vertical_align_top
keyboard_arrow_leftย้อนกลับ
ปัญหาหม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร ขับต่อจะเป็นอันตรายไหม

ปัญหาหม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร ขับต่อจะเป็นอันตรายไหม

schedule
share

หม้อน้ำรั่ว ความร้อนขึ้น หนึ่งในปัญหาชวนปวดหัว ที่ผู้ใช้รถหลายคนต้องเคยเจอ แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เจ้าปัญหาหม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร และอาการแบบไหนที่ต้องคอยระวัง เพราะเป็นสัญญาณเตือนก่อนรถพัง จนต้องโทรเรียกประกันภัยรถยนต์เลยก็ได้  วันนี้ insurverse จะมาพาไปเจาะลึกปัญหานี้ให้เอง 

หม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร

หม้อน้ำรั่ว เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น การสึกหรอตามอายุใช้งาน ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ การโดนกระแทกอย่างแรงจากการชน หรือแม้แต่การใช้น้ำหล่อเย็นไม่ตรงรุ่น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้เช่นกัน 

  • การสึกหรอตามการใช้งาน : โดยเฉลี่ยแล้ว หม้อน้ำรถยนต์จะมีอายุการใช้งานที่ 5 – 7 ปี หรือราว ๆ 100,000 – 150,000 กม. ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งโดยมากมักจะเกิดการกัดกร่อน เป็นสนิมจนเกิดรอยรั่วขึ้นมา
  • การโดนกระแทกจากการชน : อุบัติเหตุรถชน หรือหินก้อนใหญ่กระแทกบริเวณหน้ารถ มักเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หม้อน้ำรั่ว หรือร้าวจนต้องเปลี่ยนใหม่
  • ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ : เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้แรงดันในหม้อน้ำสูงผิดปกติ และส่งผลต่อรอยต่อต่าง ๆ จนเกิดการรั่วซึมได้ 
  • ใช้น้ำหล่อเย็นไม่ตรงรุ่น : คนส่วนใหญ่อาจคิดว่า น้ำยาหล่อเย็นสามารถใช้ร่วมกันได้ หรือหนักไปกว่านั้นก็คือ ใช้น้ำเปล่าเติมแทนเลย แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้รถพังในทันที แต่ในระยะยาวจะทำให้เกิดตะกอน และเป็นสาเหตุให้เกิดการรั่วซึมได้เช่นกัน 

หน้าที่ของหม้อน้ำรถยนต์

หม้อน้ำรถยนต์ มีหน้าที่ในการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ที่มีอุณหภูมิสูงจากการเผาไหม้ ผ่านการใช้น้ำหล่อเย็นดึงเอาความร้อนจากโพรงผนังเสื้อสูบลงมาด้านล่าง และระบายความร้อนด้วยพัดลมหม้อน้ำ ที่ทำหน้าที่ดูดอากาศจากด้านหน้ารถเข้ามา เพื่อถ่ายเทความร้อนออกไปผ่านครีบหม้อน้ำ โดยจะทำงานวนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ไม่สูงจนเกินไป

หากหม้อน้ำรั่ว อาการจะเป็นอย่างไร 

เมื่อรู้กันไปแล้วว่าหม้อน้ำรั่ว เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เราจะพามาดูกันต่อถึงอาการที่ผู้ใช้รถควรสังเกตเองให้เป็น ซึ่งจะมีคร่าว ๆ ดังนี้ 

H3 น้ำหล่อเย็นลดลงไวผิดปกติ

โดยปกติแล้ว น้ำหล่อเย็นที่อยู่ในระบบปิด ไม่ควรจะลดลงตลอดอายุการใช้งาน หากสังเกตเห็นว่าน้ำพร่องไปแบบผิดปกติ ให้รีบเอารถไปตรวจเช็กหม้อน้ำทันที 

มีคราบน้ำหล่อเย็นใต้ท้องรถ

อีกหนึ่งอาการหม้อน้ำรั่วที่สังเกตได้ง่าย ก็คือ การก้มดูบริเวณใต้ท้องรถว่ามีคราบน้ำบนพื้นหรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะน้ำหล่อเย็นมักผลิตมาเป็นสีชมพู หรือสีเขียวให้สังเกตเห็นชัดอยู่แล้ว จึงควรตรวจเช็กบางเป็นครั้งคราวก่อนใช้รถ 

ความร้อนรถยนต์ขึ้นสูง

เกจ์วัดความร้อน ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือน ที่กำลังบอกว่ารถเรากำลังมีปัญหาจากความร้อน ซึ่งค่ายรถทุกแบรนด์ใส่มาเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอยู่แล้ว จึงช่วยให้มือใหม่ หรือคนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องรถมากนัก สามารถรู้ได้ว่าเกิดปัญหานี้ขึ้น 

รถสตาร์ทไม่ติดหรือดับกลางอากาศ

รถสตาร์ทไม่ติด หรือดับไปดื้อ ๆ กลางอากาศ ก็เป็นอีกหนึ่งอากาศที่เกิดจากหม้อน้ำรั่ว จนทำให้รถระบายความร้อนไม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรงมาก เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ และอาจจะต้องเสียค่าซ่อมที่แพงหูฉี่ จึงควรหมั่นสังเกตการใช้งานรถเป็นประจำ ไม่ควรรอให้เกิดอาการนี้ขึ้นถ้าเป็นไปได้ 

หม้อน้ำรั่ว ขับต่อได้ไหม ควรทำอย่างไร

หากเกิดหม้อน้ำรั่ว อาการนี้ไม่ควรขับต่ออย่างมาก เพราะจะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอถึงขั้นพังได้เลย จึงควรประคองรถเข้าจอดข้างทางให้ปลอดภัย แล้วเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นเพื่อระบายความร้อน โดยห้ามเปิดฝาหม้อน้ำ หรือพยายามเติมน้ำลงไปเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้ฝาสูบโก่งจนกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมได้ จึงควรรอให้เครื่องยนต์เย็นลง และตรวจดูรอยรั่วเท่าที่ทำได้ แล้วจึงค่อย ๆ เติมน้ำสะอาดเป็นการชั่วคราว ก่อนนำรถไปซ่อม 

ไม่อยากให้หม้อน้ำรั่ว ควรดูแลรถอย่างไร

มาถึงตรงนี้ ผู้ใช้รถหลายคนน่าจะทราบถึงปัญหา และอาการต่าง ๆ เกี่ยวกับหม้อน้ำรถยนต์ไปหมดแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้แล้วแน่ ๆ ว่าจะต้องดูแลรถอย่างไรให้หม้อน้ำไม่รั่วซึม หรือเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน เรามีเคล็ดไม่ลับมาฝากกัน 

ตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็น

สิ่งที่ง่ายที่สุดเลย ก็คือ การหมั่นเปิดฝากระโปรงห้องเครื่องดูบ้าง และคอยตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็นว่าลดลงหรือไม่ ซึ่งในรถทุกรุ่นจะมีระดับ Min กับ Max ในถังพักน้ำหล่อเย็นบอกไว้อยู่แล้ว ระดับปกติควรจะอยู่ระหว่างกลาง นั่นหมายถึงระบบระบายความร้อนยังทำงานได้ปกตินั่นเอง 

ตรวจสภาพท่อยางหม้อน้ำ

นอกจากระดับน้ำหล่อเย็นที่สำคัญ สภาพท่อยางต่าง ๆ ก็ต้องตรวจดูให้ดีเช่นกัน เพียงนำไฟฉายเล็ก ๆ มาส่องดูตามท่อยางให้ทั่ว เพื่อเช็กว่ามีจุดรั่วไหลไหม หรือยางมีอาการเสื่อมสภาพแล้วหรือเปล่า หากยังปกติดี ก็สามารถใช้งานต่อได้ตามปกติ 

ตรวจดูการทำงานของพัดลมหม้อน้ำ

การดูตรวจดูว่าพัดลมหม้อน้ำทำงานหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าพัดลมเกิดเสียขึ้นมา การระบายความร้อนก็จะทำไม่ได้เลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เพราะพัดลมหม้อน้ำไม่ได้ทำงานตลอดเวลา แต่จะมีเซนเซอร์คอยวัดอุณหภูมิ เมื่อถึงจุดที่ตั้งค่าเอาไว้ พัดลมก็จะหมุนเพื่อระบายความร้อนออก และเมื่อถึงจุดที่อุณหภูมิตกลง พัดลมก็จะหยุดทำงานนั่นเอง 

หมั่นดูใต้ท้องรถว่ามีอะไรรั่วหรือไม่

และอีกหนึ่งเรื่องง่าย ๆ ที่ผู้ใช้รถทำได้ ก็คือการหมั่นสังเกตรถเราเป็นประจำ อย่างการก้มดูใต้ท้องรถบ้าง ว่ามีอะไรรั่วซึมออกมาไหม ไม่เพียงแต่น้ำหล่อเย็นเท่านั้น แต่อาจเป็นของเหลวชนิดอื่น หรือแม้แต่การเดินดูรอบรถเป็นประจำ ก็เป็นการเช็กความผิดปกติของรถเราไปในตัวที่ควรทำเช่นกัน 

สรุปบทความ ปัญหาหม้อน้ำรั่ว เกิดจากอะไร ขับต่อจะเป็นอันตรายไหม

ผู้ใช้รถเห็นกันแล้วใช่ไหมว่า หม้อน้ำรั่ว เป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะรุนแรง เพราะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง จึงต้องหมั่นดูแล และสังเกตรถของเราเองให้ดี ไม่ต่างจากการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันชั้น 2+ ที่คนมีรถก็ควรทำไว้เช่นกัน เพื่อความอุ่นใจในการใช้รถ เพราะเมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องขอความช่วยเหลือ ก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ หากคุณยังไม่รู้จะทำประกันที่ไหน ให้ insurverse ประกันภัยออนไลน์ ภายใต้เครือทิพยกรุ๊ปโฮลดิ้ง (TIPH) ดูแลคุณดีกว่า เพราะเราเป็นประกันรายแรก ที่เปิดให้คุณปรับแต่งกรมธรรม์ได้อย่างอิสระตามความต้องการ

check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย

© Copyright 2023 บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน)