รถยนต์มีเกียร์ 2 แบบให้เลือก นั่นก็คือเกียร์กระปุกและเกียร์ออโต้ การขับขี่จะมีความแตกต่างกันทั้งเรื่องของข้อดีและข้อเสีย ทำให้ก่อนตัดสินใจซื้อรถมาใช้ต้องทำความเข้าใจส่วนนี้ก่อน เพื่อเลือกรถที่มีระบบเกียร์รถยนต์ที่เหมาะสมกับความต้องการ และเพื่อง่ายต่อการต่อประกันชั้น2+ รวมถึงประกันชั้นอื่น ๆ ในอนาคต ทั้งนี้ Inserverse ขออาสาเคลียร์ทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับเกียร์ทั้ง 2 ระบบ มีข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนซื้อรถอย่างแน่นอน
เกียร์คือ ส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์ มีระบบเกียร์กระปุกหรือเรียกอีกอย่างว่าเกียร์ธรรมดา และเกียร์ออโต้หรือเกียร์อัตโนมัติ ระบบเกียร์มีหน้าที่ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อ ช่วยทำให้รถสามารถขับเคลื่อนได้ รวมถึงช่วยลด-เพิ่มสปีดความเร็วในระหว่างการขับขี่
เป็นระบบเกียร์ที่ใช้การควบคุมด้วยตัวเองในการปรับเปลี่ยนเกียร์ จะต้องใช้คลัตซ์และคันเกียร์เป็นองค์ประกอบ โดยมี 2 ประเภทคือ
ระบบเกียร์ที่ใช้ระบบไฮดรอลิกซ์หรือระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยควบคุมการปรับเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องใช้คลัตซ์ สะดวกต่อการใช้งานเพราะแค่เหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็ว และใช้เบรกเพื่อลดความเร็วเท่านั้น มี 3 ประเภทดังนี้
มาดูข้อเปรียบเทียบระหว่างเกียร์รถยนต์ทั้ง 2 แบบว่ามีข้อมูลส่วนไหนน่าสนใจกันบ้าง เพื่อนำไปใช้ตัดสินใจสำหรับเลือกซื้อรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานดังนี้
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นรถเกียร์แบบไหน การต่อประกันชั้น 2+ สามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะบริษัทประกันต่าง ๆ จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ประกอบด้วย และเกียร์รถทุกประเภทจะมีผลต่อค่าเบี้ยประกัน ส่วนข้อมูลที่บริษัทประกันจะใช้เพื่อพิจารณาจากดังนี้
ไม่ว่าจะมีรถยนต์เกียร์กระปุกหรือเกียร์ออโต้ในมือ ไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อการต่อประกันชั้น2+ หรือชั้นอื่น ๆ เลย เพียงแค่รักษาและดูแลรถให้พร้อมใช้งานและอยู่ในเงื่อนไขของประกัน จะทำให้การทำประกันภัยรถยนต์ง่ายตามไปด้วยทันที ส่วนใครที่กำลังมองหาบริษัทประกันรถในตอนนี้ แนะนำคลิกไปที่ Inserverse เพราะจะได้ประกันโดนใจในราคาไม่แพงตลอด 24 ชั่วโมงแน่นอน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง