สำหรับมือใหม่หัดขับรถครั้งแรก เกียร์ออโต้นั้นสำคัญกว่าที่คิด เพราะด้วยระบบเกียร์ออโต้ ไม่ต้องคอยเข้าเกียร์ตามจังหวะ เพียงแค่เปลี่ยนตามทิศทางเท่านั้น อาทิ เดินหน้า ถอยหลัง แต่สำหรับมือใหม่แล้วนั้น ควรจะจำสัญลักษณ์หรือตัวอักษรข้างเกียร์ให้ได้ เพราะแต่ละตัว จะทำหน้าที่ต่างกัน ทำให้วันนี้ทาง insurverse จะมาบอกถึงสัญลักษณ์อักษรต่างๆ ว่าแต่ละตัวนั้นทำหน้าที่อะไรกันบ้าง แอบกระซิบเลยว่าจำไม่ยากอย่างที่คิด
เกียร์ออโต้ คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติของรถยนต์ ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนเกียร์ระหว่างขับขี่แทนคนขับ เพื่อรถใช้กำลังจากเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนส่งไปยังเพลาคลัทช์ ระบบจะมีการปรับเปลี่ยนเกียร์อย่างเหมาะสมตามความเร็วและน้ำหนักรถ ทำให้คนขับรถแบบออโต้สามารถขับขี่ได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งการทำงานก็ไม่ซับซ้อน รถเกียร์ออโต้จึงเหมาะสำหรับมือใหม่หัดขับและคนที่ขี้เกียจเปลี่ยนเกียร์เอง ยิ่งขับรถในตัวเมืองยิ่งขับได้ง่าย ไม่ต้องเมื่อยขาคอยเหยียบคลัทช์แล้วเปลี่ยนเกียร์เองอยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังสะดวกต่อการควบคุมการขับขี่ไม่ว่าจะขึ้นเนินสูงหรือลงเนิน ทุกเส้นทางขับได้ง่ายและปลอดภัยกว่าเดิมค่ะ
รูปแบบเกียร์ออโต้จะหน้าที่เหมือนกันทุกคัน เมื่อได้ทำการสับเปลี่ยนตัวเกียร์ตัวเครื่องยนต์จะส่งกำลังไปยังตัวเพลาและส่งไปยังล้อ เพื่อให้ทำหน้าที่ ไม่ว่าจะเดินหน้า ถอยหลัง ต่อมาเรามาเรียนรู้กันเลยดีกว่าว่า แต่ละตัวบนเกียร์ทำหน้าที่อะไรกันบ้าง? เกียร์ออโต้ มีกี่แบบ? ควรใช้อย่างไร? แต่ละแบบมีเทคนิคการจำอย่างไร? มาดูกันค่ะ
สำหรับ P ย่อมาจาก Parking หรือที่เรียกว่าจอด จำง่ายๆว่า ถ้าจะจอดรถให้ดันเกียร์ไปตัว P เพราะล้อจะล็อคสนิท ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรคไว้ ซึ่งจะใช้ในกรณีต้องการจะจอดรถเท่านั้น แต่ถ้าหากอยู่บริเวณที่ลาดชันมากๆ แนะนำว่าให้ดึงเบรคมือช่วยอีกแรง และข้อสำคัญสำหรับมือใหม่หัดขับรถเกียร์ออโต้ จะดันไปตัว P ได้ ต้องสังเกตด้วยว่าไม่จอดซ้อนคันอื่นไว้ เพราะรถจะไม่สามารถเข็นไปไหนได้
สำหรับ R ย่อมาจาก Reverse หรือเป็นเกียร์สำหรับถอยหลังนั้นเอง ไม่ควรเหยียบเร่งเร็วจนเกินไป ควรจะออกตัวอย่างช้าๆ และควรดูกระจกหลังและกระข้างให้รอบคอบว่าจะไม่มีสิ่งกีดขวาง
สำหรับ N ย่อมาจาก Neutral หรือเรียกว่าเกียร์ว่าง หน้าที่ในเกียร์ออโต้ของ N จะทำงานคล้ายกับ P เลย แต่ต่างกันตรงที่ตัว N สามารถเคลื่อนไหวล้อได้อย่างอิสระ โดยส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเกียร์ N ในขณะที่กำลังติดไฟสัญญาณจราจร เพื่อความประหยัดน้ำมัน และกรณีที่จอดซ้อนคัน ต้องการเปลี่ยนเกียร์ให้ว่าง เพื่อจะได้เข็นรถออกได้ง่ายนั้นเอง
สำหรับ D ย่อมาจาก Drive เป็นเกียร์ออโต้เดินหน้า เหมาะสำหรับใช้บนท้องถนนแนวราบ ซึ่งเรียกว่าเป็นเกียร์ที่จะต้องใช้บ่อยสุดนั้นเอง ภายในระบบจะทำการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้อัตโนมัติ
สำหรับตัว D2 เป็นเกียร์ออโต้ ที่บางรุ่นก็อาจจะไม่มี แต่ด้วยหน้าที่ของ D2 จะสับเปลี่ยนเกียร์ในกรณีที่ต้องขึ้นเขา ทางลาดชันมากๆ หรือกรณีขึ้นบริเวณลาดจอดตามห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ก็สามารถสับเปลี่ยนเป็นเกียร์ D2 ได้
สำหรับตัว D3 จะใช้กับทางตรงเหมือนกับตัว D เลย แต่ด้วย D3 จะสับเปลี่ยนขณะที่ต้องขึ้นสะพาน หรือต้องการจะแซงรถข้างหน้า เพราะด้วยระบบจังหวะเกียร์ D3 เกียร์จะปรับเปลี่ยนให้กำลังอยู่ที่จังหวะ 1-3 เท่านั้น เพื่อไม่ให้แรงม้าตกนั้นเอง
สำหรับ L ย่อมาจาก Low ของเกียร์ ออ โต้ นั้นเอง หากเปรียบกับเกียร์กระปุกก็คือเกียร์ 1 หน้าที่ของ L จะโดนสับเปลี่ยนขณะที่จะขึ้นเนินชันมากๆ อีกทั้งยังช่วยต่ออายุกับผ้าเบรคให้ใช้งานได้ยาวนานอีกด้วย เพราะด้วยเครื่องยนต์จะช่วยลดในการเหยียบเบรคเอาไว้
สำหรับ S ย่อมาจาก Sport จะพบเจอในรถรุ่นใหม่ๆในปัจจุบันมากกว่า ซึ่งหน้าที่จะช่วยในเรื่องการเปลี่ยนอัตราให้เกียร์ทำงานช้าลง อาทิ ในกรณีต้องการแซงรถข้างหน้า
สำหรับ B ย่อมาจาก Break จะเจอในรถเกียร์ออโต้ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำงานเหมือนกับตัว L เลย อาทิ ลงทางลาดชันมากๆ หรือกำลังขึ้นเนินชัน
การใช้งานเกียร์ออโต้มีอายุการใช้งานด้วยนะคะ จะมีระยะเวลาในการเสื่อมสภาพ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยค่ะ ถ้าคุณดูแลเอาใส่ใจและรู้วิธีดูแลเกียร์ออโต้ที่ถูกต้องและใช้เกียร์ออโต้ถูกวิธี ก็จะช่วยเพิ่มอายุเกียร์ ทำให้ใช้งานต่อได้อีกยาวๆ เลยค่ะ ดังนั้นตามมาดูวิธีดูแลเกียร์ออโต้และข้อควรรู้ในการถนอมเกียร์ว่ามีอะไรบ้าง? ตามนี้ค่ะ
แน่นอนการสับเปลี่ยนเกียร์ออโต้ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับมือใหม่อย่างเรา แต่ด้วยมีสถานการณ์ตรงหน้าที่ต้องเจอ นอกจากทักษะการจำเกียร์แล้ว นั้นคือความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน การมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้ข้างกาย เพราะด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นใครที่อยากจะหาประกันรถยนต์ออนไลน์ insurverse เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
เกียร์ออโต้และเกียร์กระปุก แตกต่างกันเรื่องระบบการทำงานและการส่งกำลังเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังแตกต่างในเรื่องของสมรรถนะในการขับขี่, อัตราการใช้พลังงานเชื้อเพลิง, วิสัยทัศน์ในการขับขี่และการควบคุมความเร็วอีกด้วยค่ะ ซึ่งเกียร์กระปุกจำเป็นต้องเหยียบคลัทช์ให้สุดทุกครั้งก่อนเปลี่ยนเกียร์ ส่วนระบบเกียร์ออโต้ให้ขับรถตามปกติ ระบบจะทำการเปลี่ยนเกียร์ให้อัตโนมัติค่ะ หากจะได้เปลี่ยนเกียร์ก็ตอนที่ต้องการเปลี่ยนจากเกียร์ D มา N ค่ะ แนะนำให้เหยียบเบรกรถทุกครั้ง โดยให้รถจอดสนิทก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ค่ะ
สำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้ ถ้ารถแรงสามารถแซงด้วยเกียร์ D ได้เลยค่ะ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนเกียร์ใดๆ เหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้น ระบบเกียร์จะจัดการ Kick down เกียร์ให้อัตโนมัติ แต่หากต้องการลดอัตราทดเพื่อเพิ่มแรงแซงมากขึ้น สามารถลดเกียร์ได้ค่ะ โดยให้เหยียบเบรกเพื่อชะลอรถเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเกียร์เป็น D3 ค่ะ เมื่อแซงเสร็จแล้วก็ชะลอรถด้วยเบรกเล็กน้อยแล้วปรับเกียร์เป็นเกียร์ D แบบอัตโนมัติแบบเดิมค่ะ ทั้งนี้การเปลี่ยนเกียร์แบบนี้บ่อยๆ หากไม่เหยียบเบรกก่อนเปลี่ยนเกียร์ อาจจะทำให้รถกระชากเกียร์และเกียร์เสื่อมไวได้ค่ะ ทางที่ดีใช้แค่เกียร์ D ก็แซงได้แล้วค่ะและก่อนแซงมองรถให้ดีว่าสามารถแซงได้อย่างปลอดภัย จะได้ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุค่ะ
รถยนต์จะมีคลัทช์ เพียงแต่คนใช้รถออโต้ไม่ต้องใช้งานด้วยตัวเอง เพราะระบบจะจัดการให้เองทั้งหมด แต่ถ้าระบบคลัทช์มีปัญหาอาจส่งผลตามมาในเรื่องเข้าเกียร์ไม่ได้ลามไปถึงระบบเกียร์และเฟืองเกียร์ ได้นะคะ แนะนำดูแลเกียร์แล้วก็ให้ช่างตรวจเช็คคลัทช์เพิ่มเติมด้วยค่ะ ถึงแม้รถจะไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็ควรตรวจสอบชุดเกียร์และคลัทช์อยู่เสมอค่ะ
การลงเขา-ขึ้นเขาโดยปกติจะใช้เกียร์ D เป็นหลักค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชันด้วยค่ะ ถ้าทางชันมากอาจต้องขยับเป็นเกียร์ DL(D1)-D3 แทนค่ะ จะได้ควบคุมรถและควบคุมความเร็วได้ดีกว่าเดิม ให้รถมีกำลังในการขับรถขึ้นเขามากขึ้นค่ะ แต่การลงเขาไม่ควรใช้เกียร์ N เด็ดขาด เพราะมีเปอร์เซ็นต์ที่รถจะไหลด้วยความเร็วสูงและทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ค่ะ
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
แหนบรถยนต์ช่วยรองรับน้ำหนัก ดูดซับแรงกระแทก และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ รู้จักหน้าที่ของแหนบและวิธีดูแลจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน
ปีกนกรถยนต์อยู่ใต้ท้องรถกว่าที่จะรู้ว่ามีปัญหาก็อาจทำให้ความเสียหายลุกลามไปยังจุดอื่น ๆ ของช่วงล่าง ควรตรวจเช็กตามระยะและเปลี่ยนอะไหล่ตามวงรอบ
รู้สัญญาณเตือนก่อนถ่านรีโมทรถยนต์จะหมด พร้อมแนะนำเลือกถ่านรีโมทแบบไหนให้เหมาะกับรุ่นรถและควรทำอย่างไรหากถ่านรีโมทหมดกะทันหัน