รถคันเร่งค้าง ปัญหาสุดอันตรายที่ต้องระวังในการขับขี่ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ อย่างที่ผู้ใช้รถหลายคนน่าจะเคยเห็นกันตามหน้าสื่อต่าง ๆ เดี๋ยววันนี้ insurverse จะพาไปดูถึงต้นตอของปัญหา พร้อมเจาะลึกกันถึงสาเหตุ และแนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้อย่างปลอดภัย จะได้ไม่ต้องเกิดการสูญเสีย หรือเรียกเคลมประกันภัยรถยนต์โดยไม่จำเป็น เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ควรรู้
อาการคันเร่งค้างอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากความผิดพลาดของผู้ใช้รถเอง หรืออาจเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวรถ ซึ่งแต่ละสาเหตุจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป เราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
การวางรองเท้าไว้ใกล้กับแป้นคันเร่งมากเกินไป เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยของปัญหาคันเร่งค้าง โดยเฉพาะผู้ใช้รถที่ถอดรองเท้าออกระหว่างขับรถ หรือผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ส้นรองเท้าอาจไปขัดกับแป้นคันเร่งได้ เลยทำให้คันเร่งค้างโดยไม่ตั้งใจ จึงควรวางรองเท้าให้ชิดมาที่ด้านหน้าคนนั่ง หรืออาจจะไว้ด้านข้างคนขับเลยจะดีที่สุด ในกรณีที่ไม่ได้มีคนนั่งข้างระหว่างขับ
อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหารถคันเร่งค้างได้ คือ การใช้พรมปูพื้นรถที่หนาเกินไป หรือวางซ้อนกันหลายชั้น พรมที่หนาหรือเลื่อนได้ง่าย อาจเคลื่อนตัวไปกดทับแป้นคันเร่ง ทำให้คันเร่งค้างโดยที่ผู้ใช้รถไม่ทันรู้ตัว จึงควรเลือกใช้พรมที่มีความหนาพอดี หรือเป็นพรมเข้ารูปที่ตรงกับรุ่นรถที่ใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหานี้ไปได้มากเช่นกัน
นอกจากสาเหตุที่เกิดจากผู้ใช้รถแล้ว ปัญหาคันเร่งค้างอาจเกิดจากความผิดปกติของตัวรถเองได้ด้วย โดยเฉพาะสายแต่งรถ ที่มักนำรถไปติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพราะเชื่อว่าทำให้รถออกตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผลเสียที่ตามมา อาจทำให้เกิดอาการรถคันเร่งค้างจากปัญหากล่องรวน จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงจนเกิดการสูญเสียได้ จึงไม่ควรติดกล่องปรับจูนใด ๆ เข้ากับตัวรถ และควรใช้รถที่ได้มาตรฐานจากโรงงานเดิม ๆ จะดีที่สุด
เมื่อรู้กันไปแล้วว่า ปัญหารถคันเร่งค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง สิ่งต่อมาที่ผู้ใช้รถควรรู้ ก็คือ วิธีในการรับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างปลอดภัย มาดูกันดีกว่าว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อพบว่ารถคันเร่งค้าง คือ การตั้งสติให้มั่น พยายามควบคุมอารมณ์ให้ไม่ตื่นตกใจ มองตรงไปข้างหน้า และควบคุมรถให้อยู่ในเลนของตัวเอง เพื่อป้องกันการเฉี่ยวชนจากรถที่อยู่ในเลนอื่น จนอาจเกิดการพลิกคว่ำ หรือการสูญเสียที่มากกว่าเดิม
หลังจากตั้งสติได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง (N) ทันที สำหรับรถเกียร์ออโต้ สามารถผลักคันเกียร์จาก D ไป N ได้โดยตรงโดยไม่ต้องกดปุ่ม ส่วนรถเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัตช์แล้วเข้าเกียร์ว่าง เพราะการทำแบบนี้จะช่วยตัดกำลังจากเครื่องยนต์ที่ส่งไปยังล้อ และทำให้รถไม่เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจากอาการคันเร่งค้าง
เมื่อผู้ใช้รถสามารถควบคุมความเร็วได้แล้ว ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อเตือนรถคันอื่น ๆ ที่กำลังขับตามมาให้ระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และเป็นการขอทางไปในตัวเพื่อนนำรถเข้าจอดข้างทางอย่างปลอดภัย
ขั้นตอนสุดท้าย คือ การค่อย ๆ แตะเบรกเป็นจังหวะเพื่อลดความเร็วลง ถ้าเป็นรถที่มีระบบเบรก ABS ให้เหยียบเบรกค้างไว้เลย พร้อมกับประคองพวงมาลัยเพื่อนำรถเข้าไหล่ทาง หรือจุดจอดที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และเมื่อรถหยุดสนิทแล้ว ให้ดับเครื่องยนต์ทันที (สำหรับรถที่ใช้ปุ่ม Push Start ให้กดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที) จากนั้นโทรขอความช่วยเหลือจากช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์บริการจะดีที่สุด
นอกจากวิธีรับมือรถคันเร่งค้างแล้ว ทีนี้เราจะพามาดูกันต่อว่า มีอะไรบ้างที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ในขณะที่ขับอยู่
แม้ว่าปัญหารถคันเร่งค้าง จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ผู้ใช้รถหลายคนมองข้าม และคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ หากเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มักจะลงเอยด้วยอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าที่คิดเสมอ จึงควรระมัดระวังทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถออกเดินทาง รวมไปถึงการตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองแบบครบ ๆ จาก insurverse ที่มีเบี้ยประกันแบบคุ้มค่า และตอบโจทย์คนมีรถมากที่สุด เพราะเปิดให้ปรับแต่งกรมธรรม์ได้ตรงความต้องการมากกว่าที่ไหน เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้เลยตอนนี้ ที่นี่ คิดถึงการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ ต้องที่ insurverse เท่านั้น
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง