การออกรถใหม่มักมาพร้อมกับความเสี่ยงมากมาย รวมถึงการเตรียมพร้อมอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการในแต่ละขั้นตอนจนกว่าจะได้รับรถ ค่าใช้จ่ายที่ต้องลุ้นว่าจะเกินงบที่ตั้งไว้หรือเปล่า และหากใครที่เป็นมือใหม่หัดขับด้วยนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อประกันรถยนต์อย่างไรดี เพราะการทำประกันรถยนต์สามารถช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินได้ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ที่จะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุ รถสูญหาย รถไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ และที่สำคัญจะทำให้เรารู้สึกอุ่นใจตลอดการขับขี่บนท้องถนนนั่นเอง
เมื่อเราตัดสินใจซื้อรถมาแล้วนั้น ส่วนมากก็มักจะได้รับคำแนะนำให้ทำประกันชั้น 1 เพราะเป็นประกันที่คุ้มครองได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะกับมือใหม่หัดขับ หรือรถใหม่ป้ายแดงที่อาจจะพบกับความเสี่ยงทั้งจากอุบัติเหตุและสถานการณ์ไม่คาดคิดบนท้องถนนได้มากกว่า
หากใครที่กังวลว่าเบี้ยประกันต้องราคาประมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและคุ้มค่า วันนี้เรามีหลักการคำนวณง่าย ๆ มาให้ได้ลองใช้กัน โดยเราจะคำนวณจากราคารถ ราคาเบี้ยประกันที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 80% ของราคารถช่วงเวลาปัจจุบัน ซึ่งแต่ละปีราคาจะลดลงตามค่าเสื่อม ดังนั้นอย่าลืมนำค่าเสื่อมมาคำนวณร่วมในแต่ละปีด้วย นั่นหมายความว่าถ้าเราเลือกซื้อประกันที่ให้ทุนประกันสูงกว่าหรือเท่ากับมูลค่ารถยนต์ ทำให้เราเสียค่าเบี้ยประกันอย่างคุ้มค่า แต่ถ้าซื้อประกันที่ทุนประกันต่ำกว่า จะทำให้เราเสียค่าเบี้ยประกันเกินความจำเป็นนั่นเอง
ก่อนตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ก็ควรเช็กราคาเบี้ยประกันจากหลาย ๆ บริษัทก่อน เนื่องจากในปัจจุบันมีประกันหลากหลายบริษัทให้ได้เลือกใช้กันอย่างมาก และตัวช่วยที่ดีและสะดวกที่สุดในยุคดิจิทัลแบบนี้ก็คงหนีไม่พ้นการใช้เว็บไซต์นั่นเอง ซึ่งหากใครที่กำลังต้องการประกันชั้น 1 สำหรับรถใหม่ออกศูนย์สามารถเช็คราคาด้วยตัวเองง่าย ๆ จากเว็บไซต์ของ insurverse ได้เลย
การเช็กราคาเบี้ยประกันเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การใช้จ่ายของคุณคุ้มค่ามากที่สุด และอย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขความคุ้มครองกับราคาในแต่ละที่ให้ละเอียด หรือหากใครที่ต้องการซื้อประกันที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ประกันออนไลน์ของ insurverse ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว เพราะความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การระมัดระวังตัวอาจไม่เพียงพอเสมอไป การมีประกันชั้น 1 ก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจได้อีกระดับเช่นเดียวกัน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง