การออกรถใหม่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่อยากจะเริ่มต้นสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต และอีกสาเหตุหนึ่งที่คนนิยมออกรถใหม่ เพราะระบบคมนาคมในประเทศไทยที่ไม่สะดวกต่อการเดินทางอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด การออกรถยนต์ส่วนตัวจึงถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
เพราะรถคันใหม่มาพร้อมกับความกังวลใจของผู้ขับขี่อยู่เสมอ กังวลว่าจะขับรถชน หรือเกิดความเสียหายจากสาเหตุต่าง ๆ ที่อยู่เหนือการควบคุมบนท้องถนน และการทำประกันรถยนต์จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระด้านการเงินให้กับผู้เอาประกันได้ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งซื้อรถคันแรก หรือมือใหม่หัดขับที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากกว่า ซึ่งคำว่ามือใหม่ที่หมายถึง ไม่ใช่เพียงความสามารถในการขับขี่เท่านั้น แต่ความชำนาญในเส้นทางก็มีส่วนเช่นกัน
รถที่มีอายุการใช้งานไม่เกินระยะนี้ ควรจะทำประกันชั้น 1 เพื่อความคุ้มครองแบบครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อรถยนต์ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้เอาประกันและคู่กรณี ซึ่งหากระยะเวลาผ่านไปและอายุการใช้งานของรถเริ่มมากขึ้นจนเกิน 5 ปีแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนเป็นประกันรถชั้น 2 หรือประกันรถชั้น 2+ ได้
รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมามากกว่า 5 ปี แต่ยังไม่เกิน 7 ปี ผู้ขับขี่มีความชำนาญมากขึ้น และเริ่มมีประสบการณ์ในการใช้งานรถพอสมควร แต่ถือเป็นรถที่ยังไม่เก่ามาก และระบบของตัวรถยนต์สามารถใช้งานได้ดีอยู่ ควรจะทำประกันชั้น 2 หรือ ประกันชั้น 2+ เพราะมีเบี้ยประกันที่ราคาถูกลง แต่ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมเท่ากับประกันชั้น 1
รถที่มีอายุการใช้งานมายาวนานกว่า 7 ปี ถือว่าเป็นรถเก่า ที่อาจจะมีการใช้งานอยู่ หรือใช้งานน้อยครั้งมาก ๆ เหมาะกับการทำประกันชั้น 3+ ซึ่งจะซ่อมรถทั้งของเราและคู่กรณีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชนกับรถคันอื่น แต่จะไม่คุ้มครองรถหาย หรือไฟไหม้
สำหรับรถเก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปี ที่อาจจะมีการใช้งานอยู่บ้าง หรือจอดทิ้งไว้ก็ตาม ประกันภัยที่เหมาะคือ ประกันชั้น 3+ หรือ ประกันชั้น 3 เนื่องจากไม่จำกัดอายุการใช้งานของรถ แต่ประกันชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองคู่กรณีเท่านั้น ไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถของเรา
เพราะการออกรถใหม่ป้ายแดงมีความเสี่ยงต่อความเสียหายกับตัวรถมาก ไม่ใช่แค่เหตุทางธรรมชาติต่าง ๆ แต่สิ่งที่ควรระวังคือการถูกโจรกรรม งัดรถ หรือสร้างร่องรอยความเสียหายให้กับตัวรถ ดังนั้น สำหรับการทำประกันภัยรถยนต์ ควรจะทำประกันชั้น 1 จึงจะครอบคลุมมากที่สุด ให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจ ขับรถอย่างปลอดภัยแต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าเสียหายจนต้องขับรถอย่างหวาดระแวง
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง