vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ขับรถตอนฝนตกอย่างไรให้ปลอดภัย และทำไมควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้

ขับรถตอนฝนตกอย่างไรให้ปลอดภัย และทำไมควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้

schedule
share

แม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองร้อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อเข้าหน้าฝนทีไร ฝนฟ้าก็โหมกระหน่ำลงมาจนทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลงจนน่ากลัว เวลาขับรถตอนฝนตก จึงมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเป็นอย่างมาก การทำประกันภัยรถยนต์ติดเอาไว้ จึงเป็นเกราะป้องกันชั้นดีในการขับรถหน้าฝนที่ทุกคนควรมี วันนี้ insurverse เลยมีทริกดี ๆ ในการขับรถตอนฝนตกมาฝาก พร้อมเหตุผลว่าทำไมประกันรถยนต์ชั้น 1 ถึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนใช้รถที่สุด

ขับรถตอนฝนตก อันตรายแค่ไหน ทำไมควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1

เพราะการขับรถหน้าฝนในช่วงที่ฝนเพิ่งตกลงมาใหม่ ๆ พื้นถนนจะมีความลื่นมากกว่าปกติ เลยทำให้ต้องเผื่อระยะเบรกที่มากขึ้นกว่าเดิม บวกกับเม็ดฝนที่ตกลงมาบดบังกระจกหน้าซ้ำเข้าไปอีก ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองการเฉี่ยวชนทั้งแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี จึงตอบโจทย์ความคุ้มครองตรงจุดนี้เป็นอย่างมาก เพราะบางทีรถเราอาจจะเบรกไม่อยู่แล้วไปชนเข้ากับของทาง หรือเสาไฟก็เป็นได้ หรือในบางครั้งที่ฝนตกหนักจนน้ำท่วม และมองเห็นพื้นถนนได้ยาก หากรถตกหลุมขึ้นมา ประกันชั้น 1 ก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่าซ่อมตรงนี้ไปด้วยเช่นกัน 

ขับรถตอนฝนตกแล้วน้ำท่วม ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองไหม

หากขับรถตอนฝนตกแล้วเจอน้ำท่วมแบบเฉียบพลัน อย่างการจอดติดไฟแดงแล้วระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในส่วนนี้แน่นอนถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวรถ และต้องมีการซ่อมแซม เพราะถือเป็นอุบัติเหตุที่เลี่ยงไม่ได้ แต่หากเป็นการนำรถขับเข้าไปในเส้นทางเสี่ยง แม้จะมีการแจ้งเตือนจากทางภาครัฐแล้วก็ตาม กรณีนี้ประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองแต่อย่างใด 

5 วิธีขับรถตอนฝกตกให้ปลอดภัย

5 วิธีขับรถตอนฝกตกให้ปลอดภัย

นอกจากการตรวจเช็กระบบเบรก และสภาพยางรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำแล้ว วันนี้เรามีวิธีขับรถตอนฝนตกให้ปลอดภัยมาฝากผู้ใช้รถทุกคนกันด้วย เพราะในบางครั้ง คนที่ใช้รถเป็นประจำอย่างเรา ๆ ก็อาจจะหลงลืมกันไปบ้าง ว่าถ้าเข้าหน้าฝนแล้วก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่บ้าง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลง มาดูกันดีกว่ามีอะไรบ้างที่ควรทำ 

1. เปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝน

สิ่งแรกที่หลายคนน่าจะทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว เมื่อต้องขับรถตอนฝนตก ก็คือการเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝัน เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดีขึ้น แต่อีกจุดสำคัญที่เราอยากจะเน้นย้ำก็คือ ความหน่วงของที่ปัดน้ำฝัน ผู้ใช้รถบางคนเลือกความหน่วงที่นานเกินไป จนทำให้ทัศนวิสัยในการมองรถด้านหน้าไม่ดีขึ้นเลย แม้จะเปิดใช้งานก็ตาม จึงควรเปิดให้มีความถี่ในการปัดน้ำฝนเสียหน่อย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการกะระยะรถด้านหน้าให้ดีขึ้น

2. รักษาระยะห่างระหว่างคันหน้า

การรักษาระยะห่างระหว่างคันหน้า พร้อมกับเพิ่มระยะเบรกในการขับขี่ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ควรทำ เพราะอย่างที่บอกไปว่า การขับรถหน้าฝน อาจทำให้เรามองเห็นรถด้านหน้าได้ไม่เกิน 2 – 3 ช่วงคันรถเพียงเท่านั้น เลยทำให้เราไม่รู้เลยว่าสภาพการจราจรเป็นอย่างไร หรือรถจอดเสียจากอุบัติเหตุอยู่หรือเปล่า จึงควรเว้นระยะห่างให้มากเผื่อเหตุฉุกเฉินจะเป็นการดีที่สุด 

3. ลดความเร็วขณะขับลง

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการเว้นระยะห่างก็คือ การลดความเร็วในการขับลง เพราะพื้นถนนที่เปียกจะทำให้ระยะเบรกของรถเราเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะรถที่ยังไม่ได้เปลี่ยนยางตามกำหนด จึงควรขับให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่กีดขวางการจราจร เพื่อลดความเสี่ยงในการขับไปสอยท้ายคันหน้านั่นเอง

4. เปิดไฟหน้าเพื่อความปลอดภัย

หากเป็นตอนที่ฝนไม่ได้ตกลงมาหนักมาก การเปิดไฟหน้าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นนัก แต่ถ้าเป็นตอนที่ฝนตกลงมาหนัก และมีเมฆครึ้มพร้อมกับหมอกในตอนเช้า การเปิดไฟหน้ารถจะช่วยสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากกว่า เพราะจะทำให้รถคันอื่นบนท้องถนนสามารถมองเห็นรถเราได้ง่ายขึ้น 

5. เลี่ยงเหยียบเบรกเต็มแรง

การเลี่ยงเหยียบเบรกให้เต็มแรง เป็นอีกสิ่งที่ควรระวังไว้เช่นกันเพราะในขณะขับรถตอนฝนตกโดยใช้ย่านความเร็วที่สูงเกินไป แล้วมาเหยียบเบรกแบบกระชั้นชิดเหมือนตอนที่ขับในสภาพถนนปกติ ระยะเบรกจะเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้รถเสียหลักจนไถลออกนอกเลนได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่จะต้องรถความเร็วในการขับขี่ลง พร้อมกับเว้นระยะห่างกับคันหน้าให้เยอะเสียหน่อยนั่นเอง 

ขณะขับรถตอนฝนตก กระจกเป็นฝ้า แก้ยังไง

หากกระจกหน้า-หลังรถเป็นฝ้า ให้ทำการลดอุณหภูมิแอร์ลงให้สัมพันธ์กับด้านนอก เพื่อให้ฝ้าหายไป หรืออาจจะใช้ปุ่มไล่ฝ้าที่มีมาให้ใช้งานกับตัวรถ ก็สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน ส่วนกระจกข้างฝั่งคนขับ และคนนั่งที่ต้องใช้มองด้านข้าง ให้หันแอร์มาตรงที่นั่งแทน เพื่อช่วยไม่ให้กระจกโดนความเย็นเป่าจนเกิดฝ้าระหว่างขับ 

ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนบ้าง ที่คุ้มครองกรณีน้ำท่วมขณะขับรถตอนฝนตก

ประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนบ้าง ที่คุ้มครองกรณีน้ำท่วมขณะขับรถตอนฝนตก

หลายคนอาจจะสงสัย ว่าประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนให้ความคุ้มครองในกรณีขับรถฝนตก และน้ำเกิดท่วมขึ้นมา หลัก ๆ จะแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • ประกันรถยนต์ชั้น 1 : เป็นประกันที่คุ้มครองรอบด้านมากที่สุด ทั้งการเฉี่ยวชนแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี และหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นในระหว่างขับรถตอนฝนตก หรือโดยน้ำท่วมจากภัยธรรมชาติ ก็เคลมได้อย่างสบายใจ
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2+ : เป็นประกันที่เหมาะสำหรับคนอยากได้ค่าเบี้ยประกันถูกลง และมั่นใจว่าไม่ขับเฉี่ยวชนง่าย ๆ ก็จะได้รับความคุ้มครองที่คล้ายกับชั้น 1 เกือบทุกด้าน รวมไปถึงเรื่องน้ำท่วมด้วยเช่นกัน 
  • ประกันรถยนต์ชั้น 3+ : เป็นประกันที่ตอบโจทย์รถที่มีอายุการใช้งานมานาน แต่ยังอยากได้รับความคุ้มครองจากการเฉี่ยวชน โดยที่ไม่ต้องออกค่าซ่อมเองทั้งหมดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และยังอยากได้รับความคุ้มครองในกรณีภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมด้วย ประกันชั้นนี้ก็มีให้เช่นกัน แต่อาจจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันแต่ละเจ้า 

สรุปบทความ ขับรถตอนฝนตกอย่างไรให้ปลอดภัย และทำไมควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้

ผู้ใช้รถทุกคนเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า การขับรถหน้าฝน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็แอบมีอันตรายมากกว่าที่เราคิดเยอะเลย โดยเฉพาะในคนที่ขาดต่อประกันรถยนต์ และไม่ได้ตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ อาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่ารถที่ดูแลเป็นประจำ และไม่ขาดต่อประกัน สำหรับใครที่ยังไม่ได้ทำประกันรถยนต์เอาไว้ หรือใกล้ถึงช่วงเวลาที่ต้องต่อพอดีก่อนเข้าหน้าฝน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกต่อที่ไหน มาต่อกับทาง insurverse เราดีกว่า เพราะเราเป็นบริษัทประกันรถยนต์ออนไลน์เจ้าแรกของไทย ภายใต้เครือทิพยประกันภัย ที่ให้ผู้ใช้รถสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองที่ได้รับได้ตรงความต้องการมากที่สุด

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)