vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ปัญหาเกียร์หลุด เกียร์ค้าง เกิดจากอะไร

ปัญหาเกียร์หลุด เกียร์ค้าง เกิดจากอะไร

schedule
share

เกียร์หลุด เกียร์ค้าง หนึ่งในปัญหาชวนปวดที่มักเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และบางคนอาจจะจับสังเกตไม่ได้ด้วยซ้ำว่า อาการที่รถเราเป็นอยู่ตอนนี้หมายถึงระบบเกียร์มีปัญหา ถึงแม้ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับรถเก่าเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่รถใหม่ที่ใช้งานมาไม่กี่ปี ก็มีโอกาสเจอปัญหานี้ ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และต้องโทรเรียกประกันภัยรถยนต์ได้เช่นกัน วันนี้ insurverse เราเลยจะมาอธิบายถึงต้นตอของปัญหานี้ พร้อมวิธีแก้เกียร์ค้างให้ได้เข้าใจกัน 

ปัญหาเกียร์หลุด เกิดจากอะไร

เกียร์หลุด เกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ บูชคันเกียร์แตก คลัตช์เกิดการสึกหรอ น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเกียร์ค้างแตกต่างกันไป ดังนี้ 

  • บูชคันเกียร์แตก : เป็นหนึ่งในปัญหายอดนิยมที่ทำให้เข้าเกียร์ไม่ได้ เพราะบูชคันเกียร์มีหน้าที่รองรับการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งวัสดุที่ใช้มักจะเป็นพลาสติก จึงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยไม่ว่าจะเป็นรถค่ายไหน 
  • คลัตช์เกิดการสึกหรอ : หลายคนมักคิดว่าคลัตช์มีแต่ในรถเกียร์ธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วเกียร์ออโต้ก็มีคลัตช์ในการทำงานด้วยเหมือนกัน และอาการคลัตช์หมด หรือสึกหรอมาจากการใช้งาน ก็มีส่วนทำให้เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ด้วย 
  • น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ : อีกหนึ่งปัญหาที่คนใช้รถมักพลาด เพราะส่วนใหญ่อาจให้ความสำคัญแต่การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ซึ่งการลากใช้งานน้ำมันเกียร์เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจทำให้เกียร์พัง และเกิดอาการเกียร์หลุดด้วยเช่นกัน 

อาการเกียร์หลุด เป็นอย่างไร

อาการเกียร์หลุด เกียร์ค้าง เกิดขึ้นได้หลากหลายอาการ ไม่ว่าจะเป็นคันเกียร์แข็งที่ทำให้เข้าเกียร์ยาก หรือไม่ก็คันเกียร์ลื่นไปเลย ไม่ว่าจะเป็นไปเกียร์ไหนก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ และหนักหน่อยก็คืออาการเปลี่ยนเกียร์เอง ที่สร้างความอันตรายในการขับอย่างมาก 

สัญญาณเตือนที่ต้องระวังก่อนเกียร์ค้าง 

สัญญาณเตือนที่ต้องระวังก่อนเกียร์ค้าง 

เมื่อรู้กันไปแล้วว่า อาการเกียร์ค้าง เกียร์หลุด เกิดจากอะไร ทีนี้เรามาดูกันต่อว่า สัญญาณเตือนก่อนจะเกิดปัญหาเกียร์หลุด เกียร์ค้าง มีอะไรบ้างที่ควรสังเกตให้ดี เพราะหากไม่สนใจอะไรเลย และฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้เกิดความอันตรายในการขับเป็นอย่างมาก 

เกียร์เปลี่ยนช้า

สัญญาณเตือนแรกที่ผู้ใช้รถจำเป็นต้องสังเกต ก็คือการเข้าเกียร์ หากเข้าเกียร์แล้วระบบขับเคลื่อนไม่ได้ตอบสนองทันที อย่างเช่น เข้าเกียร์ D แล้วรถไม่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่อาจจะมีช่วงดีเลย์สัก 3 – 5 วินาที แบบนี้ก็เป็นอาการที่ต้องนำรถไปตรวจเช็กแล้ว ไม่ควรฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ แล้วไปลุ้นเอาว่าเกียร์จะมีปัญหาหนักขึ้นเมื่อไหร่ 

เกียร์กระชากระหว่างเปลี่ยน

อาการเกียร์กระชากระหว่างเปลี่ยน ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระวัง เพราะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเกียร์กำลังใกล้จะพัง และเป็นอาการของคลัตช์เกียร์หมดด้วย จึงทำให้รถเกิดการกระชากตัว และไม่ลื่นไหลในการเข้าเกียร์ 

เกียร์มีเสียงดังและมีกลิ่นไหม้

อีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่อันตรายอย่างมาก ก็คือ อาการเกียร์หอน หรือมีกลิ่นเหม็นไหม้เข้ามาในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากระบบเกียร์กับคลัตช์สึกหรอ หรืออาจเป็นเพราะน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพด้วย เกียร์จึงต้องทำงานหนักจนความร้อนพุ่งขึ้นสูง และส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมานั่นเอง 

เปลี่ยนเกียร์แล้วเร่งไม่ขึ้น

หากเปลี่ยนเกียร์แล้วเร่งไม่ขึ้น นี่ก็เป็นอีกสัญญาณเตือนที่อันตราย เพราะระบบเกียร์กำลังมีปัญหา ที่เกิดขึ้นได้หลากสาเหตุ ทั้งผ้าคลัตช์หมด น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ เฟืองเกียร์มีปัญหา และอื่น ๆ อีกมากมาย จนทำให้เกิดอาการเกียร์ค้าง   

วิธีแก้เกียร์ค้างเวลาอยู่ข้างนอก

วิธีแก้เกียร์ค้างเวลาอยู่ข้างนอก 

เบื้องต้น หากเกิดเหตุการณ์นี้ในระหว่างขับ ให้ทำการเปิดไฟผ่าหมากทันที แล้วค่อยเหยียบเบรกพร้อมกับดับเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้เกิดการส่งกำลังไปที่เกียร์ ก่อนจะประคองรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย และอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลองได้ ก็คือ เมื่อรถจอดนิ่งสนิทดีแล้ว ให้สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วลองเข้าเกียร์ใหม่ดูอีกครั้ง หากยังสามารถขับได้ตามปกติ ก็ให้นำรถไปตรวจเช็กโดยทันที แต่หากเข้าเกียร์แล้วไม่มีการตอบสนองใด ๆ ให้โทรเรียกช่างจะปลอดภัยที่สุด 

เกียร์หลุด ซ่อมแพงไหม

ค่าซ่อมเกียร์หลุดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และจะช่วงราคาตั้งแต่ 500 – 100,000 บาท หรืออาจจะมากกว่านั้น หากเป็นการเปลี่ยนเกียร์ยกชุดเป็นของใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่นิยมทำกัน และจะเปลี่ยนเป็นเกียร์มือสองเสียมากกว่า เพราะสามารถหาเกียร์สภาพดีได้ในราคาแค่หลักหมื่น แต่หากเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ก็จะซ่อมเพียงแค่หลักพันเท่านั้น

ดูแลเกียร์รถยนต์อย่างไรให้อยู่ได้นาน

ระบบเกียร์รถยนต์ เป็นอะไรที่ผู้ใช้รถไม่ต้องไปยุ่งด้วยมากอยู่แล้ว วิธีการดูแลรักษาให้ใช้งานได้นานจึงไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงทำตามนี้เท่านั้น 

  • ตรวจเช็กระยะสม่ำเสมอ : การนำรถเข้าไปตรวจเช็กระยะ เพื่อดูการทำงานของระบบเกียร์ ชิ้นส่วนภายใน คลัตช์ และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ เป็นหัวใจสำคัญในการยืดอายุการใช้งานเกียร์ให้นานขึ้น  
  • ขับขี่ด้วยความนุ่มนวล : พฤติกรรมการขับขี่แบบนุ่มนวล ไม่ออกตัวแบบกระชาก หรือเหยียบคันเร่งแบบคิกดาวน์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแลเกียร์ที่ดี ซึ่งจะช่วยให้เกียร์ไม่ต้องรับภาระหนักจากการใช้งานมากเกินไป 
  • ใช้เกียร์ N และเบรกมือให้เป็น : อีกหนึ่งข้อควรระวังที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง ก็คือ การเข้าเกียร์ N หรือเกียร์ว่างเมื่อจอดติดไฟแดงแทนเกียร์ P เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาในระหว่างจอดเกียร์ P ระบบเกียร์จะเกิดความเสียหายจนพังได้เลย รวมไปถึงการดึงเบรกมือบนทางลาดชันก่อนเข้าเกียร์ P ก็เป็นอีกวิธีในการถนอมเกียร์ให้อยู่ได้นานด้วยเหมือนกัน 

สรุปบทความ ปัญหาเกียร์หลุด เกียร์ค้าง เกิดจากอะไร

และทั้งหมดนี้ ก็คือข้อมูลปัญหาเกียร์ค้าง เกียร์หลุด พร้อมวิธีแก้เกียร์ค้าง ที่เรานำมาฝากให้กับผู้ใช้รถทุกคน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่ไม่ได้เจอบ่อย แต่รู้ไว้อย่างไรก็ดีกว่า เพราะจะได้รับมือกันถูกเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ และอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้การดูแลอย่างครอบคลุม พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน อุ่นใจได้ตลอดการเดินทาง หากไม่รู้จะทำประกันเจ้าไหน ต้องที่ insurverse เราเท่านั้น เพราะเราเป็นประกันออนไลน์เจ้าแรกในไทย ภายใต้เครือทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้ง (TIPH) ที่เปิดให้มีการปรับแต่งกรมธรรม์ได้อย่างอิสระ ตอบโจทย์คนใช้รถยุคใหม่เป็นที่สุด 

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)