ประกันรถยนต์ เป็นประกันภัยภาคสมัครใจ ที่ไม่ได้มีการบังคับใช้ทางกฎหมาย ถือเป็นทางเลือกความคุ้มครองที่ผู้ใช้รถใช้ถนนเลือกที่จะทำให้กับรถยนต์คู่ใจ ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย สามารถปรับแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการ ทำให้สามารถขับขี่บนท้องถนนได้อย่างอุ่นใจและสบายใจมากยิ่งขึ้น
การทำประกันรถยนต์มีให้เลือกอย่างหลากหลาย แตกต่างกันไปตามความคุ้มครองที่ได้รับ และเบี้ยประกันรถยนต์ที่จะต้องจ่าย ซึ่งประกันรถยนต์ที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน มีดังนี้
เป็นประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งตัวบุคคล และรถยนต์ในแทบทุกกรณี
ประกันชั้น 1 เหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับ ผู้ขับขี่ทั่วไป รถที่ใช้งานทุกวัน รถที่ขับออกต่างจังหวัดบ่อย หรือรถที่ต้องวิ่งไกล ๆ เป็นประจำ
เป็นประกันรถยนต์ที่มีราคาถูกลงมา แต่ได้รับความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับประกันชั้น 1
ประกันชั้น 2+ เหมาะสำหรับคนที่มีความชำนาญในการขับขี่บนท้องถนนมาพอสมควรแล้ว และรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี
เป็นประกันรถยนต์ที่ไม่มีความคุ้มครองสำหรับผู้เอาประกันภัย
ประกันชั้น 2 เหมาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์น้อย และมีความเสี่ยงภัยน้อยในการใช้งานประจำวัน เหมาะกับผู้ที่ความเสี่ยงเฉพาะภัย เช่น การสูญหายหรือไฟไหม้มากกว่า
เป็นประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองในรูปแบบที่คล้าย ๆ กับประกันชั้น 2+
ประกันชั้น 3+ เหมาะสำหรับรถที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย ไม่ได้ขับออกไปไกล ๆ รถเก่าอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เป็นประกันรถยนต์ที่เข้าถึงง่ายและมีราคาถูกที่สุด
ประกันชั้น 3 เหมาะสำหรับรถที่แทบไม่ได้ใช้งานเลย โดยอาจจะเป็นรถที่มีอายุการใช้งานมากแล้ว หรือผู้ขับขี่ที่มั่นใจในการขับขี่ของตนเอง
ประกันรถยนต์แต่ละประเภท มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ ราคาเบี้ยประกันที่ต่างกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัดในการทำประกันรถยนต์ เพราะจะสามารถเลือกความคุ้มครองให้เหมาะสม และคุ้มค่ากับราคาเบี้ยประกันที่ต้องการได้เลย ดังนั้น จึงควรเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันและความคุ้มครองทุกครั้งก่อนตัดสินใจ
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง