หลายคนอาจจะคุ้นหูคำว่า “ค่าเสียหายส่วนแรก” กันอยู่บ้างเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องเคลมประกัน ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกก็คือเงินที่เราต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะช่วยเคลมให้ ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ดี ๆ จะช่วยให้เลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับตัวเองง่ายขึ้นอีกเยอะเลย สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร? ค่าเสียหายส่วนแรกมีกี่แบบ? หรือ ค่า Excess จ่ายตอนไหน? ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะวันนี้ Insurverse จะมาช่วยตอบทุกคำถามให้แบบเข้าใจง่ายในบทความนี้!
สารบัญบทความ
เวลาเกิดอุบัติเหตุกับรถแล้วต้องเคลมประกัน อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องจ่ายเงินเองก่อนด้วย? เงินที่ว่านี้แหละที่เราเรียกว่า ‘ค่าเสียหายส่วนแรก’ ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรก คือ เงินที่เราต้องจ่ายไปก่อนที่บริษัทประกันจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เหลือตามความคุ้มครอง โดยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่เราเลือกและเงื่อนไขในกรมธรรม์ เช่น ถ้ารถไปชนเสาไฟฟ้า หรือโดนต้นไม้ล้มทับ ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกตามที่กำหนด
ถ้าพูดถึง “ค่าเสียหายส่วนแรก” สิ่งที่ต้องรู้ไว้ก่อนตัดสินใจเลือกทำประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, ประกันชั้น 2+ หรือประกันชั้นรองลงมาอย่างประกันชั้น 3 ก็จะมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
ค่า Excess คือ เงินที่เราต้องจ่ายเองเบื้องต้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องเคลมประกัน โดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีคู่กรณี หรือหาใครมารับผิดชอบไม่ได้ เช่น รถโดนขูด ยางรั่ว โดนชนแล้วหนีแล้วจำทะเบียนไม่ได้ ในเคสแบบนี้ ค่า Excess ก่อนเคลมประกันจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์
ต้องจ่ายค่า Excess ตอนไหน?
ค่า Excess เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มขับรถ หรือยังขับไม่คล่องมาก เพราะกลุ่มนี้มักมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีมากกว่า เลยช่วยให้เราสามารถเคลมซ่อมในกรณีแบบนี้ได้ง่ายขึ้น
ค่า Deductible คือ เงินที่เรายอมจ่ายเองก่อน เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องเคลมประกัน ส่วนใหญ่จะใช้กับกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดในอุบัติเหตุ เช่น ถ้าเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีเบี้ยรายปี 30,000 บาท แล้วเลือกจ่ายค่า Deductible 5,000 บาท ตอนซื้อประกันก็จะประหยัดไปได้เลย เพราะจะจ่ายค่าเบี้ยแค่ 25,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าเกิดเหตุและต้องการเคลม ก็จะต้องจ่ายค่า Deductible 5,000 บาท ก่อนถึงจะเคลมซ่อมได้
แล้วถ้าไม่อยากจ่ายค่า Deductible ล่ะ?
บางบริษัทประกัน เช่น insurverse ไม่มีค่า Deductible ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าไปได้เยอะ ใครที่ไม่อยากจ่ายเพิ่มตอนเคลม สามารถลองดูประกันแบบนี้ได้
ค่า Deductible เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่มีประสบการณ์ขับรถเยอะ ๆ หรือมั่นใจว่ามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย เพราะถ้าเราไม่ค่อยเคลม ก็ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกันไปได้อีก แถมได้ดูแลความคุ้มครองจากประกันครบเหมือนเดิม
สรุปแล้ว ทั้งสองอย่างเป็นค่าเสียหายส่วนแรกเหมือนกัน แต่
การเลือกประกันรถยนต์แบบมีค่าเสียหายส่วนแรก ไม่ใช่แค่ช่วยประหยัดค่าเบี้ยประกัน แต่ยังช่วยให้เราปรับแผนการเงินให้เข้ากับงบประมาณและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้อีกด้วย โดยข้อดีของการเลือกประกันรถยนต์ที่มีค่าเสียหายส่วนแรก คือ
สรุปแล้ว ค่าเสียหายส่วนแรก คือเงินที่เราต้องจ่ายเองก่อนเป็นส่วนแรกเมื่อต้องการเคลมประกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วค่าเสียหายส่วนแรกจะช่วยให้เราได้เบี้ยประกันที่ถูกลง และยังช่วยให้เราระมัดระวังการขับขี่มากขึ้นอีกด้วย ถ้าใครกำลังมองหาประกันรถยนต์ดี ๆ ตอบโจทย์แบบครบ ๆ ลองดูที่ insurverse ได้เลย เพราะไม่มีค่า Deductible ขั้นตอนเคลมเร็ว ไม่ยุ่งยาก ซื้อออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง เช็คราคาเองได้สบาย ๆ ประกันแบบนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้ทั้งความคุ้มครองและความสะดวก!
check_circleคัดลอกลิงก์เรียบร้อย
การทำประกันไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิตหรือประกันวินาศภัย กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ บางคนมีประกันหลายฉบับ บางคนทำไว้หลายบริษัท พอทำประกันไว้หลายฉบับ หลายบริษัท หลายปีติด ๆ กัน แล้วเล่มหายหรือจำไม่ได้ว่าทำไว้กับใคร ปัญหาเริ่มมาแบบไม่ทันตั้งตัว โชคดีที่ทุกวันนี้สามารถเช็คกรมธรรม์จากเลขบัตรประชาชนได้แล้ว ไม่ต้องไปขุดหาเอกสารเก่า ไม่ต้องโทรถามใครให้ยุ่ง
เวลาเกิดอุบัติเหตุแล้วบริษัทประกันของอีกฝ่ายโทรมาเรียกเก็บค่าซ่อม ใครไม่เคยเจอก็อาจจะคิดว่า “ก็แค่จ่ายไปสิ” แต่พอถึงเวลาจริง บางเคสค่าซ่อมอาจพุ่งไปถึงหลักแสนแบบไม่ทันตั้งตัว แถมบางคนไม่มีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที ก็เลยกลายเป็นคำถามยอดฮิตว่า ถ้าไม่มีเงินจ่าย ประกันเรียกค่าซ่อมแบบนี้ ผ่อนได้ไหม? แล้วจะคุยกับประกันยังไงให้ไม่โดนฟ้อง ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างให้รอดจากสถานการณ์สุดเครียดนี้ทุกมุม มาหาคำตอบแบบไม่ต้องมโนกันในบทความนี้ดีกว่า การเลือกประกันรถยนต์ที่เข้าใจคนขับจริง ๆ เลยเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้เลือกความคุ้มครองเองได้ตามงบอย่าง insurverse ที่ช่วยให้ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเกินจำเป็น แถมยังซื้อตรงไม่ผ่านตัวแทน ถูกจริงตั้งแต่แรก ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมในทันที ทำไงดี ถ้าบริษัทประกันเรียกเก็บค่าซ่อมจากคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด แล้วคนคนนั้นไม่มีเงินจ่ายเต็มจำนวน ไม่ต้องรีบจ่ายทันทีแบบหน้ามืดตามัว เพราะสามารถขอเจรจากับบริษัทประกันได้ตรง ๆ ว่าจะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม ซึ่งประกันหลายเจ้าก็พร้อมรับฟัง ถ้ามีเหตุผลและความจริงใจที่จะจ่ายจริง วิธีนี้เรียกว่า การประนอมหนี้ คล้าย ๆ กับการตกลงกันว่า จะผ่อนเท่าไหร่ กี่งวด แล้วต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หรือบันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน และป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท ประกันของตัวเองช่วยอะไรได้บ้าง ในบางเคส คนที่เป็นฝ่ายผิดก็ยังมีประกันรถยนต์ของตัวเองอยู่ แบบนี้สบายใจได้ในระดับนึง เพราะประกันของเราจะเข้ามาช่วยดูแลค่าซ่อมในส่วนที่ครอบคลุมไว้ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่ต้องไม่ใช่เคสที่เข้าข่ายถูกตัดสิทธิ เช่น เมาแล้วขับ หรือใช้รถผิดประเภท… Continue reading ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ผ่อนได้ไหม? รู้ทันทุกขั้นตอนก่อนโดนฟ้อง คุยจบ เคลียร์ได้ ไม่ต้องหนี
กรมธรรม์ คือ เอกสารสัญญาสำคัญระหว่างผู้เอาประกันกับบริษัทประกันภัย โดยจะระบุความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง