การทำประกันรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านว่าจะควรเลือกทำประเภทไหน ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันรถยนต์ชั้น 2 แตกต่างกันอย่างไร ตัดสินใจให้ดีว่าประเภทไหนคุ้มครองคุ้มค่ากว่ากัน
โดยปกติแล้วคนขับรถใหม่นิยมเลือกทำประกันรถชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม เป็นประกันที่จ่ายค่าซ่อมรถและจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คู่กรณีด้วย หากรู้สึกว่างบประมาณของตัวเองไม่ลงตัวกับประกันชั้น 1 จะเลือกประกันชั้น 2 ราคาประหยัดกว่าแทนก็จะลงตัวกว่า
ประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2 มีรายละเอียดแตกต่างกันไม่น้อย ความคุ้มครองก็แตกต่างกันไปด้วย ดังนี้
โดยมากคนขับรถคันใหม่มักจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 พร้อมทั้งดูแลรถอย่างดี มีความรู้สึกอุ่นใจมากกว่า หากเป็นมือใหม่ด้วยแล้วยิ่งมีโอกาสเฉี่ยวชนบ่อย ๆ เรียกว่าเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หรือถ้าอาศัยอยู่ในย่านชนบทร่มรื่นมีต้นไม้เยอะ อาจเกิดเหตุต้นไม้ล้ม กิ่งไม้หัก หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงวิ่งตัดหน้ารถ
ถ้าเจ้าของขับรถไม่บ่อย แค่เดินทางระยะใกล้จากบ้าน ที่ทำงานหรือไปตลาด การทำประกันชั้น 1 อาจแพงเกินไปและไม่จำเป็น ในทางกลับกันหากเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ต้องขับรถไปทำงานเสมอ ต้องทำประกันชั้น 1 ถึงจะคุ้มค่า เพราะดูแล้วว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่น่าจะครอบคลุมความต้องการอย่างครบถ้วน
เบี้ยประกันเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะต้องนำมาเปรียบเทียบกัน เริ่มจากประกันชั้น 1 ราคาสูงสุดแต่คุ้มครองครอบคลุมทุกเรื่องมากที่สุด ส่วนประกันชั้น 2 ราคาไม่แพงเกินไป คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าพร้อมจ่ายมากกว่า ทั้งยังผ่อนจ่ายรายเดือนได้ด้วย ถ้าขับรถชำนาญและไม่อยากจ่ายแพง ประกันรถชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ประเภทใดก็ตาม ก็ช่วยให้อุ่นใจในทุกการเดินทาง คุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ถูกใจ เช็กเบี้ยได้ที่นี่!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง