vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัย เครื่องยนต์ไม่ดับ!

ขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัย เครื่องยนต์ไม่ดับ ต้องทำแบบนี้

schedule
share

หนึ่งในอุปสรรคอันใหญ่หลวงของผู้ขับขี่ในช่วงหน้าฝนก็คือ การต้องขับรถลุยน้ำท่วม ซึ่งบางทีก็เลี่ยงไม่ได้เพราะน้ำดันท่วมเส้นทางที่จำเป็นต้องใช้สัญจร แล้วขับรถลุยน้ำเป็นไรไหม? เครื่องยนต์จะดับกลางทางหรือเปล่า รถเสียขึ้นมากลางน้ำ ประกันรถยนต์จะช่วยได้ไหม? รถลุยน้ำมาควรทําอย่างไร? และถ้าต้องขับรถลุยน้ำ! เราจะทำยังไงให้ปลอดภัยที่สุด ใครที่กำลังสงสัยกับคำถามเหล่านี้ วันนี้ insurverse มีคำตอบมาฝากกัน เพื่อให้คุณเข้าใจถึงข้อปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำและเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ เครื่องยนต์ไม่ดับกลางทาง จะมีอะไรบ้างนั้น มาเช็คกันเลย

rain-drop-on-car-glass

ปลอดภัยแน่นอน ถ้าทำแบบนี้หากต้องขับรถลุยน้ำท่วม

ก่อนอื่นต้องบอกว่าในช่วงหน้าฝนหรือช่วงน้ำท่วมหนักๆ ประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่ควรทำเอาไว้มากที่สุด หากเกิดขับรถลุยน้ำท่วมเขาก็จะได้ช่วยคุ้มครองในกรณีรถยนต์เสียหายหรือหากรถต้องพบกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดจากน้ำท่วมแล้วเครื่องยนต์ดับกลางทาง ใช้การต่อไม่ได้ ประกันชั้น 1 ก็พร้อมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้คุณและให้ความช่วยเหลือคุณตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณเองก็ต้องเข้าใจข้อควรปฏิบัติการขับรถลุยน้ำท่วมในเบื้องต้นเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อตัวรถยนต์และเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ให้เสียหายไปมากกว่าที่คาดคิด มาลองทำตามนี้วิธีเหล่านี้กันดู รับรองว่าจะปลอดภัยกว่าเดิมแน่นอน!

1. ตรวจสอบระดับน้ำ

เมื่อรู้ว่าจะต้องขับรถลุยน้ำท่วม ให้คุณตรวจสอบระดับน้ำก่อนสัญจร หากระดับน้ำสูงกว่าครึ่งล้อ ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น เพราะมีโอกาสสูงมากที่น้ำจะเข้ามาในระบบเครื่องยนต์และทำให้เกิดความเสียหายได้ ยิ่งถ้าไม่ทำประกันรถยนต์ออนไลน์เอาไว้ก่อน คุณอาจจะได้เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมเองหลายสตางค์แน่ๆ

2. ใช้เกียร์ต่ำในการขับรถและขับช้าๆ ด้วยความเร็วคงที่

การขับรถลุยน้ำท่วมควรขับช้าๆ รักษาระดับความเร็วให้คงที่ตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะเมื่อต้องขับผ่านทางที่มีน้ำขัง ไม่ควรเร่งเครื่องหรือหยุดรถกะทันหัน อาจทำให้น้ำเข้ามาในระบบไอดีและท่อไอเสีย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ ทางที่ดีที่สุดขณะขับรถลุยน้ำท่วมควรใช้เกียร์ต่ำเอาไว้ด้วย จะทำให้ช่วยให้การขับรถช้าได้ดีขึ้น เครื่องยนต์ทำงานได้ต่อเนื่องไม่ดับกลางทางนั่นเอง

3. ไม่ควรจอดรถในพื้นที่ที่น้ำท่วม

หากจำเป็นต้องหยุดรถหรือจอดรถ ควรเลือกจอดในจุดที่มีพื้นที่สูงหรือพื้นที่ไม่มีความสุ่มเสี่ยงที่น้ำจะท่วมถึง เพราะการจอดหรือหยุดรถในที่ที่มีน้ำท่วม จะทำให้น้ำเข้าไปตัวรถยนต์และสร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าได้ง่าย

4. ตรวจสอบระบบเบรก, ระบบไฟฟ้าและน้ำมันเครื่องหลังขับรถลุยน้ำท่วม

รถลุยน้ำมาควรทําอย่างไร? ข้อควรปฏิบัติหลังขับรถลุยน้ำท่วมก็คือการตรวจเช็คระบบเบรกว่ามีความชื้นมากแค่ไหน เช็คระบบไฟฟ้าและน้ำมันเครื่องว่ามีสิ่งปกติหรือไม่? หากสีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที! ก่อนที่จะใช้รถยนต์อีกครั้ง เพราะถ้าไม่ดูแลเอาไว้ก่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ในภายหลังได้

5. วางแผนล่วงหน้าให้ดี เช็คเส้นทางสัญจรก่อนเดินทาง เลี่ยงขับรถลุยน้ำท่วม

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ผู้ขับขี่ควรวางแผนการเดินทางให้ดี เช็คข่าวสารก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ว่าบริเวณที่เราไปนั้นอาจจะต้องขับรถลุยน้ำท่วมหรือไม่? หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง! เพราะการขับรถแล้วต้องลุยน้ำเป็นสิ่งที่เราประเมินไม่ได้เลย ว่าจะเกิดความเสียหายต่อตัวเครื่องยนต์และความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน? ดังนั้นอะไรที่วางแผนป้องกันเอาไว้ได้ก็ทำไว้ก่อน อย่างเช่น การทำประกันรถยนต์เอาไว้ เดินทางไปที่ไหนก็อุ่นใจ เจอน้ำท่วมฉับพลันก็สบายใจ มีประกันคอยให้การดูแลและมอบความคุ้มครองอย่างครอบคลุม!

car-in-the-puddle-of-water

สรุป

รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมท่องจำให้ขึ้นใจ การขับรถลุยน้ำท่วมไม่ใช่เรื่องสนุก เพราะถ้าเกิดเครื่องดับกลางทางขึ้นมาละก็ งานยาวแน่ๆ ทางที่ดีทำประกันชั้น 1 กับ insurverse เอาไว้จะทำให้คุณอุ่นใจทุกสภาพการเดินทางได้แน่นอน เพราะไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน น้ำท่วมเข้าเครื่องยนต์หรือเกิดเหตุรถเสียขึ้นมากะทันหัน ประกันรถยนต์ของ insurverse ก็จะตรงเข้าดูแลคุณและชดเชยค่าเสียหายให้คุณทุกบาททุกสตางค์ มีประกันภัยรถยนต์เอาไว้ดีกว่าไม่มี ยิ่งในช่วงหน้าฝนที่ฝนตกแบบไม่บันยะบันยังแบบนี้ด้วย ทำไว้เถอะชัวร์กว่า จะได้มีผู้ช่วยส่วนตัวเรื่องรถและความปลอดภัยของชีวิต เกิดอะไรก็ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง!

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)