มันต้องมีบ้างแหละช่วงหน้าฝน ที่เราต้องขับรถฝ่าสมรภูมิน้ำท่วม น้ำขัง ที่ทำเอาคนรักรถใจตกไปถึงตาตุ่ม แล้วกลัวรถแสนรักจะขิตไปซะก่อน แต่ถ้ารถคุณเคยเกือบหลับแต่กลับมาได้! เราควรเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังกันด่วน! พร้อมมาปลดล็อกข้อสงสัยว่าขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม? จะทำให้มั่นใจว่าการขับรถลุยน้ำท่วมเกินครึ่งล้อ รถแสนรักจะยังอยู่ดีไหม? ไม่ตุยไปซะก่อน ด้วยวิธีการเช็ค 5 ข้อนี้ที่ insurverse นำมาฝาก แต่ทางที่ดีแอบกระซิบไว้ว่าทำประกันรถยนต์ไว้ก่อนก็ดีนะ เพราะเขาช่วยคุ้มครองป้องกันรถเราในช่วงขับลุยน้ำท่วมได้ดีเลยแหละ รถเป็นอะไรขึ้นมาไม่ต้องนั่งเสียใจภายหลัง เพราะไม่อย่างนั้น ปล่อยเลยตามเลยรถอาจจะพัง แล้วยังจะต้องมาเสียตังค์ซ่อม (เอง) อีก!
สำหรับใครที่มีประกันรถยนต์แล้ว การเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังเกินครึ่งล้อด้วยตัวเองเบื้องต้น ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะหากปล่อยเอาไว้โดยไม่รู้ว่ารถยนต์มีความผิดปกติตรงไหนบ้าง? ก็อาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้รถครั้งต่อๆ ไปได้ ว่าแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้เรารู้ได้บ้างว่า รถของเรายังปกติอยู่หรือเปล่า? ขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม? จะได้ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ให้ปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงส่งซ่อม!
ประการแรกที่สำคัญของการเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังก็คือ การตรวจสอบเครื่องยนต์ให้ถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ไม่มีน้ำเข้ามาท่วมขังในระบบส่วนหลังเครื่องยนต์ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่มีน้ำเข้ามาในตัวเครื่องยนต์ แล้วไม่ได้ทำอะไร ปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาว อาจจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง ทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายจนต้องส่งซ่อมได้!
สิ่งสำคัญต่อมาของการเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังก็คือ การเช็คระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทุกส่วนยังทำงานได้ปกติ ไม่ว่าชิ้นส่วนไหนของรถยนต์ที่มีการใช้ไฟฟ้า ควรตรวจสอบให้มั่นใจว่ายังใช้งานได้ดี โดยเฉพาะไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟสัญญาณและไฟส่องสว่างภายในรถยนต์ เพราะการขับรถลุยน้ำท่วมขัง บางครั้งก็ส่งผลทำให้สายไฟต่างๆ ได้รับความเสียหายได้
ระบบเบรกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องตรวจเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังทันที! เพราะหากเบรกได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง แล้วไม่รีบดูแล แถมยังนำรถไปใช้งานต่ออีก แบบนี้ไม่ดีแน่ อาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ได้เลย ใครที่ไม่ได้ทำประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้ยิ่งอันตรายมาก!! ดังนั้นควรเช็คเบรกทุกครั้ง ด้วยการลองเหยียบเบรกดูว่า มีความสามารถในการหยุดรถได้ปกติหรือไม่ ถ้ายังทำงานปกติอยู่ ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม!
การตรวจเช็คระบบทรานสมิชชั่น เป็นการเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีน้ำเข้ามาในเกียร์โดยไม่ทันสังเกต เนื่องจากการการขับรถลุยน้ำท่วมเกินครึ่งล้อ ก็เหมือนกับการนำรถไปแช่น้ำ อาจจะทำให้น้ำไหลเข้ามายังบริเวณเกียร์และส่วนอื่นๆ ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบการสั่งการทรานสมิชชั่นได้!
ถ้าต้องการเดินทางผ่านน้ำก็ต้องใช้เรือ แต่ถ้าขับรถอยู่แล้วเจอน้ำท่วมทะลักมาแบบไม่รู้ตัว จะทำยังไง? การขับรถลุยน้ำท่วมขังก็จะทำให้เกิดผลร้ายต่อเครื่องยนต์ หนักเข้าอาจจะทำให้รถยนต์เสียจนใช้การไม่ได้เลย ทางที่ดีต้องเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังว่า ได้ทำประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้หรือยัง? โดยเฉพาะประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่จำเป็นต้องมีติดรถเอาไว้มากๆ เหมาะมากสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด หากต้องขับขี่บนเส้นทางที่มีสภาพถนนไม่ปกติ อย่างเช่น ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมขังหรือจากภัยธรรมชาติที่ส่งผลเสียต่อตัวรถยนต์แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องบอกเลยว่าคนทำประกันจะสบายใจและอุ่นใจกว่า ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันจนรถเสียขึ้นมา ประกันภัยรถจะคุ้มครองออกค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถให้คุณ แต่ถ้าไม่ได้ทำไว้ แน่นอนว่าต้องจัดการทุกค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเอง ซึ่งไม่คุ้มเอามากๆ
การเช็ครถหลังลุยน้ำท่วมขังเกินครึ่งล้อเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ สำหรับคนรักรถทั้งหลาย เพื่อการใช้งานรถยนต์ใช้ได้ยาวนานและเต็มไปด้วยความปลอดภัย ควรนำรถไปเช็คทันที หากมีปัญหาตรงไหน จะได้รีบรับการซ่อมแซมก่อนปัญหาบานปลายไปมากกว่าเดิม ยิ่งใครที่ยังไม่ได้ทำประกันในหน้าฝน ยิ่งต้องรีบตัดสินใจแล้วเลือกประกันรถยนต์ที่ใช่เอาไว้ ให้เพื่อนคู่ใจเคียงข้างทุกการขับขี่ด้วยเสมอ! ถ้าไม่รู้จะเลือกซื้อที่ไหนดี? ลองเข้ามาส่องประกันรถยนต์ออนไลน์ insurverse ที่ช่วย SAFE ทุกค่าใช้จ่ายจากรถยนต์ให้คุณได้ 100% หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไม่ว่าจากน้ำท่วม, รถเสียหรืออุบัติเหตุต่างๆ ประกันภัยรถยนต์ insurverse จะจัดการทุกขั้นตอนและชดเชยค่าเสียหายให้กับคุณเอง ให้เรื่องค่าใช้จ่ายจากการเปลี่ยนอะไหล่หรือส่งรถเข้าศูนย์ซ่อมเป็นหน้าที่ของ insurverse ได้เลย ทีนี้ก็ขับรถหน้าฝนได้อย่างอุ่นใจ! ไร้กังวล!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง