ประกันรถยนต์มีความสำคัญกับทุกคนที่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพราะการขับรถบนท้องถนนนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ตลอดเวลา แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าควรจะเลือกซื้อประกันชั้นไหน วันนี้ Insurverse จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับประกันแต่ละชั้นให้มากขึ้น เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ประกันประเภทนี้ผู้ซื้อรถทุกคนต้องมี เพราะเป็นประกันที่กฎหมายไทยได้กำหนดไว้ ซึ่งประกันประเภทนี้จะคุ้มครองหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นคุ้มครองด้านร่างกาย ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และความเสียหายต่อชีวิต ประกันนี้ก็คือ
สำหรับประกันประเภทนี้ผู้ซื้อรถยนต์สามารถเลือกได้ว่าต้องการที่จะทำหรือไม่ และยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการทำประกันชั้นไหนเป็นพิเศษ ประเภทนี้จะมีให้เลือก 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละความคุ้มครองก็จะแตกต่างกันออกไป มีให้เลือกดังนี้
ประกันแต่ละชั้นจะมีการครอบคลุมความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ผู้ที่จะซื้อประกันควรเลือกซื้อจากความเหมาะสมของการใช้รถยนต์เป็นหลัก มาดูว่าประกันแต่ละชั้นสามารถคุ้มครองอะไรได้บ้าง
ประกันรถยนต์ ชั้น 1 เป็นประกันที่เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงในการใช้รถยนต์สูง เพราะความคุ้มครองของประกันชั้น 1 จะมีการคุ้มครองทั้งตัวของรถยนต์ คู่กรณี และบุคคลภายนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้รถยนต์ในกลุ่มนี้จึงเหมาะที่จะใช้ประกันชั้นนี้เป็นพิเศษ
ประกันรถยต์ ชั้น 2 เป็นประกันที่ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถ แต่คุ้มครองคู่กรณีและบุคคลภายนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้รถยนต์ในกลุ่มนี้จึงเหมาะกับการซื้อประกันชั้น 2
สำหรับประกันชั้นนี้จะมีความคล้ายกับประกันชั้น 1 มาก แต่จะมีความต่างจากประกันชั้น 1 ตรงที่ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองตัวรถในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่มีคู่กรณี ผู้ที่เหมาะกับการใช้ประกันชั้นนี้คือ
ประกันรถยนต์ ชั้น 3 เป็นประกันที่คุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะไม่มีการคุ้มครองตัวรถและบุคคลภายนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ที่เหมาะกับประกันชั้น 3
ประกันชั้น 3+ เป็นประกันรถยนต์ที่มีความคล้ายกับประกันชั้น 3 แต่จะเพิ่มการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ขับขี่เองและผู้โดยสาร ผู้ที่เหมาะกับประกันชั้นนี้
เมื่อได้รู้จักกับประกันรถยนต์ทุกชั้นกันไปแล้ว หวังว่าผู้ขับขี่จะตัดสินใจเลือกทำประกันที่เหมาะกับตนเองได้อย่างง่าย ๆ นอกจากนี้หากใครที่สนใจประกันชนิดไหนมากเป็นพิเศษ ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์แต่ละชั้นสามารถติดต่อที่ Insurverse ได้เลย
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง