vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
รวมวิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

รวมวิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

schedule
share

รู้กันหรือเปล่าว่า รถไม่ค่อยได้ขับ ก็มีความเสี่ยงที่พังไม่ต่างจากรถที่ใช้งานทุกวันเหมือนกัน หลายคนอาจจะคิดแค่ว่า รถที่ใช้งานเครื่องยนต์อย่างหนักหน่วงทุกวัน จะต้องเกิดการสึกหรอ และพังได้ง่ายกว่า นั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียว แต่สำหรับรถสายจอดก็มีความเสี่ยงที่จะพัง หรือใช้งานไม่ได้พอ ๆ กัน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี วันนี้เราจะพามาดูปัญหาที่มักพบได้บ่อยกับรถสายจอด พร้อมบอกวิธีดูแล และไขข้อสงสัยให้กับคนใช้รถที่ไม่ค่อยได้ขับ ว่าควรทำประกันชั้นดี  

รถไม่ค่อยได้ขับ มักเจอปัญหาเหล่านี้

รถไม่ค่อยได้ขับ มักเจอปัญหาเหล่านี้

สำหรับปัญหาที่พบได้บ่อยมากที่สุดในรถไม่ค่อยได้ขับ ก็คือปัญหาในเรื่องของเหลวที่ต้องระวังให้มากที่สุด เพราะอาจจะเกิดการเสื่อมสภาพ และอาจทำลายเครื่องยนต์เอาได้ ส่วนอื่น ๆ ที่รองลงมาจะเป็นในเรื่องของแบตเตอรี่ ลมยาง และระบบกรองอากาศของรถ ที่ต้องหมั่นตรวจเช็กกันเสียหน่อยเท่านั้น โดยจะแบ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากที่สุด ดังนี้ 

  • รถสตาร์ทไม่ติดจากแบตเตอรี่หมด
  • ระบบสายไฟเกิดความเสียหายจากหนูกัดแทะ
  • ของเหลวภายในเสื่อมสภาพ
  • ยางรถยนต์เกิดการรั่วซึม
  • เกิดริ้วรอยบนตัวรถจากเศษฝุ่นที่เกาะ

7 วิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ รถไม่ค่อยได้ใช้

7 วิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ รถไม่ค่อยได้ใช้

เมื่อเราเป็นนักขับสายจอด รถไม่ค่อยได้ขับไปไหนมากนัก การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถบ้างนาน ๆ ครั้ง เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างเด็ดขาด ส่วนวิธีในการดูแลนั้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด มีเพียงแค่ไม่กี่จุดที่ต้องหมั่นเช็กอยู่บ้าง เรามาดูกันดีกว่าว่าต้องไล่ดูตรงไหนบ้าง 

1. หมั่นสตาร์ทรถ

อาการที่พบได้บ่อยที่สุดสำหรับรถไม่ค่อยได้ขับ ก็คือสตาร์ทไม่ติด จึงจำเป็นอย่างมากที่ควรจะต้องสตาร์ทรถทิ้งไว้บ้าง 5 – 10 นาทีเป็นอย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้งก็พอ หากไม่ได้ใช้งานจริง ๆ ในสัปดาห์นั้น เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ รวมไปถึงน้ำมันเชื้อเพลิงที่อาจมีการระเหยของค่าออกเทนออกไป และเกิดสิ่งสกปรกขึ้นได้ง่าย 

2. ตรวจเช็กแบตเตอรี่

การหมั่นตรวจเช็กแบตเตอรี่รถไม่ค่อยได้ขับ เป็นอีกจุดที่เกี่ยวเนื่องกันกับอาการสตาร์ทไม่ติด ซึ่งโดยปกติแล้ว แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานราว 1.5 – 2 ปี หรืออาจจะแล้วแต่ชนิดของแบตเตอรี่ แต่การจอดทิ้งไว้นานโดยไม่สตาร์ทรถเลย จะยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วมากกว่าเดิม จากการคายประจุไฟฟ้าออกมาตลอดเวลาในช่วงที่ไม่ได้ขับ จึงควรถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหากไม่ได้ใช้งานจริง ๆ

3. ตรวจเช็กระบบของเหลว

อีกหนึ่งจุดสำคัญของรถไม่ค่อยได้ขับ ก็คือการตรวจเช็กของเหลวภายในทุกอย่างให้อยู่ในสภาพปกติพร้อมใช้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิง หรือแม้แต่น้ำหล่อเย็น และจุดอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ ล้วนเป็นจุดสำคัญที่หากดูแลไม่ดี ก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็นเอาได้ 

4. ล้างทำความสะอาดรถ

เรื่องที่ดูเล็ก ๆ สำหรับรถไม่ค่อยได้ขับ แต่เป็นอีกปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม คือการล้างทำความสะอาดรถ รวมไปถึงการดูดฝุ่นภายในให้สะอาด เพราะต้องไม่ลืมว่ากรองแอร์ และส่วนอื่น ๆ ภายในอาจจะเกิดการหมักหมม หรืออุดตันได้เหมือนกัน ซึ่งอาจจะทำพัดลมแอร์ หรือระบบการทำงานส่วนอื่น ๆ เกิดการชำรุดได้เช่นกัน 

5. ตรวจสอบลมยาง

ต้องไม่ลืมว่าลมยางนั้นมีการรั่วซึมอยู่ตลอดเวลา แม้จะเป็นรถไม่ค่อยได้ขับก็ตาม จึงไม่ควรปล่อยให้ลมยางรั่วจนแบนแล้วค่อยทำการเติม แต่ควรนำรถออกไปขับ และเติมลมยางเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ พร้อมกับการเช็กอาการรถไปในตัว หรือหากไม่มีเวลาจริง ๆ ก็ควรขับเดินหน้า หรือถอยหลังบ้างในบริเวณที่จอด เพื่อเปลี่ยนจุดกดทับไม่ให้ยางแบนเร็วกว่าเดิม 

6. ตรวจเช็กระบบสายไฟ

เพราะรถไม่ค่อยได้ขับ จะเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์นานาชนิด ๆ ไม่ว่าจะเป็นงู แมว หรือหนู ที่มักจะเข้ามากัดแทะสายไฟจนพัง จึงเป็นอีกจุดที่จะต้องตรวจเช็กเป็นประจำ ซึ่งแก้ได้ง่าย ๆ ก็คือการหมั่นสตาร์ทรถให้มีเสียงเครื่องยนต์บ้าง หรือนำออกไปขับบ้าง เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีสัตว์ตัวเล็ก ๆ มาวุ่นวายภายในห้องเครื่องอีกเลย 

7. เช็กประกันภัยรถ

จุดสุดท้ายที่อาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับรถไม่ค่อยได้ขับ แต่อย่าลืมว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะต้องนำรถออกไปใช้ การมีประกันภัยติดรถไว้ ก็ยังเป็นความอุ่นใจที่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้งานรถสักเท่าไหร่ ก็ยังสามารถทำประกันชั้น 2+ หรือประกันรถราคาถูกประเภทอื่นไว้เหมือนกัน เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อย่างน้อยเราก็ยังได้รับความคุ้มครอง โดยไม่ต้องเสียเงินจนกระเป๋าฉีก

รถไม่ค่อยได้ขับ ทําประกันชั้นไหนดีให้คุ้มค่า

รถไม่ค่อยได้ขับ ทําประกันชั้นไหนดีให้คุ้มค่า

รถไม่ค่อยได้ขับ ควรทำประกันชั้นไหนดีให้ได้รับความคุ้มครองอยู่บ้าง เมื่อต้องขับออกไปใช้งาน สามารถทำประกันชั้น 2+ ได้เลย เพราะมีความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ไม่ต่างจากประกันชั้น 1 แต่มีค่าเบี้ยประกันที่ถูกลง พร้อมทั้งยังได้รับความคุ้มครองในการชนแบบมีคู่กรณี รวมไปถึงการโดนโจรกรรม และรถไฟไหม้ร่วมด้วย แต่หากใครเป็นสายจอดยาว ๆ และต้องการความคุ้มครองแค่ในกรณีรถชนเพียงเท่านั้น ประกันชั้น 3+ ก็ตอบโจทย์ได้ดีเช่นกัน  

สรุปบทความ รวมวิธีดูแลรถไม่ค่อยได้ขับ ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

สำหรับใครที่มีรถไม่ค่อยได้ขับ หรือมีรถหลายคันไว้ใช้งาน จนบางครั้งก็ไม่ได้มีเวลามานั่งดูแล และคิดว่าการจอดทิ้งไว้ภายในบ้านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร น่าจะต้องเปลี่ยนความคิดกันอย่างด่วน ๆ เลย เพราะอย่างที่เราได้บอกกันไปแล้ว ว่าการจอดทิ้งไว้ก็มีโอกาสพังได้เหมือนกัน แถมวิธีในการดูแลตรวจเช็กก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ใครที่พอจะมีเวลาว่างอยู่บ้าง อย่าลืมออกไปตรวจดูสภาพรถตามที่เราแนะนำกันไป เพราะอย่างน้อย ๆ ก็จะเป็นการช่วยประหยัดเงินในการดูแลพอสมควร เมื่อเทียบกับการปล่อยให้รถพังแล้วต้องสไลด์ออกไปหาอู่ซ่อม

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)