• บทความ
• keyboard_arrow_right
• ประกันรถยนต์

ความแตกต่างของประกันรถยนต์ แต่ละชั้น เคลมแบบไหนได้บ้าง

เมื่อเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขับขี่หรือรถคู่ใจเกิดความเสียหายขึ้นมา สิ่งแรกที่คุณนึกถึงคือออะไร? เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเกิดความสับสนและกังวลใจว่าควรจะทำอย่างไรก่อนดี และแน่นอนว่าสิ่งที่มักจะนึกถึงคือ ประกันภัยรถยนต์ที่ได้เคยทำไว้นั่นเอง แล้วประกันรถยนต์จะช่วยอะไรเราได้บ้าง? ไปดูกัน

การเคลมประกันรถยนต์คืออะไร

เมื่อรถที่ใช้อยู่ทุกวันได้รับความเสียหาย ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือภัยใด ๆ ก็ตาม เราจะมักจะร้อนใจเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ซึ่งการเคลมประกันก็คือการนำรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายเข้าไปซ่อมไม่ว่าจะเป็นศูนย์ซ่อมหรืออู่ซ่อมโดยอยู่ในวงเงินของเบี้ยประกันที่ได้ทำไว้

แต่สิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือ เงื่อนไขต่าง ๆ ของหลักการเคลมประกันนั่นเอง เนื่องจากประกันแต่ละประเภทมีเงื่อนไขการคุ้มครองที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะทำการเคลมประกัน ควรจะต้องศึกษาเงื่อนไขหรือกรณีที่สามารถเคลมได้ของประกันแต่ละประเภทให้ถี่ถ้วนด้วย

ความแตกต่างของการเคลมประกันรถยนต์แต่ละชั้น

ก่อนที่จะเลือกซื้อประกันรถยนต์ สิ่งสำคัญคือเราควรจะศึกษาข้อมูล และเงื่อนไขการเคลมของประกันแต่ละประเภทก่อน วันนี้เรามีสรุปการเคลมประกันในแต่ละชั้น เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพได้ง่ายปละตัดสินใจได้ดีขึ้น

• ประกันชั้น 1 : สามารถเคลมได้ทั้งคัน ทั้งกรณีที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี แต่ต้องเป็นความเสียหายที่มาจากอุบัติเหตุ รถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติเท่านั้น ไม่รวมถึงการเสื่อมสภาพของตัวเครื่องจากการใช้งาน ที่สำคัญคือสามารถเคลมได้ไม่จำกัด แต่อย่าลืมว่ายิ่งเคลมเยอะ เบี้ยประกันในปีต่อไปก็จะสูงขึ้นเช่นกัน มีกรณียกเว้นการเคลมประกัน ได้แก่ เมาแล้วชับ ใช้รถในทางผิดกฎหมาย แข่งขันความเร็ว เป็นต้น
• ประกันชั้น 2 : ไม่สามารถเคลมประกันได้ เพราะคุ้มครองแบบซ่อมรถของคู่กรณี
• ประกันชั้น 2+ : ผู้ขับขี่สามารถเคลมประกันได้ เมื่อเกิดเหตุรถชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น หากเป็นกรณีที่เกิดจากความประมาท เช่น ชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือฟุตบาท จะไม่สามารถเคลมประกันได้
• ประกันชั้น 3 : ด้วยเงื่อนไขที่คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกและผู้โดยสารเท่านั้น จึงไม่สามารถเคลมประกันรถได้
• ประกันชั้น 3+ : สามารถเคลมค่าประกันซ่อมรถได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบรถชนกันเท่านั้น และจะไม่สามารถเคลมประกันได้ในกรณีภัยธรรมชาติ การโจรกรรม หรือกรณีที่ไม่มีคู่กรณีนั่นเอง

สรุป

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกันรถยนต์อย่าลืมอ่านรายละเอียด เงื่อนไขของประกันแต่ละประเภทอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่าลืมเลือกประกันรถยนต์ที่ถูกใจเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของคุณ