การทำประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรมี เนื่องจากสิ่งนี้จะเป็นโล่ป้องกันความเสี่ยงบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ซึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ใครหลายคนนึกถึงคงเป็น “ประกันชั้น 1” เพราะสามารถมอบความคุ้มครองสูงสุด แต่จะความคุ้มครองที่ว่ามานี้จะมีอะไรบ้าง ? วันนี้ insurverse จะมาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรายละเอียดที่น่าสนใจ
ความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ ชั้น1 คือ ตัวเลือกที่ดีที่สุดแน่นอน เพราะหากนำเอารายละเอียดความคุ้มครองของประกันแต่ละชั้นมาเปรียบเทียบกันการซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 จะดูแลได้ครอบคลุมมากที่สุด อาทิ หากเกิดรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ประกันชั้น 2+ , 3+ , 2 และ 3 จะไม่คุ้มครอง แต่สำหรับชั้น 1 จะครอบคลุมทั้งมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ซึ่งต้องแลกกับราคาเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ พอสมควร
รายละเอียดสำหรับความคุ้มครอง ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 อย่าง คือ ความคุ้มครองหลักและความคุ้มครองเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการให้บริการของบริษัท ประกันรถยนต์ และอาจมีการดูแลเป็นพิเศษ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและบริการเสริมที่ผู้ซื้อจะได้รับจากบริษัทที่ทำประกันด้วย
หากต้องการทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ขอแนะนำให้ลองสำรวจความเหมาะสมก่อนเลือกซื้อ ซึ่งควรเป็นรถใหม่ที่มีการจดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี หรือรถที่มีราคาสูงเพราะต้องการความคุ้มครองในส่วนของค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หากเป็นรถที่ใช้งานในการประกอบอาชีพ เช่น รถเช่า , รถรับส่ง , แท็กซี่ ยิ่งต้องการความคุ้มครองที่สูงจึงเหมาะสมอย่างมากที่จะซื้อ ประกันชั้น 1 เพื่อได้รับการดูแลและปกป้องผู้ขับขี่เต็มที่
ความคุ้มครองจากการทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะสามารถดูแลผู้ขับขี่ได้อย่างครอบคลุม โดยผู้ที่มีรถยนต์ใหม่ที่ยังไม่ถึง 7 ปี หรือคนที่ต้องใช้รถใช้ถนนเป็นประจำก็เหมาะอย่างมากที่จะพิจารณาเลือกซื้อประกันชั้น 1 หากสนใจสามารถเช็คราคา ประกันรถยนต์ได้ที่ insurverse ที่นี่สามารถตรวจสอบราคากลางแบบง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์และเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง