หนึ่งในอุปสรรคอันใหญ่หลวงของผู้ขับขี่ในช่วงหน้าฝนก็คือ การต้องขับรถลุยน้ำท่วม ซึ่งบางทีก็เลี่ยงไม่ได้เพราะน้ำดันท่วมเส้นทางที่จำเป็นต้องใช้สัญจร แล้วขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม? เครื่องยนต์จะดับกลางทางหรือเปล่า รถเสียขึ้นมากลางน้ำ ประกันรถยนต์จะช่วยได้ไหม? รถลุยน้ำมาควรทําอย่างไร? และถ้าต้องขับรถลุยน้ำ! เราจะทำยังไงให้ปลอดภัยที่สุด ใครที่กำลังสงสัยกับคำถามเหล่านี้ วันนี้ insurverse มีคำตอบมาฝากกัน เพื่อให้คุณเข้าใจถึงข้อปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำและเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เครื่องยนต์ไม่ดับกลางทาง จะมีอะไรบ้างนั้น มาเช็คกันเลย
ก่อนอื่นต้องบอกว่าในช่วงหน้าฝนหรือช่วงน้ำท่วมหนักๆ ประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่ควรทำเอาไว้มากที่สุด หากเกิดขับรถลุยน้ำท่วมเขาก็จะได้ช่วยคุ้มครองในกรณีรถยนต์เสียหายหรือหากรถต้องพบกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจากน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับกลางทาง ใช้การต่อไม่ได้ ประกันชั้น 1 ก็พร้อมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้คุณและให้ความช่วยเหลือคุณตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณเองก็ต้องเข้าใจข้อควรปฏิบัติการขับรถลุยน้ำท่วมในเบื้องต้นเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตัวรถยนต์และเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ให้เสียหายไปมากกว่าที่คาดคิด มาลองทำตามนี้วิธีเหล่านี้กันดู รับรองว่าจะปลอดภัยกว่าเดิมแน่นอน!
เมื่อรู้ว่าจะต้องขับรถลุยน้ำท่วม ให้คุณตรวจสอบระดับน้ำก่อนสัญจร หากระดับน้ำสูงกว่าครึ่งล้อ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น เพราะมีโอกาสสูงมากที่น้ำจะเข้ามาในระบบเครื่องยนต์และทำให้เกิดความเสียหายได้ ยิ่งถ้าไม่ทำประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้ก่อน คุณอาจจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมเองหลายสตางค์แน่ๆ
การขับรถลุยน้ำท่วมควรขับช้าๆ รักษาระดับความเร็วให้คงที่ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านทางที่มีน้ำขัง ไม่ควรเร่งเครื่องหรือหยุดรถกะทันหัน อาจทำให้น้ำเข้ามาในระบบไอดีและท่อไอเสีย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ทางที่ดีที่สุดขณะขับรถลุยน้ำท่วมควรใช้เกียร์ต่ำเอาไว้ด้วย จะทำให้ช่วยให้การขับรถช้าได้ดีขึ้น เครื่องยนต์ทำงานได้ต่อเนื่องไม่ดับกลางทางนั่นเอง
หากจำเป็นต้องหยุดรถหรือจอดรถ ควรเลือกจอดในจุดที่มีพื้นที่สูงหรือพื้นที่ไม่มีความสุ่มเสี่ยงที่น้ำจะท่วมถึง เพราะการจอดหรือหยุดรถในที่ที่มีน้ำท่วม จะทำให้น้ำเข้าไปตัวรถยนต์และสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าได้ง่าย
รถลุยน้ำมาควรทําอย่างไร? ข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำท่วมก็คือการตรวจเช็คระบบเบรกว่ามีความชื้นมากแค่ไหน เช็คระบบไฟฟ้าและน้ำมันเครื่องว่ามีสิ่งปกติหรือไม่? หากสีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที! ก่อนที่จะใช้รถยนต์อีกครั้ง เพราะถ้าไม่ดูแลเอาไว้ก่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ในภายหลังได้
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ผู้ขับขี่ควรวางแผนการเดินทางให้ดี เช็คข่าวสารก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ว่าบริเวณที่เราไปนั้นอาจจะต้องขับรถลุยน้ำท่วมหรือไม่? หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง! เพราะการขับรถแล้วต้องลุยน้ำเป็นสิ่งที่เราประเมินไม่ได้เลย ว่าจะเกิดความเสียหายต่อตัวเครื่องยนต์และความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน? ดังนั้นอะไรที่วางแผนป้องกันเอาไว้ได้ก็ทำไว้ก่อน อย่างเช่น การทำประกันรถยนต์เอาไว้ เดินทางไปที่ไหนก็อุ่นใจ เจอน้ำท่วมฉับพลันก็สบายใจ มีประกันคอยให้การดูแลและมอบความคุ้มครองอย่างครอบคลุม!
รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมท่องจำให้ขึ้นใจ การขับรถลุยน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะถ้าเกิดเครื่องดับกลางทางขึ้นมาละก็ งานยาวแน่ๆ ทางที่ดีทำประกันชั้น 1 กับ insurverse เอาไว้จะทำให้คุณอุ่นใจทุกสภาพการเดินทางได้แน่นอน เพราะไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน น้ำท่วมเข้าเครื่องยนต์หรือเกิดเหตุรถเสียขึ้นมากะทันหัน ประกันรถยนต์ของ insurverse ก็จะตรงเข้าดูแลคุณและชดเชยค่าเสียหายให้คุณทุกบาททุกสตางค์ มีประกันภัยรถยนต์เอาไว้ดีกว่าไม่มี ยิ่งในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกแบบไม่บันยะบันยังแบบนี้ด้วย ทำไว้เถอะชัวร์กว่า จะได้มีผู้ช่วยส่วนตัวเรื่องรถและความปลอดภัยของชีวิต เกิดอะไรก็ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง