ประกันรถยนต์ จำเป็นมาก ๆ สำหรับผู้ใช้รถยนต์ถึงแม้ว่าจะมี พ.ร.บ. อยู่ก็ตาม เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ความคุ้มครองของประกันรถยนต์จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น พร้อมความคุ้มครองที่มากกว่า
อย่างไรก็ตามเบี้ยประกันรถยนต์ที่ต้องจ่ายในแต่ละปีไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งถ้าต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมอย่างประกันรถชั้น 1 ด้วยแล้ว การจ่ายเบี้ยประกันรถในแต่ละปี ถือว่าสูงอยู่พอสมควร เรามีเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ให้คุณซื้อประกันรถได้เบี้ยที่คุ้มค่ากว่า ลดภาระค่าใช้จ่ายในยุคเศรษฐกิจในปัจจุบัน มาดูกันว่าวิธีไหนบ้าง
โดยเราได้รวมเทคนิคดี ๆ สำหรับเป็นตัวช่วยในการลดค่าเบี้ยประกันของคุณ มี 4 วิธีดังนี้
แต่ละบริษัทประกัน มักจะมีข้อเสนอและเงื่อนไขที่น่าสนใจให้กับลูกค้า เพื่อจูงใจในการตัดสินใจซื้อประกันดังนั้นก่อนซื้อประกันรถยนต์ ลองหาข้อมูลจากหลาย ๆ แผนประกันดูก่อน และพิจารณาเปรียบเทียบ จากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น เบี้ยประกันภัย ความคุ้มครอง ทุนประกัน พร้อมทั้งเงื่อนไข อื่น ๆ ด้วยเสมอ และหาประกันที่พึงพอใจของคุณมากที่สุด
การระบุชื่อผู้ขับขี่และอายุ เป็นอีกเทคนิคในการลดเบี้ยประกันรถยนต์ลงได้ โดยจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันมากถึง 20% ส่วนลดแบ่งตามอายุของชื่อผู้ที่ถูกระบุเอาไว้ 4 กลุ่มดังนี้
แต่การคุ้มครองจะคุ้มครองแค่ผู้ที่แจ้งชื่อในการทำประกันเท่านั้น และใน 1 คันสามารถแจ้งได้รวม 2 ชื่อ การทำประกันแบบระบุผู้ขับขี่จึงเหมาะกับรถยนต์ส่วนบุคคลเท่านั้น
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ไม่เคยมีการเคลม เคลมไม่บ่อย หรือ มีประวัติเคลมแต่ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันมองว่าเป็นผู้ขับรถที่ดี และจะมีข้อเสนอส่วนลดเบี้ยประกันรถในปีต่ออายุกรมธรรม์ ซึ่งส่วนนี้ช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้ ตามแต่ละเงื่อนไขของบริษัทที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
เพราะกล้องกน้ารถมีส่วนช่วยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ทำให้ประกันสามารถระบุสาเหตุการเกิดหรือคู่กรณีได้ บริษัทประกันจึงเห็นว่าเป็นตัวช่วยที่เป็นประโยชน์ ส่วนใหญ่จะมีส่วนลดการติดกล้องหน้ารถให้ด้วย เมื่อทำประกัน
เทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ช่วยให้การซื้อประกันรถยนต์ครั้งแรก หรือครั้งต่อ ๆ ไปประหยัดคุ้มค่า สบายกระเป๋าได้ทุก ๆ ปี อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อประกันรถยนต์ ควรพิจารณาเปรียบเทียบถึงความคุ้มค่าจากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่เฉพาะค่า เบี้ยประกันเท่านั้น เพื่อให้ได้ประกันรถที่ประหยัดสูงสุด ในขณะที่ยังคงได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด ให้คุณได้อุ่นใจทั้งการขับขี่และการจ่ายเบี้ยประกัน
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง