% เหมาะสำหรับใช้งานในรถยนต์รุ่นเก่า หรือรถยุโรป 
  3. น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 : เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ที่มีสัดส่วนของไบโอดีเซลมากถึง 20% และเป็นน้ำมันดีเซลอีก 80% ซึ่งมีการปรุงแต่งให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงมักนิยมใช้งานในรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถบรรทุกขนาดเล็กรุ่นใหม่ๆ โดยมีข้อดีคือด้านเชื้อเพลิงที่ประหยัดกว่า 
  4. น้ำมันดีเซลพรีเมียม : น้ำมันประเภทนี้จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแบรนด์ปั๊มน้ำมัน ที่มีสูตรในการผสมที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยจากจะถูกปรุงแต่งสารที่ช่วยให้การเผาไหม้สะอาดหมดจดมากขึ้น และยังช่วยชะล้างสิ่งสกปรกภายในเครื่องยนต์ 

2. น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน

น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน เป็นน้ำมันที่กลั่นออกมาจากน้ำมันดิบ และจะต้องนำไปปรับปรุงคุณภาพให้มีค่าออกเทนตามต้องการ ซึ่งจะแบ่งได้ทั้งหมด 6 ชนิดที่มีจำหน่ายในปั๊มบ้านเรา 

  1. น้ำมันเบนซิน 95 : เป็นน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงถึง 95% เหมาะในการใช้งานรถยนต์เครื่องเบนซินทุกประเภท เพราะไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ จึงช่วยให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมาก เลยเป็นสาเหตุให้มีราคาที่สูงกว่าน้ำมันชนิดอื่น และไม่ได้มีให้เติมทุกปั๊ม 
  2. น้ำมันเบนซิน 91 : เป็นน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูง 91% เหมาะกับรถยนต์เครื่องเบนซินทุกประเภทเหมือนเบนซิน 95 ทุกประการ เพราะไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการขับขี่นั้นยอดเยี่ยม แต่คุณภาพก็ด้อยลงมากว่าตัวเบนซิน 95 ตามราคาที่ลดหลั่นลงมาเช่นกัน 
  3. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 : หรือที่เรียกอีกชื่อว่า E10 สามารถใช้แทนน้ำมันเบนซิน 91 ได้ แต่ต้องเช็กให้ชัวร์ในรถยนต์แต่ละรุ่นก่อนเติมใช้งาน โดยน้ำมันชนิดนี้จะมีสัดส่วนของเอทิลแอลกอฮอล์อยู่ที่ 90:10 และมีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จึงทำให้มีราคาที่ถูกกว่าเบนซินปกติ 
  4. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 : หรือที่เรียกอีกชื่อว่า E10 เหมือนกับตัวแก๊สโซฮอล์ 91 เพียงแต่จะต่างกันตรงค่าออกเทน แต่ก็ยังคงเป็นน้ำมันที่ผสมของเอทิลแอลกอฮอล์อยู่ที่สัดส่วน 90:10 จึงตอบโจทย์กว่าในด้านราคาในการเติมใช้งาน 
  5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 : เป็นน้ำมันที่มีสัดส่วนของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอลที่ 20% (80:20) ซึ่งบางคนขับแล้วก็ไม่รู้สึกแตกต่างกับแก๊สโซฮอล์ 91 หรือ 95 มากนัก แต่บางคนก็รู้สึกสมรรถนะลดลงชัดเจน แต่ข้อดีก็คือราคาที่ถูกลงกว่ามากนั่นเอง 
  6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 : เป็นน้ำมันที่มีสัดส่วนเอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอลสูงถึง 85% และมีเพียงเบนซินอีก 15% เท่านั้น จึงเป็นทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงที่ประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยสมรรถนะการขับขี่ไม่กระฉับกระเฉงอย่างที่ควรจะเป็น

ถ้าเติมน้ำมันรถผิดรถจะเป็นยังไง

หากเราไม่ได้ลงไปยืนเช็กด้วยตัวเองที่หน้าหัวจ่าย และพนักงานปั๊มดันเติมน้ำมันผิด อาการรถเราจะเป็นอย่างไรบ้าง เราจะมาอธิบายให้เข้าใจกัน 

1. เครื่องยนต์ดีเซลเติมน้ำมันเบนซิน

สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่เติมน้ำมันผิดเป็นเบนซินเข้าไป เมื่อขับไปได้สักระยะจะมีการกระตุกขึ้น ควันจากท่อไอเสียจะมีสีดำเข้มผิดปกติ และเครื่องยนต์จะดับลงจนไม่สามารถสตาร์ทติดขึ้นมาได้ 

2. เครื่องยนต์เบนซินเติมน้ำมันดีเซล

สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่เติมน้ำมันผิดเป็นดีเซลเข้าไป เมื่อเหยียบคันเร่งเพื่อทำความเร็ว เสียงเครื่องยนต์จะดังผิดปกติ รถจะไม่สามารถทำความเร็วได้แบบที่ควรจะเป็น และจะมีระบบไฟแจ้งเตือนขึ้นมาที่ปัดก่อนเครื่องยนต์จะดับลง และสตาร์ทติดได้ยาก 

จะทำอย่างไร เมื่อเติมน้ำมันรถผิด

เมื่อเติมน้ำมันผิดไปแล้ว จะมีแนวทางในการแก้ไขอยู่สองแบบ กรณีที่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ และในกรณีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ออกไปใช้งานแล้ว โดยจะต้องทำตามขั้นตอน ดังนี้ 

กรณีรู้ตัวก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์

เมื่อเติมน้ำมันผิด แล้วยังไม่ได้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ กรณีนี้ยังถือว่าไม่ร้ายแรง เพราะตัวน้ำมันเชื้อเพลิงยังไม่ได้ไหลเวียนเข้าสู่การทำงานของเครื่องยนต์ จึงสามารถแจ้งทางพนักงานปั๊มให้ทางทีมช่างทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันออกจากถัง และทำการไล่ระบบน้ำมันภายในเครื่องยนต์ใหม่ ก็สามารถกลับไปเติมน้ำมันให้ถูกประเภท และใช้งานได้ตามเดิม

กรณีรู้ตัวหลังสตาร์ทเครื่องยนต์

แต่หากเป็นกรณีที่เติมน้ำมันผิด แล้วเกิดทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ไปแล้ว มิหนำซ้ำยังขับออกไปไกล กรณีก็ต้องบอกว่าเป็นงานช้างพอสมควร เพราะรถยนต์อาจจะมีอาการกระตุกอย่างที่บอกไป และอาจจะเกิดการดับกลางทางจนต้องเรียกรถสไลด์นำไปอู่ซ่อมเพื่อเช็กอาการอีกที ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่อเครื่องยนต์ได้เลยทีเดียว

วิธีป้องกันการเติมน้ำมันผิด

อย่างที่เราได้แนะนำกันไปในช่วงต้น สิ่งที่ง่ายที่สุดในการป้องกันเหตุการณ์เติมน้ำมันผิดนี้ คือการลุกออกจากรถไปยืนเช็กที่หน้าหัวจ่ายด้วยตัวเอง รวมถึงแจ้งประเภทน้ำมันที่ต้องการเติมกันพนักงานตรงหน้าหัวจ่ายไปเลย จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดจนเสียหายในภายหลัง 

เติมน้ำมันผิด เคลมประกันได้ไหม

กรณีเติมน้ำมันผิด สามารถเคลมประกันได้ แต่ต้องเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น ที่ให้ความคุ้มครองกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจึงควรแจ้งทางบริษัทประกันทันที เพื่อให้มาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ โดยไม่ควรไปตกลงเงื่อนไข หรือทำการเจรจาใดๆ กับทางปั๊มน้ำมันที่เป็นคู่กรณีก่อนโดยเด็ดขาด

สรุปบทความ เติมน้ำมันผิดประเภท ต้องทำอย่างไร 

เพราะการใช้งานรถยนต์ทุกวัน อาจจะทำให้เราชะล่าใจในเรื่องเล็กๆ บางเรื่อง อย่างการเติมน้ำมันก็เช่นกัน ด้วยความเคยชิน หรืออาจจะเร่งรีบ ทำให้ใครหลายคนมักเลือกที่จะอยู่บนรถขณะเติมน้ำมัน เพื่อที่จะสตาร์ทรถแล้วไปต่อได้อย่างไม่เสียเวลา แต่ต้องอย่าลืมว่ากรณีการเติมน้ำมันผิด ก็ได้เป็นข่าวขึ้นหน้าจอมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว การเสียเวลาเพียงเล็กน้อยในการลงไปยืนเช็กที่หน้าหัวจ่ายด้วยตัวเอง ย่อมเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถเราได้ดีที่สุด รวมไปถึงการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้เป็นเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)