vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
อาการคันเร่งค้าง เกิดจากอะไร ต้องรับมือแบบไหน

อาการคันเร่งค้าง เกิดจากอะไร ต้องรับมือแบบไหน

schedule
share

รถคันเร่งค้าง ปัญหาสุดอันตรายที่ต้องระวังในการขับขี่ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้ อย่างที่ผู้ใช้รถหลายคนน่าจะเคยเห็นกันตามหน้าสื่อต่าง ๆ เดี๋ยววันนี้ insurverse จะพาไปดูถึงต้นตอของปัญหา พร้อมเจาะลึกกันถึงสาเหตุ และแนวทางการรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้อย่างปลอดภัย จะได้ไม่ต้องเกิดการสูญเสีย หรือเรียกเคลมประกันภัยรถยนต์โดยไม่จำเป็น เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่ควรรู้  

คันเร่งค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง

คันเร่งค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการคันเร่งค้างอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากความผิดพลาดของผู้ใช้รถเอง หรืออาจเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวรถ ซึ่งแต่ละสาเหตุจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป เราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

วางรองเท้าใกล้แป้นคันเร่ง

การวางรองเท้าไว้ใกล้กับแป้นคันเร่งมากเกินไป เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยของปัญหาคันเร่งค้าง โดยเฉพาะผู้ใช้รถที่ถอดรองเท้าออกระหว่างขับรถ หรือผู้หญิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ส้นรองเท้าอาจไปขัดกับแป้นคันเร่งได้ เลยทำให้คันเร่งค้างโดยไม่ตั้งใจ จึงควรวางรองเท้าให้ชิดมาที่ด้านหน้าคนนั่ง หรืออาจจะไว้ด้านข้างคนขับเลยจะดีที่สุด ในกรณีที่ไม่ได้มีคนนั่งข้างระหว่างขับ 

พรมปูพื้นรถหนาเกินไป

อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหารถคันเร่งค้างได้ คือ การใช้พรมปูพื้นรถที่หนาเกินไป หรือวางซ้อนกันหลายชั้น พรมที่หนาหรือเลื่อนได้ง่าย อาจเคลื่อนตัวไปกดทับแป้นคันเร่ง ทำให้คันเร่งค้างโดยที่ผู้ใช้รถไม่ทันรู้ตัว จึงควรเลือกใช้พรมที่มีความหนาพอดี หรือเป็นพรมเข้ารูปที่ตรงกับรุ่นรถที่ใช้ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหานี้ไปได้มากเช่นกัน  

ปัญหาจากตัวรถ

นอกจากสาเหตุที่เกิดจากผู้ใช้รถแล้ว ปัญหาคันเร่งค้างอาจเกิดจากความผิดปกติของตัวรถเองได้ด้วย โดยเฉพาะสายแต่งรถ ที่มักนำรถไปติดกล่องคันเร่งไฟฟ้า เพราะเชื่อว่าทำให้รถออกตัวเร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผลเสียที่ตามมา อาจทำให้เกิดอาการรถคันเร่งค้างจากปัญหากล่องรวน จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงจนเกิดการสูญเสียได้ จึงไม่ควรติดกล่องปรับจูนใด ๆ เข้ากับตัวรถ และควรใช้รถที่ได้มาตรฐานจากโรงงานเดิม ๆ จะดีที่สุด

รถคันเร่งค้าง ควรทำยังไง

เมื่อรู้กันไปแล้วว่า ปัญหารถคันเร่งค้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง สิ่งต่อมาที่ผู้ใช้รถควรรู้ ก็คือ วิธีในการรับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างปลอดภัย มาดูกันดีกว่าว่าต้องทำอย่างไรบ้าง 

1. ตั้งสติเพื่อควบคุมรถ

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อพบว่ารถคันเร่งค้าง คือ การตั้งสติให้มั่น พยายามควบคุมอารมณ์ให้ไม่ตื่นตกใจ มองตรงไปข้างหน้า และควบคุมรถให้อยู่ในเลนของตัวเอง เพื่อป้องกันการเฉี่ยวชนจากรถที่อยู่ในเลนอื่น จนอาจเกิดการพลิกคว่ำ หรือการสูญเสียที่มากกว่าเดิม 

2. เข้าเกียร์ว่าง

หลังจากตั้งสติได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป ก็คือ การเปลี่ยนเกียร์ไปที่ตำแหน่งเกียร์ว่าง (N) ทันที สำหรับรถเกียร์ออโต้ สามารถผลักคันเกียร์จาก D ไป N ได้โดยตรงโดยไม่ต้องกดปุ่ม ส่วนรถเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัตช์แล้วเข้าเกียร์ว่าง เพราะการทำแบบนี้จะช่วยตัดกำลังจากเครื่องยนต์ที่ส่งไปยังล้อ และทำให้รถไม่เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจากอาการคันเร่งค้าง

3. เปิดไฟฉุกเฉินขอทาง

เมื่อผู้ใช้รถสามารถควบคุมความเร็วได้แล้ว ให้เปิดไฟฉุกเฉินทันทีเพื่อเตือนรถคันอื่น ๆ ที่กำลังขับตามมาให้ระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และเป็นการขอทางไปในตัวเพื่อนนำรถเข้าจอดข้างทางอย่างปลอดภัย 

4. เบรกและประคองรถเข้าข้างทาง

ขั้นตอนสุดท้าย คือ การค่อย ๆ แตะเบรกเป็นจังหวะเพื่อลดความเร็วลง ถ้าเป็นรถที่มีระบบเบรก ABS ให้เหยียบเบรกค้างไว้เลย พร้อมกับประคองพวงมาลัยเพื่อนำรถเข้าไหล่ทาง หรือจุดจอดที่ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และเมื่อรถหยุดสนิทแล้ว ให้ดับเครื่องยนต์ทันที (สำหรับรถที่ใช้ปุ่ม Push Start ให้กดปุ่มค้างไว้ 3 วินาที) จากนั้นโทรขอความช่วยเหลือจากช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์บริการจะดีที่สุด 

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อรถคันเร่งค้าง 

นอกจากวิธีรับมือรถคันเร่งค้างแล้ว ทีนี้เราจะพามาดูกันต่อว่า มีอะไรบ้างที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ในขณะที่ขับอยู่ 

  • ห้ามดับเครื่องยนต์ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ เพราะจะทำให้พวงมาลัย และระบบเบรกทำงานหนักขึ้น จนควบคุมรถได้ยากกว่าเดิม
  • ห้ามดึงเบรกมือขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูง เพราะอาจทำให้รถเสียหลัก และพลิกคว่ำได้
  • ห้ามพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองขณะรถกำลังเคลื่อนที่ เช่น ก้มลงดึงพรม หรือหยิบของที่ตกใต้แป้นคันเร่ง เพราะจะทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ไม่ถนัด และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นกว่าเดิม 
  • ไม่ควรเข้าเกียร์ P (จอด) ขณะรถยังเคลื่อนที่ เพราะอาจทำให้ระบบเกียร์เสียหายได้ 

สรุปบทความ  อาการคันเร่งค้าง เกิดจากอะไร ต้องรับมือแบบไหน

แม้ว่าปัญหารถคันเร่งค้าง จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ผู้ใช้รถหลายคนมองข้าม และคิดว่าคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ หากเกิดขึ้นมาแล้ว ก็มักจะลงเอยด้วยอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าที่คิดเสมอ จึงควรระมัดระวังทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถออกเดินทาง รวมไปถึงการตรวจเช็กสภาพรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองแบบครบ ๆ จาก insurverse ที่มีเบี้ยประกันแบบคุ้มค่า และตอบโจทย์คนมีรถมากที่สุด เพราะเปิดให้ปรับแต่งกรมธรรม์ได้ตรงความต้องการมากกว่าที่ไหน เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้เลยตอนนี้ ที่นี่ คิดถึงการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ ต้องที่ insurverse เท่านั้น 

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)