อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ติดการจัดอันดับในเรื่องของอุบัติเหตุอยู่แทบทุกครั้งไป นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ใครหลายคนมักจะเลือกทำประกันรถชั้น 2+ ติดเอาไว้ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่คนทำประกันรถอาจจะยังไม่รู้ ก็คือเรื่องกล้องติดรถยนต์หน้าหลัง ที่สามารถนำมาลดค่าเบี้ยประกันลงได้ด้วย เพราะถือเป็นการบันทึกภาพหลักฐานไว้ใช้ประกอบการเคลมได้ชัดเจนที่สุด วันนี้เราจะพามาทำความเข้าใจถึงข้อดีในการใช้กล้องติดหน้ารถกัน
เพราะการมีกล้องติดหน้ารถไว้ใช้งาน จะช่วยบันทึกหลักฐานการเกิดอุบัติเหตุได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการระบุตัวผู้กระทำผิด อีกทั้งยังช่วยเพิ่มวินัยให้กับผู้ใช้รถมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกลัวหลักฐานทางความผิดจากภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ ทาง คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) จึงออกคำสั่งในการบังคับใช้ให้บริษัทประกันปรับลดค่าเบี้ยลง สำหรับผู้ทำประกันที่มีกล้องติดหน้ารถ เพราะเล็งเห็นถึงข้อดีในการผลักดันให้คนใช้รถบนท้องถนนติดอุปกรณ์ชิ้นนี้ไว้ใช้งาน
กล้องติดรถยนต์หน้าหลัง สามารถลดค่าเบี้ยประกันได้ในอัตราร้อยละ 5% – 10% โดยสามารถยื่นขอส่วนลดในกับประกันทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 ประกันชั้น 2 หรือประกันชั้น 3
หากใครยังเห็นภาพไม่ชัดว่ากล้องบันทึกหน้ารถ มีข้อประโยชน์ในการใช้งานอย่างไรบ้าง และมีความจำเป็นขนาดไหน เราจะมาไล่เรียงให้ได้รู้กันทีละข้อเลย
แน่นอนว่าประโยชน์จากการใช้กล้องติดรถยนต์หน้าหลัง คงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของการบันทึกเหตุการณ์ ที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการพิสูจน์หลักฐานในการเคลมประกัน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการช่วยให้ขั้นตอนการพิสูจน์ความผิดนั้นง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยป้องกันมิจฉาชีพที่หวังเรียกค่าเสียหายได้ด้วย อย่างการกระโดดขวางหน้ารถเพื่อหวังเรียกเงิน
การมีกล้องติดหน้ารถ จะช่วยเพิ่มวินัยในการขับขี่บนท้องถนนได้อีกต่อหนึ่ง เพราะผู้ขับขี่จะมีความระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้นเองโดยอัตโนมัติ จากความกังวลที่มีกล้องคอยบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระหว่างใช้งาน
นอกจากประโยชน์ในการยื่นเคลมประกันแล้ว ค่าเบี้ยประกันที่ลดลง ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของคนมีกล้องบันทึกหน้ารถไว้ใช้งานเช่นกัน เพราะจะช่วยทำให้ขั้นตอนในการเคลมประกันนั้นง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มวินัยในการขับขี่อย่างที่บอกไป จึงทำให้มีส่วนลดจากการใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ในตัวรถนั่นเอง
เมื่อมีภาพถ่ายเหตุการณ์ในระหว่างขับขี่ตลอดเวลา จะช่วยทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งก่อน และหลังการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างชัดเจน จึงช่วยให้การเคลมประกันเป็นไปได้ง่ายขึ้นในขั้นตอนการพิสูจน์ถูกผิด ซึ่งช่วยให้การเคลมประกันมีระยะเวลาที่ลดลงกว่าเดิมมาก
หากรู้ถึงประโยชน์ในการใช้งานกล้องบันทึกหน้ารถกันไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าควรเลือกไว้ใช้งานอย่างไร มันมีกี่ประเภท เราจะมาแนะวิธีเลือกให้ทุกคนเอง
ความละเอียดของไฟล์ภาพวิดีโอ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการบันทึกเหตุการณ์ โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ที่ไฟส่องสว่างไม่ได้มีมากพอ จึงควรเลือกกล้องบันทึกหน้ารถ ที่มีความละเอียดไม่น้อยกว่า 1080P หรือ Full HD ขึ้นไปเท่านั้น
ความกว้างของมุมกล้อง ก็มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเก็บภาพบริเวณหน้าตัวรถให้เห็นอย่างครบถ้วน จึงควรเลือกกล้องที่มีมุมมองกว้างไม่น้อยกว่า 140 องศาขึ้นไปในการใช้งาน
หน่วยความจำ หรือเมมโมรี่การ์ด ยิ่งมีมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยบันทึกการใช้งานในการขับขี่ได้ยาวนานขึ้น ซึ่งอาจจะมีส่วนช่วยในบางสถานการณ์ ที่จำเป็นจะต้องใช้ภาพเหตุการณ์ย้อนหลังเป็นหลักฐานร่วมด้วย
กล้องติดหน้ารถจะมีทั้งแบบมีแบตเตอรี่ในตัว ที่จ่ายไฟให้ตัวเองในการบันทึกใช้งานได้ทันที และอีกแบบคือไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ที่จะมีคาปาซิเตอร์ไว้เก็บประจุไฟเหมือนแบตสำรอง และจะค่อย ๆ ปล่อยไฟออกมาเพื่อให้ตัวกล้องทำงานบันทึกภาพ และจะหยุดทำงานเมื่อเราดับเครื่องยนต์ จึงเป็นกล้องที่ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเสื่อม หรือแบตบวมจนเกิดประกายไฟ และทำให้รถไฟไหม้ได้
แม้ว่าการติดกล้องบันทึกหน้ารถ จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้จริงไม่ว่าจะเป็นประกันชั้นไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้นมา จะมีเพียงประกันชั้น 1 2+ และ 3+ เท่านั้นที่ออกค่าซ่อมให้กับคู่กรณี และสำหรับคนที่ยังแยกไม่ออกว่าประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ทำไมหลายคนมักเลือกทำแทนประกันชั้น 1 ลองเปรียบเทียบความแตกต่างกับทาง insurverse เราได้เลย
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง