ใครชอบขับรถเที่ยวหรืออยากเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ รู้ไหมว่าเดี๋ยวนี้เขามีใบขับขี่รถยนต์แบบสากลแล้วนะ ทำใบขับขี่ 1 ใบสามารถขับรถเดินทางท่องโลกได้มากกว่า 101 ประเทศกันเลยทีเดียว แต่ใครยังมีข้อสงสัยอยากทำแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง? เตรียมเอกสารอะไรบ้าง? เราจะพาไปดู พร้อมแนะนำช่องทางซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์หรือต่อประกันรถยนต์เพิ่มความปลอดภัยขั้นกว่าให้กับทุกการเดินทาง!
สาเหตุที่จำเป็นต้องมี เพราะใบขับขี่รถยนต์สากลเป็นเอกสารในการยืนยันตัวตนและเป็นเอกสารแสดงสิทธิ์ร่วมกับใบขับขี่จากประเทศบ้านเกิดว่าเราสามารถขับขี่ยานพาหนะที่กำหนดภายในประเทศนั้นๆ ได้อย่างถูกกฎหมาย ช่วยให้เวลาที่เราต้องการขับรถหรือเดินทางในต่างประเทศมีความสะดวกสบายมากขึ้นและพูดได้ว่าหากไม่มีใบขับขี่ต่างประเทศระหว่างขับรถหรือใช้รถ ใช้ถนน จัดเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายเช่นเดียวกันกับการไม่มีใบขับขี่ในบ้านเรานั่นเอง
แต่ขอบเขตการใช้งานขึ้นอยู่กับประเภทของใบขับขี่ด้วย ใบขับขี่สากลมีกี่แบบ? หลักๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
1. ต่อใบขับขี่รถยนต์สากลตามอนุสัญญาเจนีวา (1949) สามารถใช้งานได้ 101 ประเทศทั่วโลก แต่มีอายุเพียง 1 ปี
2. ต่อใบขับขี่รถยนต์สากลตามอนุสัญญาเวียนนา (1968) สามารถใช้งานได้ 86 ประเทศ อายุการใช้งานนาน 3 ปี
หรือกรณีเป็นประเทศเข้าร่วมภาคีอนุสัญญาทั้งของเวียนนาและเจนีวา สามารถใช้ใบขับขี่สากลอนุสัญญาเวียนนา (1968) เพียงฉบับเดียวได้ครอบคลุม 84 ประเทศ หนึ่งในนั้นรวมประเทศไทยอยู่ด้วย
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมกรณีต้องทำใบขับขี่รถยนต์สากลแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ 3 กรณี ดังนี้
1. หนังสือเดินทางฉบับจริง (ต้องยังไม่หมดอายุหากเช็คแล้วพบว่าใกล้หมดต้องต่อแบบด่วนๆ) พร้อมสำเนาหน้าที่มีประวัติส่วนตัวและที่มีการแก้ไขรายการรวมถึงเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอย่างละ 1 ฉบับ
2. บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง (ต้องยังไม่หมดอายุ)
3. ใบขับขี่ของไทยที่ยังไม่หมดอายุฉบับจริง พร้อมสำเนาเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ฉบับ
4. รูปถ่ายถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ไม่เคลือบมัน)
5. สำเนาหลักฐานแสดงการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลพร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
6. สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบหย่า พร้อมเซ็นสำเนาถูกต้อง (ถ้ามี)
1. หนังสือเดินทางและวีซ่าฉบับจริงพร้อมสำเนาเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
2. ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ผ่านการรับรองโดยสถานทูตหรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฉบับจริงหรือใบอนุญาตทำงาน แสดงรายละเอียดตามข้อกำหนดฉบับจริง พร้อมสำเนาถูกต้อง 1 ฉบับ
3. ใบขับขี่ไทยที่ยังไม่หมดอายุฉบับจริง พร้อมสำเนาเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 1 ฉบับ
หมายเหตุสำหรับใบขับขี่ไทย สามารถใช้ได้ครอบคลุมตั้งแต่ใบขับขี่ตลอดชีพ ใบขับขี่ 5 ปีไปจนถึงใบขับขี่ขนส่ง
มีเอกสารต้องเตรียมเพิ่มเติม นอกเหนือจากเอกสารทำใบขับขี่รถยนต์หลักข้างต้น ดังนี้
1. ใบมอบอำนาจฉบับจริง (ระบุประเทศที่จะเดินทาง) พร้อมติดอากรแสตมป์ 10 บาท
2. บัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจฉบับจริง พร้อมสำเนา
1. ทำใบขับขี่สากลเสียค่าธรรมเนียมหรือไม่? : เสียค่าธรรมเนียมจำนวน 505 บาท แบ่งเป็นค่าใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศหรือใบขับขี่สากล 500 บาทและค่าคำขอ 5 บาท
2. ทำใบขับขี่สากลที่ไหน? : กรุงเทพฯ สำนักงานขนส่งกรุงเทพฯ พื้นที่ 1-5 และนอกกรุงเทพฯ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ
3. ต้องมีประกันรถยนต์ออนไลน์ด้วยไหม? : ตามข้อกำหนดไม่ได้ระบุว่าต้องทำหรือต่อประกันรถยนต์ แต่หลายคนเลือกทำเพราะต้องการเพิ่มความปลอดภัยเวลาใช้รถ ใช้ถนน หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะได้มีคนคอยช่วย หากถามว่าควรทำหรือไม่? บอกเลยว่าควรอย่างยิ่ง ยิ่งต้องขับรถในต่างแดน ไม่คุ้นชินกับถนนหนทางยิ่งต้องมีประกันชั้น 1 ความคุ้มครองครอบคลุมสูงสุดไว้รับมือความเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนน!
ใบขับขี่รถยนต์สากลจัดเป็นตัวช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางขนานแท้ แต่จะดีกว่านั้นมากหากมีประกันไปด้วย เวลาเดินทางไปไหนมาไหนนอกจากจะไม่เสี่ยงทำผิดกฎหมายของประเทศนั้นๆ แล้วยังสบายใจไร้กังวลหากต้องเจอกับเหตุไม่คาดฝัน ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อม ค่าเสียหายต่างๆ ที่อาจสูงถึงหลักแสนด้วยตัวเองอีกต่อไป แต่จ่ายแค่หลักพันต่อปี ดีแบบนี้ต้องมีติดตัวเอาไว้ด่วนๆ หรือหากกังวลว่าค่าใช้จ่ายจะบานปลาย จ่ายเบี้ยไม่คุ้มหรือไม่รู้ว่าจะซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ที่ไหนดี? เลือกประกันชั้น 1 ราคาถูก คุ้มครองครอบคลุมของ insurverse หมดห่วงกันได้เลย ทั้งราคา ทั้งความครอบคลุมจัดให้แบบจุกๆ พร้อมให้คุณทำใบขับขี่ไปต่างประเทศได้อย่างสบายใจ เดินทางไปไหนก็ไม่ต้องกลัวเครซี่กับอุบัติเหตุไม่คาดฝันแน่นอน!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง