vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
รวมสัญญาณเตือนอันตรายจากการขับรถตกหลุม

รวมสัญญาณเตือนอันตรายจากการขับรถตกหลุม

schedule
share

ปัญหาขับรถตกหลุม เป็นสิ่งที่คนใช้รถส่วนใหญ่ต้องเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถนนหลายเส้นมักมีผิวการจราจรที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการแอบบรรทุกเกินน้ำ ฝนตกลงมา หรือแม้แต่การก่อสร้างที่ทำลายผิวถนน จึงทำให้รถตกหลุมแรงมากเมื่อขับผ่านถนนพวกนี้ ใครที่กลัวว่ารถจะพัง และไม่รู้ว่าจะเคลมประกันภัยรถยนต์ได้หรือเปล่า วันนี้ insurverse จะคลายข้อสงสัยนี้ให้เอง 

ขับรถตกหลุม อันตรายแค่ไหน ทำไมต้องระวัง

การขับรถตกหลุมแรงมาก อาจส่งผลให้ช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยวเกิดความเสียหายโดยตรง ซึ่งจะทำให้เกิดความอันตรายอย่างมากในการใช้รถ เพราะช่วงล่างที่เสียหาย จะทำให้รถไม่สามารถยึดเกาะถนนได้ดีดังเดิม รวมไปถึงระบบบังคับเลี้ยว ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมทิศทางด้วยเช่นกัน 

สัญณาณเตือนที่ควรจอดเมื่อขับรถตกหลุมแรงมาก

สัญณาณเตือนที่ควรจอดเมื่อขับรถตกหลุมแรงมาก

ผู้ใช้รถหลายคน อาจเคยขับรถตกหลุมแรงมาก แต่ไม่เคยสังเกตสัญญาณเตือนจากตัวรถเลย คิดแค่ว่าขับต่อไปได้ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถอาจจะกำลังส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยตั้งใจสังเกตมันเลย มาลองดูกันดีกว่า ว่ามีสัญญาณเตือนอะไรบ้างที่อันตรายจากการขับรถตกหลุม และไม่ควรปล่อยผ่านไป 

  • พวงมาลัยสั่น : หากรถตกหลุมแรงมาก พวงมาลัยสั่น จะเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อย ซึ่งโดยมากมักเกิดจากอาการล้อดุ้ง หรือยางเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง 
  • รถมีอาการเอียง : ถ้ารถมีอาการเอียงเมื่อปล่อยพวงมาลัย หรือพยายามบังคับให้ตรงแล้วก็ตาม นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของศูนย์ถ่วงล้อ ที่เกิดจากการขับรถตกหลุมด้วยเช่นกัน
  • มีเสียงเล็ดลอดเข้ามา : เสียงหอนที่เกิดจากช่วงล่าง มักเกิดจากลูกปืนล้อแตก ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการยอดนิยมของช่วงล่างพัง ซึ่งแน่นอนว่าการขับรถตกหลุมแรงมาก ก็เป็นสาเหตุของอาการนี้ 
  • รถสั่นสะเทือนมากกว่าปกติ : ถ้ารถมีอาการสั่นเป็นเจ้าเข้าในขณะที่ขับผ่านพื้นผิวที่ขรุขระ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนว่าระบบช่วงล่างนั้นเสียหายหนัก และต้องนำไปตรวจเช็กโดยด่วน 

ขับรถตกหลุมแรงมาก ต้องเช็กอะไรบ้าง

ขับรถตกหลุมแรงมาก ต้องเช็กอะไรบ้าง

หลังจากรู้กันแล้วว่าสัญญาณเตือนมีอะไรบ้าง ทีนี้เราลองมาดูจุดสำคัญ ๆ ที่ต้องตรวจเช็กกันบ้างดีกว่า ซึ่งหลัก ๆ ก็จะเป็นในส่วนช่วงล่างทั้งหมด แต่แน่นอนว่า จุดตรวจเช็กเหล่านี้ อาจไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้เอง แต่จะเป็นตรวจดูอาการจากช่างเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างไร ผู้ใช้รถก็ควรจะทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ไว้บ้าง 

ล้อแม็กซ์กับยาง

สิ่งแรกที่ควรทำการเช็ก หลังจากขับรถตกหลุมแรงมากมาเลย ก็คือยางกับล้อแม็กซ์ ซึ่งเป็นส่วนที่เช็กดูได้ง่ายที่สุด ให้ทำการดูที่ขอบล้อทั้งสี่ด้าน ว่ามีความเสียหายจนผิดรูปหรือเปล่า บริเวณหน้ายาง และแก้มยางมีรอยแผลฉีกขาดหรือไม่ 

ลูกปืนล้อ

ลูกปืนล้อ จะเป็นจุดที่คนใช้รถไม่สามารถมองเห็นได้เอง และจำเป็นจะต้องให้ช่างช่วยดูให้ เมื่อมีอาการหอนที่เป็นสัญญาณเตือนเกิดขึ้น แต่โดยส่วนมากแล้ว ลูกปืนล้อแตก มักจะเป็นอาการแรก ๆ ที่เกิดขึ้นหลังขับรถตกหลุม 

โช้คอัพ

โช้คอัพ จะไม่ได้เสียในทันทีหลังขับตกหลุมแรงมาก แต่จะเป็นอาการสะสม ที่ทำให้โช้คอัพเริ่มเสิ่มสภาพลงอย่างรวดเร็ว โดยสามารเช็กได้เอง จากกานำรถจอดรถพื้นราบ และใช้น้ำหนักตัวในลองการคืนตัวของโช้คอัพทั้งหมด ซึ่งโช้คอัพที่ทำงานตามปกติ จะมีการคืนตัวในระดับที่เหมาะสม ไม่ใช่กดแล้วเด้งขึ้นมาทันที หรือกดแล้วไม่มีอาการหนืดใด ๆ 

ตัวถังรถ

หากเป็นหลุมที่ลึก และขับมาด้วยความเร็ว ตัวถังรถอาจเกิดความเสียหายจากการกระแทกแรง ๆ ได้ จึงเป็นอีกจุดที่ต้องเช็กรอบคันให้ดี ว่าเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่ 

คันชักพวงมาลัย

คันชักพวงมาลัย จะอยู่บริเวณใต้ท้องรถ ที่ทำหน้าที่ควบคุมองศาในการหมุนวงล้อ เพื่อเลี้ยวไปในทิศทางที่ต้องการ จึงเป็นอีกจุดที่ต้องตรวจเช็ก เพราะจะทำให้รถไม่สามารถควบคุมได้ตามที่ควรจะเป็น

ลูกหมากช่วงล่าง

ลูกหมากช่วงล่าง เป็นหัวใจสำคัญของการทำงานช่วงล่างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกหมากปีกนก ลูกหมากคันชัก ลูกหมากกันโคลง และลูกหมากแร็ค ซึ่งจะทำหน้าที่ตั้งแต่กันกระแทก เชื่อมต่อการทำงานของชิ้นส่วนต่าง ๆ และรองรับแรงกดส่วนต่าง ๆ ของตัวรถ จึงต้องตรวจเช็กทั้งหมดหลังจากตกหลุมแรง ๆ มา ว่ามีจุดไหนได้รับความเสียหายหรือเปล่า 

3 เทคนิคการชับที่ช่วยโอกาสขับรถตกหลุม

ในความเป็นจริง คงไม่มีใครอยากขับรถตกหลุมแรงมากเล่น ๆ เพื่อให้รถพังกันอยู่แล้ว แต่อย่างน้อย การมีเทคนิคในการขับขี่เพื่อช่วยลดความเสี่ยง ก็เป็นสิ่งที่ดีที่คนใช้รถควรปฏิบัติตาม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาช่วงล่างที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น 

1. ขับขี่ด้วยความเร็วตามกฎหมาย

การขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด ไม่พยายามเร่งแซงซ้ายขวา จะทำให้เรามองเห็นช่องจราจรได้ชัดเจน และมีความเสี่ยงในการขับรถตกหลุมน้อยลง ต่างจากคนที่ขับเร็ว และพยายามขับปาดไปมา จะไม่มีเวลามานั่งสังเกตพื้นผิวการจราจรมากนัก 

2. เว้นระยะห่างระหว่างคันหน้า

อีกหนึ่งเทคนิคดี ๆ ก็คือการเว้นระยะระหว่างคันหน้า หากคันหน้ามีการเบรก หรือพยายามขับหลบหลุม เราก็จะสามารถมองเห็นได้ง่ายขึ้น และยังสามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ทัน โดยไม่เกิดอันตรายต่อในการขับ 

3. หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำเสมอ

ในช่วงหน้าฝน หรือหลังฝนตกลงมาใหม่ ๆ ให้พยายามขับหลบแอ่งน้ำไว้เสมอ เพราะเราไม่รู้ว่าแอ่งนั้นลึกแค่ไหน อาจจะเป็นหลุมเดิมที่ทรุดตัวลงไปลึก หากฝืนขับผ่าน อาจทำให้ช่วงล่างพังได้แบบไม่รู้ตัว จึงควรเลี่ยงไว้เป็นดีที่สุด 

ขับรถตกหลุม เคลมประกันได้ไหม

ขับรถตกหลุม สามารถเคลมประกันได้ แต่จะเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้น ที่ให้ความคุ้มครองแบบไม่มีคู่กรณี และสามารถเคลมเพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่ที่เกิดความเสียหายได้ แต่ถ้าเป็นประกันประเภทอื่น จะไม่ได้รับความคุ้มครองในส่วนนี้ 

สรุปบทความ รวมสัญญาณเตือนอันตรายจากการขับรถตกหลุม

ผู้ใช้รถเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า การขับรถตกหลุมแรงมาก มีโอกาสสร้างความเสียหายให้กับตัวรถได้มากแค่ไหน หากมีสัญญาณเตือนตามที่เราได้บอกไป ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย และนำรถไปตรวจเช็กดูอาการให้ด่วนที่สุด เพราะอาจสร้างอันตรายในการใช้รถได้ และการทำประกันรถยนต์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้รถ ก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่อย่ามองข้ามกันเด็ดขาด หากไม่มีเวลา ก็สามารถเลือกต่อได้ที่ insurverse เลย เพราะเราเป็นประกันรถยนต์ออนไลน์เจ้าแรกในไทย ที่เปิดให้เลือกปรับแต่งความคุ้มครองได้ตามความต้องการ ตลอด 24 ชม.

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)