vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ซื้อรถมือสองมาใช้งาน ควรเลือกทำประกันรถมือสองแบบไหนดี

ซื้อรถมือสองมาใช้งาน ควรเลือกทำประกันรถมือสองแบบไหนดี

schedule
share

อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสิ่งที่คาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ แม้ว่าเราจะพยายามขับรถด้วยความระมัดระวังแค่ไหนก็ตาม ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะโดนรถคันอื่นมาเฉี่ยวชนได้อยู่ดี การทำประกันภัยรถยนต์ จึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนที่มีรถไว้ใช้งาน แต่หลายคนอาจจะเกิดคำถามในใจ ถ้ารถที่ใช้งานเป็นรถมือสอง ควรจะเลือกประกันรถมือสองอย่างไรดี หรือรถมือสองทำประกันชั้น 1 ได้ไหม วันนี้ insurverse จะพานักขับทุกท่านไปหาคำตอบกัน 

ประกันรถมือสอง มีความจำเป็นแค่ไหน

ประกันรถมือสองมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน มีการใส่เทคโนโลยีเข้ามาค่อนข้างเยอะ ทำให้ชิ้นส่วนอะไหล่ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกเหมือนในอดีตเมื่อต้องเคลมค่าซ่อม เลยทำให้เราอาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเองจนกระเป๋าฉีกเอาได้ ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด และไม่มีประกันภัยรถยนต์ให้ความคุ้มครอง 

ซื้อรถมือสอง ทำประกันชั้น 1 ได้ไหม

ซื้อรถมือสอง ทำประกันชั้น 1 ได้ไหม

ซื้อรถมือสอง ทำประกันชั้น 1 ได้ หากบริษัทประกันตกลงกันผู้ทำประกันในส่วนเงื่อนไขได้ ซึ่งโดยมากจะมีข้อจำกัดในเรื่องของอายุรถ ว่าจะต้องไม่เกินกี่ปีขึ้นไป เช่น 10 ปี, 12 ปี, หรือ 15 ปี และอาจจะมีข้อพิจารณาอื่นร่วมด้วย สภาพความสมบูรณ์ของตัวรถ เลขไมล์ที่ใช้งานมา หรือประวัติการเคลมที่ผ่านมา 

หากทำประกันชั้น 1 ไม่ได้ ควรเลือกประกันรถมือสองชั้นไหนดี

ประกันชั้น 1 รถมือสอง คือสิ่งที่ตอบโจทย์ความคุ้มครองมากได้ครอบคลุมที่สุด แต่หากไม่สามารถทำได้จริง ๆ คนขับรถมือสองก็ยังสามารถเลือกทำประกันชั้นอื่นได้ ที่มีความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกัน หรืออาจจะลดหลั่นลงมาหน่อย ได้ยังคงได้รับความอุ่นใจในการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุอยู่เหมือนเดิม โดยจะมีความแตกต่างในด้านความคุ้มครอง ดังนี้ 

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

หากทำประกันรถมือสองเป็นชั้น 1 ไม่ได้ การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ไม่ต่างกัน เพราะมีความคุ้มครองที่แทบจะเหมือนกับประกันชั้น 1 ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองในด้านความเสียหายจากการเฉี่ยวชน ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน รถหาย รถถูกไฟไหม้ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร รวมไปถึงการประกันตัวผู้ขับขี่ จะมีแต่การชนแบบไม่มีคู่กรณีเท่านั้น ที่ไม่มีในประกันชั้น 2+ แต่ก็มีข้อดีตรงที่ค่าเบี้ยประกันจะถูกลงกว่าพอสมควร 

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ถ้ายังรู้สึกว่าประกันรถมือสองชั้น 2+ ยังมีค่าเบี้ยที่สูงไป และไม่ได้ต้องการความคุ้มครองในส่วนของรถหาย รถไฟไหม้ หรือน้ำท่วม เพราะมีที่จอดในบริเวณบ้านของตัวเองอยู่แล้ว การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่กว่า เพราะให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถทั้งผู้เอาประกัน และคู่กรณีเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ทุกประการ รวมไปถึงความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังครอบคลุมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่กับผู้โดยสาร และการประกันตัวผู้ขับขี่ให้ด้วยเช่นกัน 

ประกันรถยนต์ชั้น 3

สำหรับที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว การเลือกทำประกันรถมือสองชั้น 3 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสม แต่ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถคู่กรณี บุคคล และทรัพย์สินเพียงเท่านั้น ในส่วนของรถผู้เอาประกัน จะต้องแบกรักค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเอง แต่ในส่วนค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร รวมไปถึงการประกันตัวผู้ขับขี่ ยังคงจะได้รับความดูแลในส่วนนี้เหมือนเดิม จึงมีค่าเบี้ยประกันที่ไม่แพงเท่ากับประกันชั้นอื่น ๆ 

ควรเลือกประกันรถมือสองอย่างไร ให้คุ้มเงินในกระเป๋า

เลือกประกันรถมือสองอย่างไร

หากรถมือสองทำประกันชั้น 1 ไม่ได้ เพราะไม่เข้าเงื่อนไขในการทำประกัน รวมไปถึงค่าเบี้ยอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ใครหลายคน เรามีวิธีเลือกประกันรถมือสองให้คุ้มเงินในกระเป๋ามาฝาก จะได้เลือกให้ตรงกับความต้องการโดยไม่เป็นภาระทางการเงินกัน

ทำความเข้าใจความคุ้มครองประกันแต่ละชั้น

อย่างที่ทาง insurverse เราได้อธิบายไปด้านบน ก่อนจะเลือกทำประกันแต่ละชั้น สิ่งแรกที่คนใช้รถต้องรู้เลยก็คือ ความแตกต่างด้านความคุ้มครองของประกันแต่ละชั้น แบบไหนถึงตรงใจกับเรามากที่สุด แล้วจึงค่อยเปรียบเทียบในส่วนอื่น ๆ ตามมา

ดูอายุของรถ 

อีกหนึ่งปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้เลย ก็คืออายุของรถเรา หากรถเรายังมีอายุการใช้งานอีกยาว และไม่ได้เก่ามากนัก (7 – 10 ปี) ก็สามารถเลือกทำประกันชั้น 1 ได้ เพื่อรับความคุ้มครองแบบครบจบ แต่หากเป็นรถที่มีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป มูลค่ารถอาจตกลงไปมาก การเลือกทำประกันที่ลดหลั่นลงมา โดยตัดความคุ้มครองที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ก็อาจจะเป็นการประหยัดค่าเบี้ยประกัน และมีความเหมาะสมมากกว่า

คำนึงถึงความถี่ในการใช้รถ

ความถี่ในการใช้รถ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาร่วมด้วย หากเราไม่ได้ใช้รถเป็นประจำทุกวัน ก็อาจจะเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ หรือประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็ได้ เพราะยังคงได้รับความคุ้มครองในส่วนค่าเสียหายให้กับรถคู่กรณีอยู่ แต่หากเราเป็นคนที่ต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน ซึ่งมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอยู่ตลอดเวลา การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ความคุ้มครองในส่วนของรถเรา และรถคู่กรณีทั้งหมดในส่วนของค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากกว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั่นเอง 

เปรียบเทียบค่าเบี้ยประกัน

อีกจุดหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน ก็คือค่าเบี้ยประกัน เพราะในปัจจุบัน ประกันรถยนต์สามารถทำผ่านช่องทางออนไลน์ได้ และยังมีสิทธิพิเศษ ส่วนลดกับโปรโมชันอีกมากมาย ทำให้มีตัวเลือกในการทำประกันรถยนต์มากขึ้น จึงควรเปรียบเทียบให้ครบ ๆ ก่อนตัดสินใจ

เลือกบริษัทที่ดูมั่นคง และน่าเชื่อถือ

นอกเหนือจากความคุ้มครอง และค่าเบี้ยที่ต้องเปรียบเทียบให้ดีแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่คนทำประกันรถต้องคิดเผื่อด้วย ก็คือความมั่นคงของบริษัทประกันภัย จำเป็นจะต้องเป็นบริษัทที่มีทุนประกันภัยในระดับมั่นคง เพราะนี่เกี่ยวข้องในเรื่องของการเคลมโดยตรง บริษัทที่ดีจะต้องมีอู่ในเครือที่ให้บริการครอบคลุม เคลมง่าย บริการดี สะดวกรวดเร็ว เหมือนกับทาง insurverse ประกันภัยรถยนต์แบบออนไลน์รูปแบบใหม่ ภายใต้เครือทิพยประกันภัย ที่พร้อมดูแลคนใช้รถได้แบบครบจบ 

สรุปบทความ ซื้อรถมือสองมาใช้งาน ควรเลือกทำประกันรถมือสองแบบไหนดี

ทุกคนรู้กันแล้วใช่ไหม ว่าการเลือกทำประกันรถมือสองนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพียงแต่ต้องพิจารณากันให้ดี ๆ ก่อนเลือกทำประกันสักหน่อยเท่านั้น แค่นี้ก็สามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างสบายใจ ด้วยการมีประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครองแบบครบจบ และสำหรับใครที่ยังไม่รู้จะซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนให้ตอบโจทย์ ให้ทาง insurverse ช่วยคุณดีกว่า เพราะที่นี่ซื้อง่าย เพียงกรอกข้อมูลแค่ไม่กี่ขั้นตอน จ่ายค่าเบี้ยประกัน ก็จะได้รับกรมธรรม์ออนไลน์ พร้อมรับความคุ้มครองในทันที

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)