vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ค่าเบี้ยประกันภัย คืออะไร แตกต่างกับทุนประกันไหม

ค่าเบี้ยประกันภัย คืออะไร แตกต่างกับทุนประกันไหม

schedule
share

เมื่อนึกถึงการทำประกันภัยรถยนต์ หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะมีรายละเอียดยิบย่อยเต็มไปหมด แม้แต่คำว่าค่าเบี้ยประกันภัยด้วยเช่นกัน บางคนอาจจะยังแยกไม่ออกว่าต่างกันทุนประกันไหม และค่าเบี้ยประกัน ก็คือเงินที่ต้องจ่ายเพื่อทำประกันภัยรถยนต์เท่านั้นใช่หรือเปล่า insurverse เราจะมาอธิบายแบบเจาะลึกถึงคำ ๆ นี้ให้ทุกคนรู้กัน  

ค่าเบี้ยประกันภัย คืออะไร

ค่าเบี้ยประกันคืออะไร

ค่าเบี้ยประกันภัย คือ จำนวนเงินที่ผู้ทำประกันจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อรับความคุ้มครองจากแผนประกันภัยที่ซื้อ ซึ่งจะมีลักษณะการจ่ายเป็นสองแบบ คือ การจ่ายค่าเบี้ยประกันแบบรายปี (จ่ายครั้งเดียว) และกายจ่ายค่าเบี้ยประกันแบบเป็นงวด (ผ่อนชำระ) ซึ่งเกณฑ์ในการกำหนดราคาค่าเบี้ยประกัน จะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่บริษัทประกันภัยประเมินจากประวัติการขับขี่ อาชีพ อายุ และสุขภาพของผู้ทำประกัน  

เบี้ยประกันต่อปี คืออะไร

เบี้ยประกันภัยต่อปี คือ ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายเพื่อต่ออายุกรมธรรม์ในการรับความคุ้มครอง ซึ่งจะถูกลง หรือแพงขึ้น จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ใช้พิจารณา ไม่ว่าจะเป็น อายุของผู้ทำประกัน อายุของรถ ประวัติการเคลมประกัน การเลือกจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก และวงเงินคุ้มครองทั้งหมด เป็นต้น 

เบี้ยประกัน กับ ทุนประกัน ต่างกันอย่างไร

ให้จำไว้ง่าย ๆ เลยว่า ค่าเบี้ยประกัน คือเงินที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับความคุ้มครอง ส่วนทุนประกัน คือเงินสินไหมทดแทนเมื่อเกิดอุบัติทางรถยนต์ ซึ่งจะครอบคลุมในส่วนของค่าซ่อม ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยและเยียวยาส่วนต่าง ๆ 

4 ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์

4 ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าเบี้ยประกันรถยนต์

พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้ใช้รถหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า ทำไมค่าเบี้ยประกันของเราแพงขึ้น ทั้งที่บางทีก็ไม่มีการเคลมเลยในปีนั้น ซึ่งเรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของทางบริษัทประกันภัย ซึ่งโดยส่วนมากจะแบ่งเป็น 4 ปัจจัย ดังนี้ 

1. อายุของผู้ขับขี่

อายุของผู้ขับขี่ เป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณา ที่ทางบริษัทประกันภัยมองว่า อายุที่มากขึ้นของผู้ใช้รถ ย่อมส่งผลถึงสมรรถภาพทางกายที่ลดลง ทำให้หูตาไม่ไวเท่าเดิม และมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีการปรับค่าเบี้ยประกันให้สูงขึ้น 

2. ประวัติการขับขี่

โดยส่วนใหญ่แล้ว บริษัทประกันภัยจะให้ส่วนลดค่าเบี้ยประกัน ในกรณีที่ไม่มีการเคลมเลยในรอบปีนั้น และจะให้ส่วนลดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากปีต่อไปไม่มีการเคลมประกันด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากปีไหนเกิดเคลมประกันขึ้นมา ส่วนลดที่เคยได้รับ ก็จะถูกตัดทิ้งออกไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนตกใจว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ค่าเบี้ยประกันก็กลับมาสูงอีกครั้ง 

3. ประเภทรถ

อีกหนึ่งปัจจัยพิจารณา ที่ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มมากขึ้นก็คือประเภทรถ ด้วยเหตุผลที่ว่า หากรถรุ่นนั้นเริ่มมีอายุการใช้งานมานาน อะไหล่ต่าง ๆ เริ่มจะหายาก นั่นหมายถึงค่าอะไหล่ รวมไปถึงการซ่อมบำรุงก็จะแพงขึ้น เมื่อเกิดการเคลมประกันขึ้นมา จึงจำเป็นจะต้องปรับค่าเบี้ยประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 

4. พื้นที่ในการใช้รถ

ผู้ใช้รถหลายคนอาจไม่รู้ว่า พื้นที่หรือเส้นทางที่เราใช้รถอยู่ทุกวัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยพิจารณา ที่ทางบริษัทประกันภัยนำมาใช้ปรับค่าเบี้ยประกันด้วยเช่นกัน ถ้าหากเป็นรถที่ใช้งานอยู่ในกรุงเทพ ก็จะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้น เพราะความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมีมากกว่า เนื่องจากความหนาแน่นของรถบนท้องถนน แต่ถ้าหากเป็นเขตต่างจังหวัด ที่ไม่ได้มีการจราจรหนาแน่นมากนัก ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติก็จะน้อยมากกว่า จึงทำให้ค่าเบี้ยประกันถูกลงนั่นเอง 

เบี้ยประกันรถยนต์ ต้องจ่ายตอนไหน

ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ จะต้องจ่ายตอนที่เราเลือกแผนประกันเสร็จสิ้น เพื่อรับความคุ้มครองในทันที ซึ่งสามารถเลือกจ่ายได้ทั้งแบบเต็มจำนวน หรือจะผ่อนชำระเป็นรายงวดก็ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันภัยแต่ละเจ้า

เบี้ยประกันรถยนต์ จ่ายล่วงหน้าได้ไหม

เบี้ยประกันรถยนต์ สามารถจ่ายล่วงหน้าได้ และอาจจะได้รับส่วนลดเพิ่มมากขึ้นด้วยจากบริษัทประกันภัย ซึ่งโดยส่วนมาก ทางบริษัทประกันภัยจะมีการโทรมาแจ้งล่วงหน้าเป็นปกติ ว่าประกันของเราใกล้จะหมดอายุแล้วนะ จะทำการต่อเพื่อรับความคุ้มครองต่อเนื่องหรือไม่ 

เบี้ยประกันรถยนต์ จ่ายช้าได้กี่วัน 

หากเป็นการจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์เป็นรายงวด เมื่อถึงกำหนดวันที่ต้องชำระ จะมีระยะเวลาในการจ่ายให้ที่ไม่เกิน 30 วัน หากเกินกว่านี้ ความคุ้มครองจากกรมธรรม์จะถือว่าเป็นอันสิ้นสุดลงทันที 

อยากลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ให้ถูกลง ควรทำอย่างไร

ผู้ใช้รถน่าจะรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นกันไปแล้ว ทีนี้เรามาลองดูวิธีที่ช่วยลดค่าเบี้ยกันบ้างดีกว่า รู้กันหรือเปล่าว่า มีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้ค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายเพื่อทำประกันถูกลงด้วยนะ ซึ่งคร่าว ๆ จะมีดังนี้ 

  • ติดกล้องบันทึกเหตุการณ์ : การติดกล้องหน้ารถยนต์เพื่อบันทึกเหตุการณ์ จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันลงทันที 5 – 10% เพราะช่วยลดขั้นตอนในการพิสูจน์หลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ ทาง คปภ. จึงออกกฎบังคับให้กับทางบริษัทประกันภัยทุกเจ้ามอบส่วนลดให้กับรถทุกคันที่มีกล้องหน้ารถ 
  • ทำประกันแบบระบุผู้ขับขี่ : หากระบุผู้ขับขี่ในการทำประกันรถ ก็จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงเช่นกัน ซึ่งโดยส่วนมากจะระบุได้ไม่เกิน 2 คน และใช้เกณฑ์พิจารณาจากอายุร่วมด้วย
  • เลือกซ่อมอู่แทนซ่อมศูนย์ : เพราะการซ่อมศูนย์มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า หากเลือกซ่อมอู่ภายในเครือของบริษัทประกัน ก็จะช่วยให้ค่าเบี้ยประกันถูกลง โดยยังคงมีมาตรฐานในการซ่อมตามที่บริษัทประกันภัยดูแลอยู่ 
  • รักษาประวัติการเคลม : ถ้าประวัติการขับขี่ดีเยี่ยม ไม่เคยจะต้องเคลมประกันเลยในรอบปี ก็จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยลงโดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้รถขับขี่ด้วยความระมัดระวัง  

สรุปบทความ ค่าเบี้ยประกันภัย คืออะไร แตกต่างกับทุนประกันไหม

หวังว่าทุกคนจะหายสงสัยกันแล้วนะ ว่าค่าเบี้ยประกัน กับ ทุนประกัน คืออะไร และแตกต่างกันตรงไหนก่อนเลือกทำประกันรถ สำหรับคนที่อยากได้ค่าเบี้ยประกันรถถูกลงไปอีก การเลือกทำประกันรถยนต์โดยตรงกับ insurverse ที่อยู่ในเครือทิพยประกันภัย แบบไม่ผ่านนายหน้าใด ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำให้ได้ค่าเบี้ยประกันถูกลงเช่นกัน และที่สำคัญคือทำง่าย ว่างเมื่อไหร่ก็ซื้อได้ตลอด 24 ชม. อยากจะปรับแต่งประกันให้ตรงความต้องการแบบไหน ก็เลือกเองได้ทั้งหมด

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)