ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีรถยนต์ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็สะดวก หมดห่วงแม้เวลาฝนตกหรือแดดออก เพราะสามารถนั่งในรถตากแอร์เย็นฉ่ำได้อย่างสบายใจ นั่นจึงทำให้การมีรถยนต์กลายเป็นความฝันของใครหลายคน แต่สำหรับคนที่เคยติดแบล็คลิสอาจมีข้อสงสัยว่าแบล็คลิสเกิดจากอะไร ติดแบล็คลิสออกรถได้ไหม และต้องทำอย่างไรจึงสามารถออกรถได้ ใครที่กำลังคิดว่าตัวเองเข้าข่ายติดแบล็คลิสลองมาดูกันว่าสามารถถอยรถใหม่ได้หรือไม่
“แบล็คลิส” เชื่อว่าเป็นคำที่หลายคนได้ยินบ่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นบางคนกลับไม่แน่ใจว่าแล้วการติดแบล็คลิสคืออะไร ต้องอธิบายก่อนว่าโดยปกติเวลาที่เราขอสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถยนต์ รวมไปถึงการใช้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ทางสถาบันการเงินที่อนุมัติสินเชื่อเหล่านี้จะให้เซ็นเอกสารยินยอมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต เพื่อนำมาประกอบการอนุมัติขอสินเชื่อ ซึ่งการตรวจสอบเครดิตจะผ่านหน่วยงานที่มีชื่อว่า บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือที่คุ้นเคยกันในนาม เครดิตบูโร (National Credit Bureau) ซึ่งหน่วยงานนี้จะบันทึกรายละเอียดการขอสินเชื่อและพฤติกรรมการชำระหนี้ของผู้ขอเครดิตทุกคนเอาไว้
การถูกบันทึกข้อมูลดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการติดแบล็คลิส แต่ต้องบอกว่าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติหรือเครดิตบูโรไม่ได้มีส่วนในการให้ติดแบล็คลิสแต่อย่างใด แต่การติดแบล็คลิสคือการมีประวัติชำระล่าช้ากับสถาบันการเงินที่ยื่นขอสินเชื่อจึงทำให้การขอสินเชื่อในอนาคตไม่ผ่านการพิจารณา เนื่องจากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของสถาบันการเงินนั่นเอง
เมื่อทราบแบบนี้แล้วหลายคนมีคำถามต่อว่าแล้วต้องมีประวัติค้างชำระหรือชำระล่าช้ากี่เดือนจึงมีข้อมูลในเครดิตบูโร โดยทั่วไปประวัติจะถูกบันทึกเมื่อค้างชำระแล้วประมาณ 60 – 90 วัน ซึ่งเมื่อประวัติถูกบันทึกในอนาคตจะส่งผลให้สถาบันการเงินไม่พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถ สินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงการพิจารณาการอนุมัติออกบัตรเครดิต
มาถึงคำถามที่หลายคนสงสัยว่าติดแบล็คลิสออกรถได้ไหม ต้องบอกว่าแม้จะเคยติดแบล็คลิสแต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถออกรถได้ วิธีง่าย ๆ คือต้องกลับมาชำระหนี้ให้เป็นปกติ โดยข้อมูลเครดิตบูโรจะถูกบันทึกย้อนหลังเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งหากกลับมาชำระหนี้ได้ตรงเวลาในระยะเวลา 3 ปี หรือ 36 เดือน ประวัติการชำระหนี้จะกลับมาใสสะอาดอีกครั้ง
และสำหรับคนที่ยังติดแบล็คลิสอยู่สามารถออกรถได้หรือไม่? คำตอบคือสามารถออกรถได้เช่นกันเพียงแต่ทางบริษัทสินเชื่อจะแนะนำให้กู้สินเชื่อร่วมกับวิธีอื่น ๆ ที่จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อรถง่ายขึ้น
ปกติเวลาซื้อรถจำเป็นต้องจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ก้อนแรกอยู่ที่ประมาณ 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ แต่หากเคยมีประวัติชำระหนี้ล่าช้า สถาบันการเงินหรือบริษัทรถยนต์ที่ซื้อจะแนะนำให้จ่ายเงินดาวน์สูงขึ้น โดยจะให้วางเงินดาวน์อยู่ที่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ นั่นเพราะจะทำให้ยอดการขอสินเชื่อน้อยลง สถาบันการเงินหรือบริษัทรถจะแบกรับความเสี่ยงน้อยลงด้วย ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายเงินดาวน์สูงขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อดีกับคนซื้อรถเพราะการผ่อนรายเดือนก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน แต่ละเดือนจึงแบกรับค่าใช้จ่ายน้อยลง
เมื่อผู้ซื้อรถมีประวัติการชำระเงินล่าช้าจนติดแบล็คลิสจากสถาบันการเงิน การขอสินเชื่อรถให้ง่ายขึ้นจึงต้องมีคนค้ำประกันเพื่อการันตีว่าหากวันหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ อย่างน้อยคนที่ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายหนี้สินที่เหลือให้เอง การทำแบบนี้จะทำให้การขอสินเชื่อรถอนุมัติง่ายขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าใครก็สามารถค้ำประกันได้ เพราะบุคคลที่ค้ำประกันต้องเป็นคนที่มีประวัติการชำระหนี้สินดี ไม่ติดแบล็คลิส และต้องมีแหล่งรายได้แน่นอน
อีกหนึ่งวิธีช่วยให้การออกรถง่ายขึ้น นั่นคือการแสดงหลักฐานความมั่นคงทางการเงิน โดยหลักฐานที่ใช้คือเอกสารแสดงที่มารายได้ย้อนหลัง 6 เดือน รวมถึงรายการเดินบัญชี เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ หากรายได้สูงกว่าค่างวดรถที่ต้องผ่อนชำระมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้รับอนุมัติก็สูงมากขึ้นเท่านั้น เพราะถือว่ามีรายได้มากพอในการชำระค่างวดรถนั่นเอง ใครมีคำถามว่าติดแบล็คลิสออกรถได้ไหม อยากออกรถแต่ยังติดแบล็คลิสต้องทำอย่างไร? แนะนำให้ปรึกษาสถาบันการเงินหรือลองทำตามวิธีเหล่านี้ รับรองว่าจะมีโอกาสเป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้ง่ายขึ้น
เชื่อว่าหลายคนน่าจะหายสงสัยว่าติดแบล็คลิสออกรถได้ไหม คำตอบที่ได้คือสามารถออกรถได้ เพียงแต่ต้องเพิ่มเงินดาวน์หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้อนุมัติสินเชื่อกำหนด โดยประเภทรถที่สามารถออกได้คือรถมือสอง เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้อนุมัติสินเชื่อจะอนุมัติรถใหม่ป้ายแดงยากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ดี เพราะรถมือสองสภาพนางฟ้าก็มีอยู่เยอะ รถบางรุ่นหากซื้อมือสองยังประหยัดไปได้หลักแสน ใครที่ติดแบล็คลิสและกำลังมองหารถคันใหม่ บอกเลยว่ารถมือสองเป็นทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว และที่สำคัญอย่าลืมเลือกประกันรถยนต์ที่คุ้มค่ากับงบประมาณด้วยนะคะ อย่างเช่น ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ insurverse มีเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 8,800 บาท ก็สามารถคุ้มครองรถของคุณได้อย่างมั่นใจแล้ว ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นรถยนต์ และปีที่จดทะเบียน เลือกปรับลดเบี้ยประกันตามงบเองได้ด้วย ประหยัดขึ้นได้อีก! แถมเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ออนไลน์ง่ายๆด้วยตัวเองได้
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง